เราอย่ามุ่งเอาความสงบ อย่ามุ่งหนีฟุ้งซ่าน


เรา...อย่ามุ่งเอาความสงบ 
...อย่ามุ่งหนีฟุ้งซ่าน
ไม่อย่างนั้น...มันจะเป็นสังโยชน์ผูกไว้
.
ถ้ามุ่งหนี...ความฟุ้งซ่าน
มันก็จะเป็น...สังโยชน์ตัวหนึ่ง
ผูกเราไว้...ให้ไม่ชอบมัน
พอรักสงบ...มันก็จะผูกเราไว้อีก
ผูกเราไว้...ให้ไปรักมัน
.
รักหรือเกลียด...มันก็เท่ากันแหละ
มันเป็นสังโยชน์...ผูกเราไว้พอกันเลย
...ผูกจิตเราไว้เหมือนกัน
สงบหรือฟุ้งซ่าน...ก็ผูกเราได้เท่ากัน
.
แต่ที่หนักกว่านั้น คือ...
โดยมาก คนจะนึกว่า...สงบมันดีกว่า
นั่นแหละ...ที่มันผิดหนักกว่าเดิม
.
ดังนั้น เป็นคนดีนัก...ก็ไม่ดีเท่าไหร่
มันจะผิดหนักกว่าคนชั่ว...ด้วยซ้ำไป
เพราะ คนชั่ว อย่างน้อยก็พอรู้จักว่า...ตัวเองผิด
.
ส่วนคนดี บางที ไม่รู้ว่า...ตัวเองผิด
การไม่รู้ว่า...ตัวเองผิด
นั่นแหละ...มันผิดหนักกว่าคนรู้ตัวเองอีก
.
อ.สุภีร์ ทุมทอง

Image by JonPauling from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

สังขารุเปกขาญาณ


ความสงบและความฟุ้งซ่านเท่าเทียมกัน 
ความสุขและความทุกข์ก็เท่าเทียมกัน 
เพราะล้วนแต่เกิดแล้วดับทั้งสิ้น..  
จิตสงบก็ไม่เที่ยง จิตฟุ้งซ่านก็ไม่เที่ยง 
จิตสุขก็ไม่เที่ยง จิตทุกข์ก็ไม่เที่ยง
ต่อไปจิตมันจะเป็นอุเบกขา... 
ทางสมาธิ อุเบกขาก็สูงสุด 
ทางปัญญา อุเบกขาก็สูงสุดแล้ว 
ปัญญาที่ทำให้จิตเป็นอุเบกขาต่อสังขาร 
เรียกว่า สังขารุเปกขาญาณ 
สังขารุเปกขาญาณนี่เป็นประตู 
เพื่อการบรรลุอริยมรรคนะ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

Image by solenedesjardins from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา