เนกขัมมะ คือการกลับเข้ามาดูภายในแห่งตน


คำว่า " เนกขัมมะ "
นั้นคนทั่วไปมักแปลว่าหมายถึง
การออกบวช การใส่ชุดขาว การไปนั่งสมาธิ
จริงๆ แล้ว ภาวะเนกขัมมะ
คือการกลับเข้ามาดูภายในแห่งตน
แล้วเกิดความเข้าใจจนรู้จักปล่อยวาง
ปลีกตนออกจากสิ่งที่เคยยึดติด คืออุปาทาน
เพราะถ้าเรารู้จักตนเองอย่างถึงที่สุดแล้ว 
เราจะเป็นอิสระจากความรักและความชัง
การบวชจึงไม่ใช่การเปลี่ยน
รูปลักษณะภายนอกมาสู่ผู้ทรงศีล
การบวช จึงมิใช่การทิ้งบ้านเรือน ไปสู่ป่า
เนกขัมมะ คือภาวะที่หลุดพ้น
จากสิ่งล่อลวงมายา และความยินดีในโลก
.....การเป็นนักบวช
จึงมิใช่เครื่องแบบ และสถานที่อาศัย
.....การเป็นนักบวช อยู่ที่ใจ
และวันใดที่ท่านก้าวพ้น ทั้งจาก
"ผู้ทุศีลและผู้ทรงศีล" ไม่ติดข้องทั้งสองฝั่ง
ท่านจะพบความสว่างแห่งปัญญาอย่างแท้จริง

พระอาจารย์ปกรณ์นันทน์ ฐิตธัมโม

Cr. Fb.จันทร์โสภา ณ.เชียงใหม่
Image by Laurette57 on Pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


ถ้าจิตได้เห็นกายว่า เป็นเพียงธาตุเพียงขันธ์


ถ้าลงจิตได้เห็นกายว่า
เป็นเพียงธาตุเพียงขันธ์และ
เป็นไตรลักษณ์ล้วนๆ จริงๆ ด้วยปัญญาแล้ว 
กิเลสอุปาทานทั้งหลาย
แม้จะเคยตั้งรากฐานบ้านเรือนลงในใจอย่างลึกสุดลึก 
ก็ทนอยู่ไม่ได้ จำต้องถูกถอนรากถอนโคนขึ้นมา
โดยไม่เหลือแม้ปรมาณูเลย 
จิตที่เคยถูกกดถ่วงด้วยอำนาจกิเลสตัณหา
จนกระดิกตัวไม่ขึ้น 
ก็จะดีดกระเด็นขึ้นมาอย่างฉับพลัน 
ยิ่งกว่าผู้ต้องหาพ้นโทษโดดออกจากเรือนจำเสียอีก

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

Image by Pezibear on Pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


มารที่ร้ายกาจที่สุดคือการปรุงแต่ง


มารที่จะเป็นอุปสรรคให้เราหลงทาง คือการปรุงแต่ง 
หลักคำสอนในศาสนาพุทธ มารไม่ใช่ยักษ์ที่ไหน 
มารที่ร้ายกาจที่สุดคือการปรุงแต่ง 
เราเรียกอภิสังขารมาร 
การปรุงแต่งนี้มันถูกกระตุ้นเร้าจากสิ่งภายนอก 
เพราะทุกคนมีตา มีหู มีจมูก มีลิ้น มีกาย มีใจ 
ที่จะรับผัสสะทั้งหลาย ถ้าผัสสะอันนั้นขาดปัญญา 
ก็จะกลายเป็นปัญหา 
แต่ถ้าผัสสะนั้นมีสติ มันจะเกิดปัญญาที่งอกงาม

พระอาจารย์อำนาจ โอภาโส


Image by padrinan on Pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา