ความสงบด้วยปัญญา


เรามักจะเข้าใจกันว่า ความสงบ 
คือต้องไม่มีความคิดอะไรเลย นั่นก็ใช่..
แต่เป็นความสงบเพราะทำสมถะ 
แต่มีความสงบอีกประเภทคือ 
แม้ความคิดจะมีอยู่ คิดเรื่องราวต่างๆ มากมาย 
ไปเรื่องในอดีตบ้าง อนาคตบ้าง 
แต่ใจก็ยังสงบได้ท่ามกลางคลื่นความคิดเหล่านั้น 
เป็นความสงบด้วยปัญญาที่เห็นว่า
สิ่งทั้งปวงเป็นอนัตตา ไม่ใช่เรา 
บังคับไม่ได้ ใจที่เข้าใจความจริงนี้ 
จึงไม่ดิ้นเข้าไปจับไปแบกความคิดเหล่านั้น 
จึงสงบสบายท่ามกลางกระแสความคิดที่เปลี่ยนแปลงนั้น
พระอาจารย์เจษฎา  คุตฺตจิตฺโต

Image by bogitw from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา




 

การเข้าถึงอริยมรรคอริยผล เป็นเรื่องของศีล


...การเข้าถึงอริยมรรคอริยผล มันไม่ใช่เรื่องของสมาธิ 
แต่เป็นเรื่องของศีล ท่านนักเทศน์ทั้งหลายท่านเทศน์ว่า 
ศีลมีหน้าที่รักษา กาย วาจา มันไม่ถูก 
อันนี้พูดเอากันเพียงแต่ว่า ขั้นเจตนา
ศีล แปลว่า ปกติ เมื่อจิตตั้งมั่นมีความเป็นปกติ
ไม่หวั่นไหวต่อบาปและบุญ อันนั้นแหละคือศีล
ในเมื่อมันเข้าไปถึงข้างในจริงๆ แล้ว 
ศีลนี่แหละเป็นตัวการสำคัญที่สุด 
ที่มันจะเป็นมัคคปฏิปทา ตัดทอนกิเลสและบาปกรรม 
สมาธิเป็นแต่เพียงฐานการสร้างพลังจิตให้เข้มแข็ง 
ปัญญาก็ให้รู้เหตุรู้ผล แต่เมื่อรู้เหตุรู้ผล แล้วจิตปล่อยวาง
ก็กลายเป็นปกติจิต
เพราะฉะนั้น ในขั้นที่อริยมรรคอริยผลจะเกิด
จริงๆ นี่ ' ศีล '..ต้องเข้าถึงจิตถึงใจ...
.

ที่มา หนังสือ สะอาด พระราชสังวรญาณ

(หลวงพ่อพุธ  ฐานิโย)

Image by Engin_Akyurt from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา



 

ภูมิคุ้มกันจากข้างใน


ความรู้สึกตัว จะเป็นสิ่งที่ช่วยเราได้มากเลย
โดยเฉพาะในยุคสมัยนี้
ในยุคที่มันมีสิ่งต่างๆ ที่รุมเร้าเข้ามามากนะ
ถ้าเราอยู่กับความรู้สึกตัวเป็น
มันคือ ภูมิคุ้มกันให้กับตัวเรานั่นเอง
เหมือนเรามีบ้านที่ป้องกันแดดลมฝนต่างๆ
จิตใจเรานะ ..ถ้าอยู่กับความรู้สึกตัวได้เป็น 
มันคือ ภูมิคุ้มกันจากข้างใน
จะทำให้เรามีความมั่นคงจากภายใน
เพราะฉะนั้น..เป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะเข้าถึงได้
.
พระมหาวรพรต  กิตฺติวโร

Image by emetelev9tv from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

คือ รู้ทันความรู้สึกของตัวเอง


คำว่าดูจิต ดูจิตนั้นแหละ 
คือ รู้ทันความรู้สึกของตัวเอง ...
ดูจิตไม่ได้ดูจิต มันเป็นแค่ภาษาเท่านั้นเอง 
ครูบาอาจารย์ท่านใช้มา 
ในความเป็นจริงที่ท่านสอนไม่ได้ดูตัวจิตหรอก 
ท่านดูความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับจิต 
เวลาจิตกระทบอารมณ์แล้วมีความรู้สึกเกิดขึ้น 
 ทำไมดูที่ตัวความรู้สึก 
เพราะจิตไม่มีร่องรอยอะไรให้ดูได้เลย
เราดูความเปลี่ยนแปลงของจิตผ่านเจตสิก 
ผ่านสิ่งที่เกิดร่วมกับจิต 
.
หลวงพ่อปราโมทย์  ปาโมชฺโช

Image by jggrz from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา



 

นั้นล่ะเจริญภาวนากรรมฐาน จบ


…พระพุทธเจ้าองค์ปฐมท่านสอนง่ายมาก  
“สติแปลว่าระลึก” ทำอะไรก็ระลึกตรงนั้น  
นั้นล่ะเจริญภาวนากรรมฐาน  จบ  ง่ายไหม  
ไม่มีภาระต้องไปคิดด้วย  ว่าต้องใช้วิธีไหน  
ต้องทำยังไง  ต้องซ้ายขวาออกก่อนต้องอะไร  
ไม่มีเลยเห็นไหม  
.
ท่านสอนง่ายมากเห็นไหม  “สติแปลว่าระลึก”  
จับคำเดียว  เวลาทำอะไรก็ระลึกตรงนั้น 
เพราะนั้นเจริญกรรมฐานได้ทุกขณะไหม  
ไปทำงานก็ยังเจริญกรรมฐานได้ไหม  
ขับรถเจริญกรรมฐานได้ไหม  
ได้หมดทุกอิริยาบถ เห็นยัง
.  
เพราะเวลากิเลสมันเกิด  เวลาความทุกข์มันเกิด  
มันเกิดอยู่ช่วงพวกนี้หมด  
เพราะนั้นเมื่อสติมันฝึกอยู่ในประจำวันอย่างนี้  
เวลาทุกข์ใจมันเกิดนี่  
สติมันจะระลึกความทุกข์ได้  ใช่ไหม
.  
สติระลึกความทุกข์ก็เรียกว่า 
ทุกข์เป็นของที่ควรกำหนด  
เมื่อสติระลึกรู้ความทุกข์ในใจได้  
ก็เรียกว่าได้กำหนดดูทุกข์แล้ว ใช่ไหม
.  
สมุทัยเป็นของที่ควรละ  
อะไรเป็นเหตุให้ทุกข์เกิด  
ก็อุปาทานความสำคัญเป็นตัวตนเกิดตรงนั้นเอง  
เมื่อเห็นแจ้งตรงนั้นเมื่อไหร่  
ก็เรียกว่ามันละสมุทัยแล้ว  
ความทุกข์ในใจมันก็ดับ  
เรียกว่านิโรธะมันเกิด 
การที่สติสมาธิปัญญา
มันเห็นเหตุเห็นผลตรงนั้น  
นั่นก็คือตัวมรรคนั่นเอง  
เพราะฉะนั้นอริยสัจ ๔ 
จึงเดินอยู่ในจิตตลอดเห็นยัง  
มันจะเกิดตรงนี้ไม่ได้เลย  
ถ้าเราไม่หัดตรงนี้
.  
เพราะฉะนั้นเวลามันเกิดนี่  
เราฝึกอยู่ในชีวิตประจำวันอย่างนี้  
เวลามันเกิดเวลาไหน  
สติตัวนี้มันจะเข้ามาทำงานทันที  
เวลามันระลึกเวทนากลางอก  
ก็เรียกว่า เวทนานุปัสสนา ถูกไหม  
เวลามันระลึกโลภโกรธหลงกลางอก  
ก็เรียกว่า ธัมมานุปัสสนา ใช่ไหม  
นี่ มันอยู่ทำหน้าที่ของมันหมด  

พระอาจารย์วิชัย กัมมสุทโธ

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ 


Image by 周游中国 from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา





 

รู้ (อัญญา) เป็นปกติจิตที่ ว่าง


เมื่อปี 2519 มีพระเถระ 2 รูป เป็นพระฝ่ายวิปัสสนา กัมมัฏฐานจากทางอีสานเหนือ แวะไปกราบนมัสการหลวงปู่ แล้วสนทนาธรรมเรื่องการปฏิบัติ เป็นที่เกิดศรัทธาปสาทะและดื่มด่ำในรสพระธรรมอย่างยิ่ง 
.
ท่านเหล่านั้นกล่าวย้อนถึงคุณงามความดี ตลอดถึงภูมิธรรมของครูบาอาจารย์ ที่ตนเคยไปพำนักศึกษาปฏิบัติมาด้วยเป็นเวลานานว่า อาจารย์องค์นี้อยู่กับพรหมวิหารเป็นปกติ คนจึงนับถือท่านมาก หลวงปู่องค์นั้นอยู่กับอัปปมัญญาพรหมวิหาร ลูกศิษย์ของท่านจึงมากมายทั่วสารทิศไม่มีประมาณ ดังนี้เป็นต้น ท่านจึงมีแต่ความปลอดภัยจากอันตรายตลอดมาฯ
.
หลวงปู่กล่าวว่า
“เออ ท่านองค์ไหนมีภูมิธรรมแค่ไหน ก็อยู่กับภูมิธรรมนั้นเถอะ เราอยู่กับ “รู้”
.
ครั้งเมื่อพระเถระทั้ง 2 รูปได้ฟังคำพูดของหลวงปู่ว่า หลวงปู่ท่านอยู่กับ “รู้” ต่างองค์ก็นิ่งสงบชั่วระยะหนึ่ง แล้วก็เรียนถามหลวงปู่ต่อไปว่า อาการที่ว่าอยู่กับรู้ มีลักษณะเป็นอย่างไรฯ
.
หลวงปู่ตอบอธิบายว่า
“รู้ (อัญญา) เป็นปกติจิตที่ ว่าง สว่าง บริสุทธิ์ หยุดการปรุงแต่ง หยุดการแสวงหา หยุดกิริยาของจิต ไม่มีอะไรเลย ไม่ยึดถืออะไรสักอย่าง”
หลวงปู่ดุลย์ อตุโล

Image by xiSerge from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

จิต


จิตสามัญชน   หลงอารมณ์  หลงจิต
จิตผู้ปฏิบัติธรรม  เพ่งอารมณ์   เพ่งจิต
จิตผู้ถึงธรรม  วางอารมณ์ วางจิต
จิตเดิม ไร้อารมณ์  ไร้จิต

ชีวา นาวิน
จากเพจ เซน

Image by yilileon from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

มิใช่เพราะทุกสิ่งมันต้องดีไปหมด


ความสุขเกิดขึ้น
มิใช่เพราะทุกสิ่งมันต้องดีไปหมด
แต่เพราะ...
เราสามารถมองเห็นความดีงาม
ในทุกสิ่งต่างหาก

นิรนาม

Be happy.
Not because everything 
is good, but because
you can see the good in
everything.

Unknown

Image by sasint from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

การปฏิบัติธรรมทั้งหมด เป็นไปเพื่อการทิ้ง


...ทางสายวิปัสสนาไม่ซับซ้อน
เป็นเรื่องง่ายๆ เริ่มต้นด้วยสัมมาทิฏฐิ
คือมีความเห็นที่ถูกต้องตามความเป็นจริง เท่านี้
การปฏิบัติธรรมทั้งหมด
เป็นไปเพื่อการทิ้งเท่านั้นเอง
อย่าไปปฏิบัติเพื่อจะเอา เพื่อจะได้
เราปฏิบัติเพื่อให้จิตใจมาอยู่กับเนื้อกับตัว
เพื่อจะเป็นสะพานเชื่อมไปสู่สภาวะจริงแท้
คือความรู้สึกที่ไม่ปรุงแต่ง

ท่านเจ้าคุณพระภาวนาเขมคุณ

(พระอาจารย์สุรศักดิ์ เขมรังสี)

Image by susan-lu4esm from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

เส้นทางแห่งพุทธะ


การเพียรทำอะไร
ไม่ใช่ทำอะไรเพื่ออะไร
การปฏิบัติธรรมก็เช่นกัน
เพราะเมื่อความปรารถนาสิ่งใดเพื่อตัวเรา
หมดสิ้นไป ความทุกข์ทั้งมวลก็ดับไปพร้อม
เส้นทางแห่งพุทธะ...
ไม่ใช่เส้นทางที่ได้อะไรกลับมา
และ ไม่ใช่เส้นทางที่สูญเสียอะไรไป
ไม่มีทั้งการไป... ไม่มีทั้งการมา...
ไม่มีแม้การหยุดอยู่
เป็นเส้นทางที่เต็มสมบูรณ์อยู่แล้ว
โดยไม่เคยมีแม้แต่... "ผู้เดินทาง"
สิ้นตัวตนของผู้เดินทาง
ไม่มีทั้งปลายทาง
ไม่มีทั้งทางเดิน
ไม่มีทั้งผู้เดินทาง มีแต่การเดินทาง
ของธรรมชาติอย่างแท้จริง
เป็นธรรมชาติ... โดยธรรมชาติ
และ ส่งต่อโดยธรรมชาติ
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
Image by StockSnap from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา




 

ไม่ต้องกลัวกิเลส


"ทุกข์" มา สุข ก็ ดับ 
"สุข" มา ทุกข์ ก็ ดับ
ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปๆ
ผ่านไป ทั้งสุข ทั้งทุกข์
ไม่ได้มีอะไรเลย....
เรื่องอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในจิตเรา
มันไม่ดับ ไม่มีหรอก!
แม้แต่กิเลสมันก็เกิดดับ 
ไม่ต้องกลัวกิเลส
เราไม่ทำตามมัน มันก็จบแล้ว
ถ้าจิตเราเข้มแข็ง เราจะไม่คล้อยตามมัน
เราจึงไม่กลัวกิเลส
แต่ถ้าเราอ่อนแอ กิเลสเป็นเราเลย!
.
พระอาจารย์ครรชิต สุทฺธิจิตโต

Image by 4678112 from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา



 

มีปัญญา รู้...ตามความเป็นจริง


ศีล เป็นเครื่องระงับ  
สงบ  กายวาจา  กายวาจาสงบ  จิต...ก็สงบ  
เมื่อจิตสงบ...ก็ตั้งมั่น  
เกิดเป็น...สมาธิ   จิต มีอำนาจ มีกำลัง
.
เมื่อจิตตั้งมั่น แท้แล้ว  
อยากรู้อะไร ก็ได้รู้  เกิดปัญญาเห็นแจ้ง
.
เมื่อมีปัญญาแล้ว  
ก็ไม่หลงอะไร อีกต่อไป  ไม่ทำอะไรผิด
มีสติ...รู้เท่าทันอะไรถูก อะไรผิด  
เมื่อไม่ทำอะไรผิด   ความทุกข์ก็...ไม่มี
.
มีปัญญา รู้...ตามความเป็นจริง
ความเศร้าโศก  เสียใจอะไรก็ ไม่มี
เพราะรู้แล้วว่า...มันเป็นอย่างนั้นเอง
ความพลัดพรากจากของรัก  
ความไม่ได้  สิ่งที่อยากได้  
ความไม่ได้ สิ่งที่อยากเป็น 
เหล่านี้  เป็นของธรรมดา  
ไม่ใช่ เรื่องสำหรับเศร้าโศก เสียใจ
.
มีปัญญา เห็นจริงอย่างนี้แล้ว  
คิดอะไร ก็ดี  ทำอะไร ก็ดี  พูดอะไร ก็ดี  
ดี ทั้งนั้น

หลวงปู่ขาว อนาลโย

เพจวัดพระธาตุขุนบง

Image by akirEVarga from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

บุคคลที่จะหลุดพ้นได้..


บุคคลที่จะหลุดพ้นได้
ต้องมีความเพียรในการเรียนรู้ 
กายใจตน ให้ชัดแจ้งต่อเนื่อง
ไม่ใช่มีความเพียรในการแสวงหา
ธรรมะ วิธีการปฏิบัติ จากครูอาจารย์
ท่านนั้น ท่านนี้เรื่อยไป เพื่อจะได้เคล็ดลับ 
คลิกเข้าสู่นิพพานอย่างง่ายๆ รวดเร็ว
ทำอย่างนี้ ยิ่งพอกพูนอาสวกิเลส
จะเกิดตัณหาในธรรม ตัวตนหนาแน่น
หลงกลเกมของมารอวิชชาครอบงำ
ยิ่งพยายามหา ยิ่งไม่เห็น
หยุดเมื่อไหร่ จึงเห็น

อาจารย์ปู่ เอกธาตุ

Image by tmhaohong from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

ให้คอยระวังดูใจ อย่าให้มันไปเกิด


จงพยายามรักษาใจตัวเดียวก็พอ 
แล้วอย่าไปรักษาสิ่งอื่นให้มันยุ่ง 
เพราะธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นใหญ่ 
ถ้าเรารักษาใจตัวเดียวได้แล้ว ก็เท่ากับว่า 
เรารักษาธรรมของพระพุทธเจ้าได้ทั้งหมดเลย 
ให้คอยระวังดูใจ อย่าให้มันไปเกิด 
คือเกิดยินดียินร้ายในสิ่งทั้งปวง 
อย่าให้มันเกิดเลย ก็หมดทุกข์เท่านั้น 
เพราะทุกข์ มันมาแต่เกิด 
ถ้าใจไม่เกิด ทุกข์ทั้งปวงก็ดับไปหมดเลย 
ดับทุกข์ ก็คือดับโลก 
คำว่าโลก คือสิ่งที่ทรมานใจสัตว์ 
ให้ได้รับแต่ความทุกข์ยากลำบากอย่างเดียว 
ความสุขอยู่กับโลก...ไม่มีเลย 
ถ้าเราเอาใจออก หนีจากโลกได้ 
มันก็มีแต่ความสบาย ไม่มีทุกข์ 
เราทุกข์ เพราะเรามีโลก 
ถ้าว่างจากโลกแล้ว ก็หมดทุกข์ 
ถ้าพวกเราอยากพ้นทุกข์ ให้ปล่อยโลกวางโลก 
อย่าให้มีโลกติดอยู่กับใจของเราเลย

หลวงปู่คูณ สิริจันโท

Image by Camera-man from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา



 

ทำตัวเองให้เป็นเนื้อนาบุญ


การทำบุญ ไม่ใช่มัวแต่หาเนื้อนาบุญ
การมีเนื้อนาบุญ เป็นเพียงทางหนึ่งที่เราจะได้ทำบุญ
คือ..ให้ทาน
แต่พระพุทธเจ้าสอนให้เราทำตัวเองให้เป็นเนื้อนาบุญ
เราจะต้องพัฒนาตัวเอง
ให้รู้จักเอื้อเฟื้อ สละความตระหนี่
คือ ให้ทาน
เราจะต้องฝึกตัวเอง
ให้ไม่แสดงออกทางกาย วาจา 
ไปละเมิดคนอื่น
คือ มีศีล
และเราเอง..จะต้องเป็นผู้ที่มีทุกข์น้อยลง
รู้จักเจริญภาวนาบ้าง
สงบให้เป็นบ้าง
แล้วสงบอย่างเดียวไม่พอ ต้องเจริญวิปัสสนาด้วย
คือ..ทำความเข้าใจความจริง
มีปัญญารู้สภาวะของสิ่งทั้งหลายตามที่มันเป็น

พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล

จากหนังสือฝากคิด ฝากคำ เล่ม ๕

Image by klickblick from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

ใจใหม่ ใจปลอม


เวลาเป็นทุกข์เป็นร้อน
คนเรามักไปโทษใจ
ชอบพูดกันว่า ไม่สบายใจ
ความจริงใจมันจะมีอะไร
ใจมันสบายอยู่แล้ว
เหมือนกับใบไม้ในป่า
ตามปกติใบไม้จะอยู่นิ่งๆ
แต่บางครั้งไม้กวัดแกว่งไปมา
เพราะอะไร เพราะถูกลมพัด
ถ้าไม่มีลมพัด ใบไม้ก็อยู่นิ่งๆ เป็นปกติ
ใจเราก็เหมือนกัน เป็นของสงบ สะอาดอยู่แล้ว
ใจเดิมของเราเป็นอย่างนั้น
ที่กวัดแกว่งหวั่นไหวไปมานั้น คือใจใหม่ ใจปลอม
เป็นใจที่ถูกตัณหาชักจูงไปมา
เราจึงรู้สึกสุขบ้าง รู้สึกทุกข์บ้างตลอดเวลา

หลวงปู่ชา สุภัทโท

Image by sam_lg from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

 

ไม่ควรลืมหน้าที่สำคัญเพื่อตนเอง


หน้าที่ทางโลกมีความจำเป็นต้องทำตามสมมุติ
แต่ไม่ควรลืมหน้าที่สำคัญเพื่อตนเอง คือ 
“การทำความรู้จักใจตนเอง
เพื่อการปล่อยวางและสิ้นทุกข์”
อยู่กับสมมุติ ทำหน้าที่ตามสมมุติ 
แต่ไม่ทุกข์ไปกับสมมุติ

การเดินทาง แห่งจิตวิญญาณ

Image by Nennieinszweidrei from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

คือสิ้นผู้จะเอา ...


เวลาเราจะปฏิบัติ ไม่ว่าจะปฏิบัติสำนักไหนมา
ก็ต้องอ่านใจตัวเองให้ขาดว่า
เราปฏิบัติเพื่อจะเอา หรือปฏิบัติ
เพื่อจะสิ้นความหลงยึดมั่นถือมั่น 
ถ้าเราปฏิบัติเพื่อจะเอาตัวเราไปเอาอะไร 
เป็นการเดินทางผิดอริยมรรคทั้งหมด 
เพราะ “อริยมรรค” คือปฏิบัติเพื่อสิ้นอวิชชา
ที่ติดมากับจิตดั้งเดิมแท้ๆ หรือใจดั้งเดิมแท้ๆ 
คือสิ้นผู้จะเอา 
สิ้นตัวเราที่จะเอา จะได้ จะเป็น 
สิ้นตัวเราที่ไปมีกิเลสตัณหาต่อสิ่งใด 
ไปยึดมั่นถือมั่น 
สิ้นความหลงยึดมั่นถือมั่น
ก็สิ้นกิเลส สิ้นความทุกข์ เขาเรียกว่า “นิพพาน”

หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย

จากหนังสือ “จบซะที”

Image by TheOtherKev from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

ปฎิบัติเพื่อละอัตตา จึงไม่มีจริง


...อย่าพูดถึงมรรค หรือ ความเป็นกลาง
มันก็แค่ ชื่อ เมื่อเห็นทั้งสองฝั่ง ผู้ตัดสิน มิใช่เรา
มรรคจึงปรากฎ มิใช่ เราทำมรรค
หรือ เราทำให้เป็นกลาง 
เมื่อไม่มีเรา...มันกลางเอง เช่นนั้นเอง
ไม่ใช่เรา สะกดจิตตัวเอง 
มันยิ่งกว่า การยอมรับ หรือ ปฏิเสธ
เมื่อหายตัวใน ก็เหลือ 
สรรพธาตุ และ โปรแกรม 
เขาดำเนินไปอย่างนั้นเอง เช่นนั้นเอง 
ไม่ใช่เราบอก เช่นนั้นเองนะ
.
อนัตตา ทุกสิ่งบังคับบัญชาไม่ได้
คำว่า อัตตา ย่อมหายไปเอง
ปฎิบัติเพื่อละอัตตา จึงไม่มีจริง
ยิ่งปฎิบัติ ก็ต้องเอาอัตตาเข้าไปกระทำ 
ก็ยิ่งตรงกันข้ามกับที่เธอบอกว่า
ทุกสิ่งบังคับบัญชาไม่ได้
เห็นตามความเป็นจริง เห็นโดยที่
เธอ ไม่ใส่ความหมายอะไรลงไป  
จึงเรียกว่า เห็นตามความเป็นจริง

พระอาจารย์ปกรณ์นันทน์ ฐิตธัมโม

Image by Pathawi6 from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

หากต้องการค้นหา พุทธะ


หากต้องการค้นหา พุทธะ 
สิ่งที่เธอต้องทำ คือ 
ดูธรรมชาติของเธอ 
พุทธะ คือ ผู้ที่เป็นอิสระ 
ไม่มีความยืดติด ปราศจากความกังวล  
ถ้าเธอไม่เห็นธรรมชาติของเธอแล้ว 
แสวงหาที่อื่น เธอจะไม่มีวันพบพุทธะเลย  
ความจริงก็คือ ไม่มีอะไรให้ค้นหา  
แต่เพื่อบรรลุความเข้าใจดังกล่าว
เธอต้องมีครู  
และเธอต้องดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองเข้าใจ

ท่านโพธิธรรม (ปรมาจารย์ตั๊กม้อ)

จากหนังสือ "หลักคำสอนของเซนแห่งโพธิธรรม"
แปลโดย Red Pine

Image by mercierzeng from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

”เรือเปล่า”



มองอย่างพุทธ "เรือเปล่า" ก็คือ
จิตที่ว่างเปล่าจากตัวตน 
หรือพูดให้ถูกต้องกว่านั้นก็คือ
จิตที่ว่างเปล่าจาก
ความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนนั่นเอง 
ผู้ที่มีจิตว่างเปล่าตามนัยดังกล่าว
ย่อมอยู่ในโลกนี้ได้อย่างราบรื่นและผาสุก 
แม้จะไม่ถึงกับปลอดพ้น
จากการถูกตะโกนด่าว่า
ดังเรือเปล่าของจางจี้อ 
แต่คำตะโกนด่าว่านั้น
ย่อมไม่อาจทำให้ทุกข์ได้ 
เพราะไม่มีตัวตนออกไปรับคำด่า 
ใช่หรือไม่ว่า 
ถ้ามีตัวตนหรือยึดมั่นถือมั่นใน "ตัวกู" เมื่อไร 
ก็อดไม่ได้ที่จะนำเอาคำด่านั้นมาเป็น "ของกู" 
เกิดความสำคัญมั่นหมายว่า "ตัวกู" ถูกด่า 
หรือมี "ตัวกู" เป็นเป้าให้คำด่าว่านั้น
เข้ามากระทบกระแทก

”เรือเปล่า”

พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล

Image by EvgeniT from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

เป็นกลางด้วยปัญญา


ถ้าเมื่อไหร่ ... จิตเห็นว่า
ทุกอย่างเป็นของชั่วคราว
จิตมันจะเป็นกลางด้วยปัญญา
ความสุขเกิดขึ้น มันไม่หลงระเริง
เพราะมันรู้ว่า ชั่วคราว
ความทุกข์เกิดขึ้น มันไม่ทุรนทุราย
เพราะมันรู้ว่า ชั่วคราว
ดีใจ เสียใจ สมหวัง ผิดหวัง
มันไม่หลงระเริง ไม่เสียอกเสียใจ
เพราะมันรู้ว่า ชั่วคราว
เห็นไหม พอมันเห็นว่าทุกอย่างชั่วคราว
ใจจะหมดความดิ้นรน
เรียกว่า เป็นกลางด้วยปัญญา

หลวงพ่อปราโมทย์  ปาโมชฺโช

Image by Andhoj from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

อย่ามุ่งที่จะรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา


ผู้ถาม :

ดิฉันพบว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้สึกตัวตลอดเวลา
( I find it impossible to be aware all the time. )
.
ท่านกฤษณมูรติ :

กรุณา อ ย่ า มุ่ ง ที่จะรู้สึกตัว
อ ยู่ ต ล อ ด เ ว ล า
เพียง ใ ห้ รู้ อ ยู่ บ้ า ง แม้สักเล็กน้อย
( Don't be aware all the time. Just be aware in little bits. )
ได้โปรดเถอะ การรู้สึกตัวอยู่ตลอดหามีไม่
นั่นเป็นความคิดที่น่ากลัว
ความปรารถนาอันน่ากลัว
ที่จะให้ความรู้สึกตัวสืบต่ออยู่ยาวนาน
นั่นเสมือนเป็นฝันร้าย
.
แค่รู้แม้เพียงหนึ่งนาทีหรือวินาที 
ในขณะวินาทีแห่งความรู้สึกตัวเช่นนั้น 
คุณสามารถจะหยั่งเห็นทั้งจักรวาลได้ 
นี่มิใช่จะกล่าวเป็นเชิงกวี
( Just be aware for one minute, for one second, 
and in that one second of awareness 
you can see the whole universe. 
That is not a poetic phrase. )

ท่านกฤษณมูรติ


Image by Erik_Karits from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

จิตควรเป็นเขตปลอดซึ่งทุกข์


การรู้จักรักษาจิตให้สงบอยู่เสมอๆ  
เป็นบุญเหนือบุญอีกอย่างหนึ่ง 
ดีกว่าปล่อยจิตให้ฟุ้งซ่าน
ดีกว่าปล่อยจิตให้ล่องลอยไร้ทิศทาง
ดีกว่าปล่อยจิตให้ตกเป็นทาสอารมณ์-ความคิด ..ฯลฯ..
คนเราจำเป็นต้องรู้จักการรักษาจิตให้สงบ .. 
จิตควรเป็นเขตปลอดซึ่งทุกข์ใดๆ แทรกแซง..
ธรรมชาติของจิตเดิมแท้ ปราศจากทุกข์มาแต่เดิม 
นี่เป็นความจริงสูงสุด..

อิโตมิ จัง

Image by Bergadder from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา