บุญเก่าที่เคยทำจะตามมาประกบ


พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า...
บุคคลที่มองโลกในแง่บวก 
คือ..ผู้ที่มีจิตเป็นกุศล
ผู้มีจิตเป็นกุศล 
บุญเก่าที่เคยทำจะตามมาประกบ 
และส่งผลให้ต่อเนื่องอยู่เสมอ..
แต่บุคคลที่คิดลบจะไปดึงเอา
กรรมเก่าเก่าที่เคยทำมา 
ตามประกบทำให้ชีวิต..
อยู่อย่างแบบ..คนใช้หนี้กรรม..

อิโตมิ จัง

Image by Pexels from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

การแผ่เมตตาเพียงแค่ระยะเวลาเท่าช่วงน้ำนมหยด


พระพุทธองค์ตรัสว่า
“การแผ่เมตตามีอานิสงส์
มากกว่าถวายข้าววันละ ๓๐๐ หม้อ”
เมตตาทำให้จิตสงบ
.
การแผ่เมตตาเพียงแค่ระยะเวลาเท่าช่วงน้ำนมหยด
มีอานิสงส์มากกว่า
การถวายทานด้วยข้าวถึง ๓๐๐ หม้อเสียอีก
จึงควรเจริญเมตตาให้มาก ทำให้ยิ่ง
เข้าถึงเมตตาเจโตวิมุตติ..
.
หน้าตาจะผ่องใส สมาธิจะตั้งมั่นได้เร็ว
ไม่หลงทำกรรม ไม่หลงตาย
เมื่อตายแล้วก็จะไปสู่พรหมโลก
อานิสงส์ของเมตตามีมาก
ถ้าเรามีจิตเมตตา เราจะมีความสุข
.
เมื่อจิตของเรามีเมตตา ใจของเราก็จะเย็น
แม้ว่าคนอื่นจะร้อนมากระทบ
จิตของเขาก็จะพลอยลดความร้อนลง
ใจที่ขัดเคืองมา โกรธขึ้นมา
เมื่อมาพบกับเราที่จิตใจเย็นด้วยเมตตา
เขาก็จะพลอยเย็นไปด้วย
ต่อๆ ไปใจของเขาก็จะเริ่มยอมรับ
.
การแผ่เมตตานั้น ต้องแผ่กันเป็นประจำ
ตื่นขึ้นมานึกขึ้นได้ ก็ว่า
“ขอให้สัตว์ทั้งหลาย
จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด”
.
อยู่ที่ไหนพอนึกขึ้นได้ก็แผ่
แผ่บ่อยๆ จิตเราก็จะเกิดเมตตาจริงๆ
พอจิตมีเมตตาจริง
จิตจะอิ่มเอิบ เบิกบาน
หน้าตาก็จะผ่องใส
เมื่อใจอิ่มปากก็จะยิ้มด้วย
.
ในขณะที่จิตแผ่เมตตา
นึกถึงสัตว์ทั้งหลาย
“ขอให้สัตว์ทั้งหลายจงมีความสุข”
แผ่ไปๆ ขณะที่แผ่เมตตานั้น เป็นสมถะ
ทำให้จิตสงบได้
แต่ในขณะที่แผ่ จิตก็กลับมารู้สภาวะในจิต
พบว่าจิตมีความอิ่มเอิบ มีปิติ
มีความปรารถนาดี
นี่คือ รู้สภาวะปรมัตถ์
เดี๋ยวก็แผ่เมตตาไป
เดี๋ยวก็มารู้สภาวปรมัตถ์
รู้สลับไปมาอย่างนี้ก็ได้..

พระอาจารย์สุรศักดิ์ เขมรังสี

Image by Pexels from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา