ธรรมอยู่ตรงที่ ไม่ติดโลก


เห็นธรรมได้
ก็เพราะเห็นโลก
โลกนั่นแหละธรรม
เห็นโลกตามจริงได้
ก็วางโลก ธรรมก็อยู่ตรงที่
ไม่ติดโลกนั่นเอง

พระอาจารย์เจษฎา คุตฺตจิตฺโต

Image by  ID 422694 from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา




 

พ้นทุกข์ให้ได้


เป้าหมายต้องไปให้ถึง ที่ว่า “พ้นทุกข์ให้ได้”
อย่าเพียงพอใจแค่ว่า .. ทำความสงบได้แล้วพอใจ
สงบแล้ว..ก็เสื่อมได้
สงบแล้ว..ก็ฟุ้งซ่านได้
แล้วก็ “ถูกทิ้งไว้กลางทาง”
และยังคงวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏ ไม่มีวันจบ

พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล

Image by kalyanayahaluwo from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

ใครหยุดความคิดตัวเองได้


ใครหยุดความคิดตัวเองได้ผู้นั้นเรียกว่า"หยุดโลก" 
ใครรู้ทันความคิดตัวเองได้ผู้นั้น"เหนือโลก" 
ใครดับความคิดตัวเองได้ผู้นั้น"เหยียบโลก" เข้าใจมั้ยจ๊ะ 
เช่นองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าท่าน 
ดีก็ไม่เอา..ไม่ดีก็วาง ท่านจึงเหนือโลก 
แต่ไม่ได้หลุดโลก คือท่านก็อยู่โลกของท่าน 
โลกแห่งความว่างที่ไม่มีอะไรเจือปน 
ที่ไม่มีทุกข์ไม่มีทั้งสุข 
ถ้ายังมีสุขอยู่การเกิดยังมีต่อไป 
เข้าใจมั้ยจ๊ะ

หลวงปู่โต พรหมรังสี
ธรรมะมหัศจรรย์ วันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๖๐
ณ สถานปฏิบัติธรรมพรหมรังสี บ้านโปร่งวิเชียร จ.เพชรบุรี

Image by ChrisFiedler from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

ธรรมชาติแห่งความเป็นพุทธะ

ธรรมชาติแห่งความเป็นพุทธะดั้งเดิมของเรานั้น 
โดยความจริงอันสูงสุดแล้ว 
เป็นสิ่งซึ่งไม่มีความหมายแห่งความเป็นตัวตน
แม้แต่สักปรมาณูเดียว 
สิ่งนั้นก็คือ ‘ความว่าง’ 
เป็นสิ่งซึ่งมีอยู่ในที่ทุกแห่ง 
สงบเงียบ และไม่มีอะไรเจือปน 
มันเป็นสันติสุขที่รุ่งเรืองและเร้นลับ 
และก็หมดกันเพียงเท่านั้นเอง

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล

Image by Vitamin from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา





 

ให้อยู่เหนือสุขและอยู่เหนือทุกข์


ผู้ปฏิบัติทั่วไปคิดว่าดับทุกข์แล้วจะสุข 
แล้ววิธีดับทุกข์ของผู้ปฏิบัติทั่วไปก็คือ
เอาสุขมาดับทุกข์
สร้างสุขให้มากขึ้นๆ
แล้วเมื่อสุขมากขึ้นทุกข์จะหายไปเอง 
เข้าใจกันอย่างนั้นโดยส่วนมาก... 
บอกได้เลยว่า ทุกข์นี้ดับไม่ได้ 
ไม่มีใครดับทุกข์ได้
และสุขไม่มีใครสร้างได้ 
สิ่งที่นักปฏิบัติทำได้ก็คือ
ให้อยู่เหนือสุขและอยู่เหนือทุกข์...

พระอาจารย์ชานนท์ ชยนนฺโท

Image by Free-Photos from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา




 

ไม่มีวัน...ที่ “ฉัน” จะเป็นอิสระได้


มนุษย์เราโหยหาอิสรภาพ 
เราพยายามค้นหาสถานที่ 
ยศถาบรรดาศักดิ์ วิถีชีวิต 
หรือความสัมพันธ์ 
ที่จะทำให้เราเป็นคนที่มีอิสระ 
แต่วิปัสสนาช่วยให้เราค้นพบว่า 
ไม่มีวัน...ที่ “ฉัน” จะเป็นอิสระได้ 
ปัจเจกบุคคล...จะไม่สามารถเป็นอิสระได้
เพราะอัตตาตัวตนของคนผู้นั้นเอง
...เป็นคุกขังตัวเองไว้

พระพรหมวชิรญาณ
(พระอาจารย์สุเมโธ)

Image by Free-Photos from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา



 

จิตอิสระ


ความสามารถในการ
"ไม่ปรุงแต่งตอบโต้ของจิต" นี้
เป็นสิ่งที่มีคุณค่ามาก
เพราะจิตในขณะที่เรามีสติ
รู้เท่าทันเวทนาที่เกิดขึ้น
โดยยังคงรักษา "อุเบกขา" 
ไว้ได้นั้น เป็นจิตอิสระ

ท่านอาจารย์โกเอ็นก้า

Image by pascalmwiemers from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา



 

จึงเหนือบุญเหนือบาป


ให้ทานทั้งปวงไม่เท่าธรรมทาน
สร้างวัด 100 วัดไม่เท่าการให้อภัยครั้งหนึ่ง
แต่สิ่งที่พ้นจากการเกิดตาย 
สิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
จึงเหนือบุญเหนือบาป

พระอาจารย์ปกรณ์นันทน์ ฐิตธัมโม

Photo by Markus Spiske on Unsplash

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

นั่นแหละจึงเรียกว่ามีธรรม


ธรรมะอะไรๆ รู้หมด เข้าใจหมด
ชีวิตมีความสุขดี แต่เพลินไปกับความสุข
ไม่ฉุกใจว่า สุขกับทุกข์นั้น อยู่ติดกัน
เมื่อพลาดจากสุขนั้น สุขนั้นหายไป
ย่อมถูกทุกข์บีบคั้นใจ จนไม่อาจรับได้
แท้จริงไม่ต้องรู้ธรรมะอะไรมากมายก็ได้
แต่ให้รู้สึกตัว ให้มีธรรมในจิตใจของตน
ธรรมแท้ไม่มีคำพูด...เมื่อไม่ถูกทุกข์ครอบงำ
นั่นแหละจึงเรียกว่ามีธรรม...

พระอาจารย์เจษฎา คุตฺตจิตฺโต

Image by Pezibear from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

มันเป็นแค่การกลับบ้าน


การปฏิบัติธรรมทั้งหมดทั้งสิ้น 
มันเป็นแค่การกลับบ้าน…
กลับมาอยู่ให้ถูกบ้าน 
พอเรากลับถูกบ้าน 
จิตใจเป็นปกติ มันก็พ้นทุกข์เลย

Camouflage

Photo by Inside Weather on Unsplash

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

ผู้ที่สังเกตเห็นธรรมชาติแท้จริงของตน


ผู้ที่สังเกตเห็นธรรมชาติแท้จริงของตนคือ พุทธะ
ถ้าเธอไม่สามารถเห็นธรรมชาติแท้ของเธอได้ 
การอ้อนวอนหาพุทธะ 
การท่องบ่นพระสูตรใดๆ 
การสักการะบูชา การรักษาศีล 
เหล่านี้  ล้วนเปล่าประโยชน์ 
การอ้อนวอนหาพุทธะมีผลให้เกิดกรรมดี 
การท่องบ่นพระสูตร มีผลให้เกิดความจําดี 
การรักษาศีล มีผลให้เกิดชาติใหม่ที่ดี 
การทําการสักการะบูชา 
มีผลให้เกิดความสุขในอนาคต 
แต่ทั้งหมดมิอาจพบพุทธะได้เลย

ปรมาจารย์ตั๊กม้อ

หนังสือคำสอนท่านโพธิธรรม แปลโดยชยธมโมภิกขุ

Photo by manos koutras on Unsplash

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา



 

จะได้อยู่เฝ้าวัฏฏะนานๆ


ใจที่เป็นมารของเรา 
มันไม่ห้ามสวรรค์หรอกนะ
มันชอบด้วยที่จะได้สวรรค์ 
เพราะง่ายที่ทำให้เกิดความพึงใจติดข้อง 
จะได้อยู่เฝ้าวัฏฏะนานๆ

การเดินทาง แห่งจิตวิญญาณ

Image by TheDigitalArtist from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

นิพพาน แปลว่าใจที่ปกติ


นิพพาน แปลว่าใจที่ปกติ-สงบเย็น
ไม่ไหลไปตามความพอใจและความไม่พอใจ
คนที่มีจิตใจเช่นนี้ เรียกว่า คนมีศีล-มีธรรม
ศีล
ไม่ได้หมายถึงศีล ๕ ข้อ   ศีล ๒๒๗ ข้อ
เพราะนั่นเป็นศีลสังคม
ศีลในที่นี้มีเพียงข้อเดียว  เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
ที่ต้องรักษากันจริง ๆ จัง ๆ
คือให้รักษาใจ เป็นศีลใจ
ใครรักษาได้ ก็ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น
มีจิตใจปกติ

หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ
 
Image by KLAU2018 from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

นั่นแหละคือ อวิชชา


พระพุทธองค์ตรัสว่า
"อวิชชาเป็นเหตุให้เกิดวัฏฏะทุกข์"
อวิชชาหรือความไม่รู้แจ้งประจักษ์
..อยู่ตรงไหนอย่างไร.?
ความหลงยึดอยู่ในการปรุงแต่งอารมณ์จิตทั้งหลาย
นั่นแหละคือ อวิชชา

อาจารย์ปู่ เอกธาตุ 

Photo by Amol Tyagi on Unsplash

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

อารมณ์มาหลอกลวง


ความทุกข์เกิดขึ้น 
เพราะไม่รู้เท่า 
เมื่อรู้เท่าทันความจริงแล้ว 
ทุกข์ก็หายไปเอง 
เราคิดว่าจิตเป็นสุข 
จิตเป็นทุกข์ แต่ความจริง 
จิตไม่ได้สร้างสุข สร้างทุกข์ 
อารมณ์มาหลอกลวง มันจึงหลงอารมณ์

หลวงปู่ชา สุภัทโท

Photo by Vivek Doshi on Unsplash

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา



 

เข้าถึงวิปัสสนาปัญญาที่รู้แจ้ง


เสียง  ก็เป็นเพียงธรรมชาติ  
ได้ยิน  ก็เป็นเพียงธรรมชาติ  
เย็นร้อน  ก็เป็นเพียงสักแต่ว่าธรรมชาติ  
ไม่ใช่ตัวเราของเรา  
สบายก็เป็นเพียงสักแต่ว่าธรรมชาติ  
ไม่สบาย  ก็เป็นเพียงธรรมชาติ  
จิตใจที่รับรู้  ก็เป็นเพียงธรรมชาติ  
รู้ก็หมดไป  รู้ก็หายไป  
อย่างนี้เห็นความจริง  
เข้าถึงวิปัสสนาปัญญาที่รู้แจ้ง

พระอาจารย์สุรศักดิ์ เขมรังสี

Photo by Sora Sagano on Unsplash

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา



 

ถ้าอยากจะ "ดับกรรม" ยอมรับเลย!



เมื่อมีสิ่งมากระทบ
แล้วมันกระเทือนเข้าไปหาจิต
ถ้าจิตเราทำความเข้าใจปั๊บ ยอมรับปั๊บ
"ฉั น ย อ ม รั บ ไ ด้"
มันจะ ว า ง
ถ้าอยากจะ "ดับกรรม" ยอมรับเลย!
ถ้ายอมรับได้ จิตเราจะไม่ยินดียินร้าย
มันจะเข้าสู่หลักธรรมของพระพุทธเจ้า
"มีความเพียร
มีสัมปชัญญะ มีสติ
กำจัดความยินดียินร้ายในโลกนี้เสียได้
อันนี้เป็นหลักพื้นฐานเลยนะ

พระอาจารย์ครรชิต สุทธิจิตโต
หนังสือคิดให้สบายก็ไม่เป็น
 
Image by enriquelopezgarre from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

แค่ไหนก็ต้องสรุปตรงข้อนี้


ธรรมทั้งปวงไม่ควรยึดมั่น
สุดท้าย...
ต่อให้ปฎิบัติมามากแค่ไหนกี่อสงไขย
สะสมบุญกุศลมามหาศาล มหากัลป์
แค่ไหนก็ต้องสรุปตรงข้อนี้
เกิดมาเพื่อคลายจากการยึดถือเท่านั้น
ไม่ใช่สร้างสมมุติเพิ่ม แต่
คลายจากสมมุติที่ตนไปยึด

พระอาจารย์ปกรณ์นันทน์ ฐิตธัมโม
 
Photo by Aaron Burden on Unsplash

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

ธรรมทั้งปวงไม่ควรยึดมั่น


"ธรรมทั้งปวงไม่ควรยึดมั่น"
จอมเทพ ! กล่าวโดยย่อ
ด้วยข้อปฏิบัติเพียงเท่านี้
เป็นผู้หลุดพ้นแล้ว
ด้วยธรรมเป็นที่สิ้นตัณหา

จูฬตัณหาสังขยสูตร
ม.มู ๑๒/๓๙๐/๔๒๐-๔๒๒

Photo by Mattia Faloretti on Unsplash

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

อย่าทำตัวเป็นกะลา ที่ครอบกบ


อย่าทำตัวเป็นกะลา
ที่ครอบกบ
ถ้าเป็นกบในกะลา
ยังมีวันออกมาได้
แต่ถ้าเป็นกะลาเอง
ก็มืดอยู่อย่างนั้นเอง
รู้ให้เท่าความคิดเห็น
ความสำคัญตัว
และความทะยานอยาก
เมื่อนั้นย่อมพ้นจากความมืด
ที่ปิดใจจากการเรียนรู้ธรรม
พร้อมดำเนินจิตสู่มรรคา

พระอาจารย์เจษฎา คุตฺตจิตฺโต
 
Image by Kranich17 from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

คุณค่าของทุกข์


ความทุกข์ที่ท่านทั้งหลายต้องประสบนั้น
ให้คุณค่าแก่เราทั้งหลาย คือ...
ทำให้เราเกิดความตระหนักรู้
ถึงโทษภัยในวัฏสงสาร
ทำให้เราเข้าหา
สิ่งที่จะเป็นหนทางหลุดพ้นจากวงจรตรงนี้ได้ 
เห็นทุกข์จึงเห็นธรรม
เพราะว่าถ้าเราใช้ชีวิตสบายเป็นวันๆ
ไม่เจอทุกข์เลย
เราก็ไม่ถามหาทางพ้นทุกข์
เมื่อเราไม่หาทางพ้นทุกข์
เมื่อเราต้องจากโลกนี้ไป
เราก็เข้าสู่วงจรอุบาทว์เหมือนเดิม
ตกต่ำจมสู่ความมืดมิด
ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้มีชีวิตเป็นมนุษย์
แล้วพบพระพุทธศาสนาอีก..

พระมหาวรพรต กิตฺติวโร
 
Image by lrasonja from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา



 

การรู้เวทนาทางใจ



ใจมีความสุขขึ้นมา รู้ทัน
ความสุขหายไป รู้ทัน
ใจมีความทุกข์ขึ้นมา รู้ทัน
ความทุกข์หายไป รู้ทัน
ฝึกแค่นี้แหละ...การรู้เวทนาทางใจ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

Image by lrasonja from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

นั่นไม่ใช่มรรคแห่งพุทธะ


ตราบใดที่ผู้เรียนรู้และปฏิบัติธรรม 
ยังมองเรื่องกิเลสพันห้าตัณหาร้อยแปด
รวมทั้งมารทั้งหลาย
เป็นสิ่งภายนอกมากระทำต่อตนเอง
นั่นคืออวิชชา (ความไม่รู้จริง) โมหะ (ความหลง)
เพราะนั่นย่อมทำให้เขาไม่อาจ
มองกลับมาที่ตนเองเพื่อแก้ไข
หรือจัดการกับความไม่รู้ภายในจิตตน
แต่กลับมุ่งไปจัดการภายนอก 
นั่นไม่ใช่มรรคแห่งพุทธะ

พระอาจารย์ครรชิต อกิญจโน

Image by lizzymay from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

การปฎิบัติต้องเป็นไปอย่างฉับพลัน


การปฎิบัติต้องเป็นไปอย่างฉับพลันหรืออึดใจเดียว...
คือการไม่ขึ้นอยู่กับความคิด ไม่เข้าไปในความคิด 
และไม่มุ่งขจัดความคิด 
ทันทีที่มีสภาวะรู้สึกตัวเช่นนั้นถือว่า 
เป็นทุกอย่างแห่งการปฏิบัติ หรือว่า 
เป็น ศีล สมาธิ ปัญญาโดยเบ็ดเสร็จ 
คือ ปล่อยให้สภาพที่เป็นแล้ว 
ได้ทำงานตามธรรมชาติของมันเป็น
ไม่มีแม้การกำหนด คือ 
ปล่อยให้สภาพที่เป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น 
เพียงแค่ประคองไม่ให้เข้าไปในความคิด 
เท่านั้นเป็นพอ 

ท่านเขมานันทะ

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


Image by lizzymay from pixabay


 

รู้ด้วยใจที่เป็นกลาง ดีก็ได้ ชั่วก็ได้


คนอยากดี จะรังเกียจความปรุงแต่งที่ชั่ว
เวลาความปรุงแต่งที่ชั่วเกิดขึ้น
จะพยายามบีบบังคับผลักไสไล่ส่ง
พยายามกดข่มลงมา
ในขณะนั้นมันชั่วแล้ว
เพราะมีกิเลส มีโทสะแล้ว
คือไม่ชอบสภาวะที่เกิดขึ้น
จริงๆ ตอนที่อยากดี มันก็ชั่วแล้ว
เพราะมีโลภะ
เรามีหน้าที่เห็นว่าใจเราปรุงชั่ว
แล้วก็ยอมรับมัน
รู้ไปด้วยใจที่เป็นกลาง
ความปรุงชั่วต่างๆ เดี๋ยวก็ดับเอง
มีอะไรที่ไม่ดับ
ฉะนั้นมีอะไรเกิดขึ้น รู้ไปซื่อๆ
รู้ด้วยใจที่เป็นกลาง
ดีก็ได้ ชั่วก็ได้

อ.ประสาน พุทธกุลสมศิริ

Image by dimitrisvetsikas1969 from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

มองให้เห็นความจริงแท้



ในความจริงสูงสุดนี้
ไม่ต้องละทิ้งสิ่งใด
ไม่ต้องเพิ่มเติมสิ่งใด
มีเพียงการมองให้เห็นความจริงแท้
ก็จะถึงซึ่งการหลุดพ้น

ท่านนาคารชุน

Image by BeAligned from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

รับรู้ความจริง ตามความเป็นจริง


อย่า “ ไ ห ล ” ไปกับสังขาร
อย่า “ ห นี ” ออกจากมัน
อย่า “ ห ยุ ด ” นิ่งเฉย ไม่รับรู้มัน
แต่จงรับรู้ความจริง ตามความเป็นจริง
กระทั่ง “ รู้ ” ออกมาจากใจ ว่า
ทุกสรรพสิ่งล้วน “ ว่ า ง เ ป ล่ า ”
ไม่มีสาระแก่นสาร ให้ยึดมั่นถือมั่น

หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย

Image by holdosi from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

ถึงเรายึดโลก โลกก็ไม่ยอมให้เรายึด


โลกนี้โลกแห่งสมมุติ เกิดมาเพื่อเสื่อม 
เป็นของที่เกิดมาแก่ มาเจ็บ มาตาย 
เป็นเราเพียงแต่สมมุติเรียกกัน 
เอาของที่มีอยู่แล้วมาสมมุติกัน 
เป็นของเกิดมาตาย 
โดยที่เขาก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร 
เอาใจเข้าไปถาม 
แล้วความจริงก็จะบอกเรา 
ว่าเป็นของทิ้งจริงๆ 
ของเป็นของทิ้งโดยธรรมชาติ 
เขาก็ทิ้งของเขาโดยธรรมชาติอยู่แล้ว  
เขาไม่ได้ต้องการให้เราไปยึดถือเขาอยู่แล้ว 
เราไม่ต้องเจตนาไปทิ้งเขา 
เขาก็ทิ้งเขาเองอยู่แล้ว

หลวงปู่แบน ธนากโร 

Image by jplenio from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

ไม่มีตนในที่ตรงไหน


ความเข้าใจในสิ่งใด 
ไม่เท่าเข้าใจในตน
เมื่อสามารถเข้าใจในตนแล้ว
จะเห็นว่า ไม่มีตนในที่ตรงไหน
เพราะอะไร ...เพราะเมื่อรู้จักตนแล้ว
จะเห็นว่าไม่สามารถ
ที่จะบังคับตนได้เลย 
ไม่มีสิ่งใดอยู่ในอำนาจบังคับ
แม้แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ...ใจ

พระอาจารย์เจษฎา คุตฺตจิตฺโต

Image by geralt from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

ธรรมชาติของใจ ที่จะผันออกจากสังสารวัฏ


ธรรมชาติอย่างหนึ่ง
ในอัธยาศัยของใจ
ที่จะผันออกจากสังสารวัฏ คือ 
ใจนี้จะมีการยอมรับกับความจริงว่า 
ทุกข์เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในชีวิต 
จึงไม่มีความเกลียดชังความทุกข์ 
แต่กลับก็มีความระแวงต่อความสุข
.
เมื่อจิตใจมันเกิดอัธยาศัยอย่างนี้ 
มันจึงเกิดความเห็นขึ้นในตัวมันว่า 
ชีวิตอันต้องดำเนินไปอยู่นี้ 
จะอยู่อย่างไรโดยที่ความทุกข์-สุข 
ไม่มีผลกับจิตใจ
.
ถ้ามองความจริงของชีวิตเป็นจริงๆ 
จะรู้ว่า "ชีวิต" โดยแท้ คือ 
การต้องอยู่กับสิ่งที่ไม่ชอบไม่น่าพอใจ
มากกว่าการได้อยู่กับสิ่งที่ชอบที่น่าพอใจ
สิ่งที่ชอบที่น่าพอใจเป็นเพียงเหยื่อล่อ
พาให้หลง เพื่อจะได้เวียนเกิดไม่จบสิ้น

การเดินทาง แห่งจิตวิญญาณ

Image by NickyPe from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

ความน่ากลัวของตัวตน


ท่านเคยเห็นไหม
เวลาที่มีความรู้สึกเป็นตัวเป็นตนขึ้นมา
มันน่ากลัวอย่างไร
มันใช้เราไปทำนั่นทำนี่จนเป็นทุกข์
ใช้ให้เราไปเถียงคนอื่น ไปว่าคนอื่น
ใช้ให้เราไปเอาเรื่องที่ไม่จำเป็นมาคิด
จนกระทั่งเกิดทุกข์
ทั้งๆ ที่เรื่องต่างๆ นั้น ไม่มีอะไร
มันก็ทำให้เราเป็นทุกข์ได้
เพราะมีความเป็นชาติเกิดขึ้น
จึงมีความเป็นเรา เป็นเขา
กลายเป็นผู้แสดงบทบาท
กลายเป็นพระเอกบ้าง
ผู้ร้ายบ้าง ผู้อิจฉาบ้าง
ผู้ดีบ้าง ผู้เลวบ้าง 
ผู้ถูกบ้าง ผู้ผิดบ้าง ต่างๆ นานา
นี้คือความเป็นชาติ ความรู้สึกว่าเป็นตัวเป็นตน
ซึ่งเราควรจะเห็นภัยและกลัวมัน
อย่ามัวแต่ไปกลัวสิ่งอื่น

อ.สุภีร์ ทุมทอง

Image by enriquelopezgarre from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา