พอเห็นอย่างนี้ก็โยนจิตทิ้งเลย


...ดูถึงจุดหนึ่ง จะเห็นความจริงว่าจิตนี้ทุกข์ล้วนๆ 
ไม่ใช่ทุกข์บ้างสุขบ้าง จิตนี้เองเป็นที่พึ่งอาศัยอะไรไม่ได้...
เมื่อภาวนาแล้ว สติ สมาธิ ปัญญามันพอ 
จะเห็นว่าจิตนี้เอาเป็นที่พึ่งที่อาศัยไม่ได้จริงหรอก 
เพราะมันไม่เที่ยง มันมีได้แล้ว มันก็ดับได้ 
มันไม่เที่ยง มันยังตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์อีก 
ของที่ตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์เอาเป็นที่พึ่งที่อาศัยไม่ได้
แต่ของที่มีเอกลักษณ์เอาเป็น
ที่พึ่งที่อาศัยได้ คือนิพพาน...
หลวงปู่ดูลย์เคยสอนหลวงพ่อเอาไว้ว่า 
“ถ้าวันใดเราเห็นว่าจิตกับธรรมชาติที่แวดล้อมอยู่
เป็นสิ่งเดียวกัน วันนั้นจะพ้นทุกข์”
พวกเราเห็นจิตกับธรรมชาติที่แวดล้อมอยู่เป็นคนละอัน
นึกออกไหม วันหนึ่งเรารู้เลยว่า 
ตัวจิตนี้กับธรรมชาติแวดล้อมอยู่มันอันเดียวกัน 
มันก็คือของนอกๆ ที่ไม่มีเจ้าของเหมือนกัน 
ที่ไม่มีเจ้าของเท่าๆ กัน 
พอเห็นอย่างนี้ก็โยนจิตทิ้งเลย 

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

Image by stux from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา



 

วันนั้นจะพ้นทุกข์


ถ้าวันใดเราเห็นว่า
จิตกับธรรมชาติที่แวดล้อมอยู่
เป็นสิ่งเดียวกัน
วันนั้นจะพ้นทุกข์

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล

Image by BUMIPUTRA from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา