เราจะต้องรู้แจ้งตัวเองให้เห็นชัด แล้วก็เบื่อหน่ายตัวเอง


..ในโลกนี้ทั้งหมดแล้ว
เรารักสิ่งใดชอบสิ่งใด
สิ่งนั้นก็คือรักตัวเองชอบตัวเองนั่นเอง
การเบื่อหน่ายโลกนี้ให้หมด...
ถ้าเราไม่คลายความยินดีในตัวเองออกได้
ไม่มีทางเลย
ถ้าเราจะให้จิตเบื่อหน่ายคลายโลก
หรือคลายอารมณ์ของโลกออก
เราจะต้องรู้แจ้งตัวเองให้เห็นชัด
แล้วก็เบื่อหน่ายตัวเอง
ซึ่งเป็นต้นเหตุของปัญหา...
เบื่อหน่ายในที่นี้ไม่ใช่ไม่อยากเห็นจงเกลียดจงชัง
แต่เป็นการทำให้เห็นแจ้งขันธ์ ๕
แล้วละความยินดีในตน
ถอนความยึดมั่นขันธ์ ๕

พระอาจารย์จรัญ ทักขญาโณ

Image by jeonsango from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา




 

มันต้องยึดในตัวหลักปฏิบัติ


ถ้าโยมปรารถนาต้องการจะไปทางใดก็ตาม 
โยมต้องดับความอยากนั้นก่อน 
ดับความฟุ้งซ่านรำคาญใจ หยุดคิด... 
ลงมือทำ คือ "วางทุกตำรา"
.
เมื่อเราอ่านตำราแล้ว เข้าใจแล้ว
เราก็ต้องวางตำราเพื่อจะปฏิบัติ ใช่หรือไม่..
ดังนั้นอย่าให้ตำราทั้งหลายเข้าไปอยู่ในหัว 
ในความคิดทั้งหลาย 
เพราะมันจะเกิดการปรุงแต่งแห่งจิต.. 
จะเกิดการ "อุปาทาน" 
ดังนั้นโยมต้องวางทุกอย่าง

แต่เมื่อใดโยมประพฤติปฏิบัติไปแล้ว
แล้วโยมเห็นตามที่ว่ามันเกิดขึ้น
ไปตรงกับตำรานั้นแล 
ความเชื่อความศรัทธามันก็จะบังเกิด 
เพราะตำรานั้นก็เหมือนเข็มทิศ
ที่จะพาโยมเดินไป ถ้าเดินไปแล้วไม่ตรงตำรา..
มันจะเกิด “ตัวรู้" ขึ้นมาเอง 
ตำราจะผิดจะเพี้ยนมันก็จะบ่งบอกได้ 
ถ้าเราไปยึดตำราเสียแล้ว 
ไอ้สภาวะการยึดนี้แล เราจักไม่รู้จริงได้ 
มันต้องยึดในตัวหลักปฏิบัติ เข้าใจมั้ยจ๊ะ

สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี

Image by jeonsango from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


ที่มา : เพจธรรมะมหัศจรรย์ ตามรอยธรรมสมเด็จโต สถานปฏิบัติธรรมพรหมรังสี