จิตปกติได้ ด้วย "การรู้เท่าทัน"


เราไม่สามารถทำ "จิตให้เป็นปกติ" 
ด้วย "ความคิดด้วยความรู้" 
แต่เราสามารถ "ทำจิตให้เป็นปกติ" ได้
ด้วย "การรู้เท่าทัน"
เราไม่ได้ไป "ห้ามอารมณ์" 
แต่ "รู้เท่าทันอารมณ์" ดังนั้น 
เราต้องช่วยฝึกฝนให้จิตเคยชิน
ที่จะรู้สึกตัวมากกว่าปล่อยจิตให้ไปคิด 
ไปปรุงแต่ง เมื่อจิตเป็นกลาง 
ก็ไม่หวั่นไหวไปกับอารมณ์กระทบต่างๆ 
เพียงแค่รู้ จิตก็หลุดออกมาจากอารมณ์ต่างๆ 
หนักแน่นดุจขุนเขา 
เปรียบเหมือนกระแสลม
แม้จะรุนแรงเพียงใด ขุนเขาก็ไม่หวั่นไหว 
นี่เรียกว่า "อ ยู่ ห นื อ โ ล ก" 
คือไม่ทุกข์ไปกับโลกอีกต่อไปแล้ว

อ. กำพล ทองบุญนุ่ม

ฟังธรรมแล้วนำมาเล่า
(คัดตอน เรียบเรียงจากการฟังธรรม ตอน รู้เป็นกลาง)
โดยชมรมเพื่อนคุณธรรม

Image by Andhoj from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

https://www.facebook.com/Jaturataweep/





 

หลบยมบาล – หายตัว


หลบยมบาล – หายตัว

ต้องภาวนาให้จิตเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ
มัจจุราชจึงจะมองหาจิตเธอไม่เห็น
ถ้ายังเข้าถึงสภาวะจิตเดิมไม่เป็น
จะต้องหลงประเด็นสิ่งเกิดดับไปอีกนาน
ระวังจะหลงประเด็นกับสิ่งที่เกิดดับ 
จงหันกลับคืนสู่เคหสถาน (ความเป็นกลาง)
อย่าให้มีตัวเราเข้าไปเป็นประธาน
แล้วพวกยมบาลก็จะตามหาจิตเราไม่เจอ

เมื่อไม่มีตัวประธานเป็นผู้ก่อภพ
เวลากระทบก็เป็นลบหมดความหมาย
ไม่เป็นบวกดั่งแต่ก่อนพาเกิดตาย 
ให้เวียนว่ายในสามภพ จบไม่เป็น.

ส่วนมากเราจะทำเพื่อเอา เป็นบวก 
คือ สร้างกุศลเยอะๆ 
ไม่ทำเพื่อละอัตตาตัวตน 
ทำเพื่อเอาจะเป็นโลกีย์ 
แต่ถ้าทำฟรีๆ จะเข้าข่ายโลกุตระโดยอัตโนมัติ
ทำเพื่อธรรมไปตามหน้าที่ อย่าให้จิตนั้นมีคอร์รัปชั่น
เห็นจิตกับสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งเดียวกัน 
ก็อยู่พรหมจรรย์เรื่องการภาวนา

(พระโมฆราชเคยทูลถามพระพุทธเจ้าเรื่องการหลบพญามัจจุราช) 

พระอาจารย์เรวัติ สุปภาโต

จากหนังสือ ปัจจุบันจิต ปัจจุบันธรรม

Image by Ed_Gar from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

https://www.facebook.com/Jaturataweep/