นั้นล่ะเจริญภาวนากรรมฐาน จบ


…พระพุทธเจ้าองค์ปฐมท่านสอนง่ายมาก  
“สติแปลว่าระลึก” ทำอะไรก็ระลึกตรงนั้น  
นั้นล่ะเจริญภาวนากรรมฐาน  จบ  ง่ายไหม  
ไม่มีภาระต้องไปคิดด้วย  ว่าต้องใช้วิธีไหน  
ต้องทำยังไง  ต้องซ้ายขวาออกก่อนต้องอะไร  
ไม่มีเลยเห็นไหม  
.
ท่านสอนง่ายมากเห็นไหม  “สติแปลว่าระลึก”  
จับคำเดียว  เวลาทำอะไรก็ระลึกตรงนั้น 
เพราะนั้นเจริญกรรมฐานได้ทุกขณะไหม  
ไปทำงานก็ยังเจริญกรรมฐานได้ไหม  
ขับรถเจริญกรรมฐานได้ไหม  
ได้หมดทุกอิริยาบถ เห็นยัง
.  
เพราะเวลากิเลสมันเกิด  เวลาความทุกข์มันเกิด  
มันเกิดอยู่ช่วงพวกนี้หมด  
เพราะนั้นเมื่อสติมันฝึกอยู่ในประจำวันอย่างนี้  
เวลาทุกข์ใจมันเกิดนี่  
สติมันจะระลึกความทุกข์ได้  ใช่ไหม
.  
สติระลึกความทุกข์ก็เรียกว่า 
ทุกข์เป็นของที่ควรกำหนด  
เมื่อสติระลึกรู้ความทุกข์ในใจได้  
ก็เรียกว่าได้กำหนดดูทุกข์แล้ว ใช่ไหม
.  
สมุทัยเป็นของที่ควรละ  
อะไรเป็นเหตุให้ทุกข์เกิด  
ก็อุปาทานความสำคัญเป็นตัวตนเกิดตรงนั้นเอง  
เมื่อเห็นแจ้งตรงนั้นเมื่อไหร่  
ก็เรียกว่ามันละสมุทัยแล้ว  
ความทุกข์ในใจมันก็ดับ  
เรียกว่านิโรธะมันเกิด 
การที่สติสมาธิปัญญา
มันเห็นเหตุเห็นผลตรงนั้น  
นั่นก็คือตัวมรรคนั่นเอง  
เพราะฉะนั้นอริยสัจ ๔ 
จึงเดินอยู่ในจิตตลอดเห็นยัง  
มันจะเกิดตรงนี้ไม่ได้เลย  
ถ้าเราไม่หัดตรงนี้
.  
เพราะฉะนั้นเวลามันเกิดนี่  
เราฝึกอยู่ในชีวิตประจำวันอย่างนี้  
เวลามันเกิดเวลาไหน  
สติตัวนี้มันจะเข้ามาทำงานทันที  
เวลามันระลึกเวทนากลางอก  
ก็เรียกว่า เวทนานุปัสสนา ถูกไหม  
เวลามันระลึกโลภโกรธหลงกลางอก  
ก็เรียกว่า ธัมมานุปัสสนา ใช่ไหม  
นี่ มันอยู่ทำหน้าที่ของมันหมด  

พระอาจารย์วิชัย กัมมสุทโธ

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ 


Image by 周游中国 from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา





 

รู้ (อัญญา) เป็นปกติจิตที่ ว่าง


เมื่อปี 2519 มีพระเถระ 2 รูป เป็นพระฝ่ายวิปัสสนา กัมมัฏฐานจากทางอีสานเหนือ แวะไปกราบนมัสการหลวงปู่ แล้วสนทนาธรรมเรื่องการปฏิบัติ เป็นที่เกิดศรัทธาปสาทะและดื่มด่ำในรสพระธรรมอย่างยิ่ง 
.
ท่านเหล่านั้นกล่าวย้อนถึงคุณงามความดี ตลอดถึงภูมิธรรมของครูบาอาจารย์ ที่ตนเคยไปพำนักศึกษาปฏิบัติมาด้วยเป็นเวลานานว่า อาจารย์องค์นี้อยู่กับพรหมวิหารเป็นปกติ คนจึงนับถือท่านมาก หลวงปู่องค์นั้นอยู่กับอัปปมัญญาพรหมวิหาร ลูกศิษย์ของท่านจึงมากมายทั่วสารทิศไม่มีประมาณ ดังนี้เป็นต้น ท่านจึงมีแต่ความปลอดภัยจากอันตรายตลอดมาฯ
.
หลวงปู่กล่าวว่า
“เออ ท่านองค์ไหนมีภูมิธรรมแค่ไหน ก็อยู่กับภูมิธรรมนั้นเถอะ เราอยู่กับ “รู้”
.
ครั้งเมื่อพระเถระทั้ง 2 รูปได้ฟังคำพูดของหลวงปู่ว่า หลวงปู่ท่านอยู่กับ “รู้” ต่างองค์ก็นิ่งสงบชั่วระยะหนึ่ง แล้วก็เรียนถามหลวงปู่ต่อไปว่า อาการที่ว่าอยู่กับรู้ มีลักษณะเป็นอย่างไรฯ
.
หลวงปู่ตอบอธิบายว่า
“รู้ (อัญญา) เป็นปกติจิตที่ ว่าง สว่าง บริสุทธิ์ หยุดการปรุงแต่ง หยุดการแสวงหา หยุดกิริยาของจิต ไม่มีอะไรเลย ไม่ยึดถืออะไรสักอย่าง”
หลวงปู่ดุลย์ อตุโล

Image by xiSerge from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา