รู้ทุกข์อยู่นั่นแหละ แต่ว่าจิตใจไม่เป็นทุกข์


..บางคนก็เข้าใจผิดนะ คิดว่า..
เมื่อรู้แจ้งรู้เท่าตามเป็นจริงแล้ว
จะไม่ได้สัมผัสกับความทุกข์เสียเลย..
..จิตที่ไม่ได้สัมผัสกับความทุกข์นั่นน่ะ
มีแต่จิตเข้านิโรธสมาบัติโน่น..
..แต่ว่าท่านผู้ละความยึดมั่นถือมั่น
ในขันธ์ ๕ ว่าเป็นตัวเป็นตน
เป็นเราเป็นเขาได้แล้ว ท่านก็ไม่เป็นทุกข์..
..อย่างนี้นะให้เข้าใจ 
..รู้ทุกข์อยู่นั่นแหละ 
..แต่ว่าจิตใจไม่เป็นทุกข์ 
ไม่กระวนกระวาย ไม่หวั่นไหว 
อดได้ทนได้ มีสติ 
รู้เท่าอยู่ตามธรรมดา 
มีปัญญารู้แจ้งในขันธ์ ๕ ตามเป็นจริงอยู่ 
..รู้ว่าขันธ์ ๕ นี้มันแปรปรวน 
มันกำลังจะแตกจะดับ 
ไม่ใช่เราแปรปรวน 
ไม่ใช่เราแตก เราดับ 
เราไม่มีอยู่ในขันธ์ ๕ 
ขันธ์ ๕ ไม่มีอยู่ในเรา 
ก็ต้องใช้ปัญญาสอนจิตอย่างนี้ 
มันเป็นความจริงนะ 
เรียกว่าสอนความจริง 

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ


Image by Couleur from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา



"ทานบารมี" โดยแท้จริง


การให้ โดยไม่หวังผล
คือ "ทานบารมี" โดยแท้จริง ...

หากไม่หวังแม้กระทั่งอานิสงส์
นั่นล่ะ! จึงจะเกิดอานิสงส์

ถ้ายังหวังอะไรจากการให้อยู่
ยังเป็น ทานบารมี ไม่ได้
เป็นได้เพียงแค่ ทาน .. เท่านั้น
แต่ยังเป็นพลวปัจจัยจนเกิดเป็นบารมี ถึงขั้นนิพพาน ไม่ได้!

เคยมีคนถามว่า
" ต้องทำบุญแบบไหนจึงจะได้บุญสุงสุด ? "

" ทำบุญแบบไปขี้ในป่าสิ ... "

มีใครไปขี้ในป่าเสร็จแล้ว
อยากหอบเอาขี้กลับบ้านบ้างมั้ยล่ะ ?
ฟังดูเหมือนเป็นคำหยาบนะ
แต่นี่คือ นัยยะ ต่างหาก!

การ "ให้" ที่จะเป็นบารมี จนถึงขั้นวิมุตติหลุดพ้น
คือ การ "ตัดอาลัย"
หากเรายังมีอาลัยในสิ่งไหน เราย่อมให้สิ่งนั้นกับคนอื่นไม่ได้

อาลัย เยื่อใย สายใย นี่ล่ะ วัฏฏะ!
เป็นเครื่องร้อยรัด เป็นสังสารวัฏฏ์ ไม่สิ้นสุด ...

ในบารมี ๑๐ ทัศ
จึงเริ่มต้นจาก ทานบารมี เป็นสิ่งที่ทำได้ง่าย 
แต่หากเข้าใจอย่างถ่องแท้ 
จะเป็นเหตุ เป็นปัจจัยจนถึงขึ้นวิมุตติหลุดพ้นได้

~ ฉะนั้น ~
ทาน จึงหมายถึงการวางจิตให้เป็นการชำระ
ไม่ใช่เป็นการลงทุน

ถ้าสามารถตัดอาลัย ในสิ่งที่ให้ได้
นั่นจึงจะเรียกว่า เป็น "ทานบารมี"

อ ย่ า ง แ ท้ จ ริ ง . . .

พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ
จากเฟซบุ๊ค Lovely Ole
Image by Chakkree_Chantakad from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา




โพธิแท้ ย่อมปรากฏ


สัมมาทิฏฐิ เป็นสิ่งที่ถูกขนานนามว่า "เลิศเหนือโลก"
มิจฉาทิฏฐิ เป็นสิ่งที่ถูกขนานนามว่า "ข้องอยู่ในโลก"
เมื่อใดทิฏฐิทั้งสองอย่าง
ไม่ว่าสัมมาหรือมิจฉา ถูกสลัดพ้นออกไป
เมื่อนั้น โพธิแท้ ย่อมปรากฏ

ท่านเว่ยหล่าง

Image by wuxuantu_oriento from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา



ต้องหลุดพ้นชั่วขณะให้ได้เสียก่อน


อานิสงส์แห่งการฝึกจิตก็คือ
ไม่ยินดีและยินร้ายไปตามอารมณ์ที่มากระทบ 
เพราะฉะนั้นกิเลสจึงไม่เกิด 
เป็นตทังควิมุตติ หลุดพ้นจากกิเลสเป็นขณะๆ หนึ่ง 
การที่เราจะหลุดพ้น 
มันต้องหลุดพ้นชั่วขณะให้ได้เสียก่อน 
ถ้าเราไม่ฝึกการหลุดพ้นขณะหนึ่งๆ ให้ได้ 
ไม่มีทางที่เราจะไปบรรลุมรรคผลขั้นใด

พระอาจารย์ชุมพล พลปญฺโญ

Image by markusspiske from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา






ทำอย่างไรถึงจะมีสติตลอดเวลา


ทำอย่างไรถึงจะมีสติตลอดเวลา
ต้องมีสัมปชัญญะรู้ตัว 
รู้อารมณ์อยู่เสมอ 
ไม่ว่าจะทำกิจการอะไร
จำเป็นต้องอาศัยผู้รู้คือ สัมปชัญญะ 
พุทธะ ผู้รู้ พุทโธ ผู้เบิกบาน  
พุทธะ ผู้รู้  รู้อะไรดี 
รู้สัมปชัญญะนี่แหละดี 
เพราะเป็นธรรมมีอุปการะมาก 
กุศลธรรมทั้งหมดจะเกิดได้
และเจริญขึ้นได้ด้วยสติสัมปชัญญะ 

พระอาจารย์นพพร อาทิจฺจวํโส

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


การไม่ยึดติด เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา



ความเป็นตัวตน
เกิดจากการยึดติดในขันธ์ ๕
เพราะฉะนั้นการไม่ยึดติด
เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา 
นั่นคือพุทธสภาวะ...
...การปล่อยวาง
ไม่ใช่การปล่อยปละละเลย
ภายนอกมันก็ทำงานทำการ 
ใช้ชีวิตได้ตามปกติ 
แต่ข้างในมีแต่รู้ที่บริสุทธิ์ 
ไม่ยึดติดกับอะไรเลย... 

พระมหาวรพรต กิตฺติวโร

Image by StockSnap from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


วัฏฏะนี้น่ากลัวยิ่งกว่าฆาตกรใดๆ


เราไม่ได้เกิดมาเหมือนหมูเหมือนหมา
เกิดมาแล้วก็กินข้าวให้ตัวโต
มีลูกมีหลานแล้วก็ตายไป
มันไม่ได้มีชีวิตต่ำต้อยอย่างนั้น
.
เราเกิดมาเพื่อพัฒนาจิตวิญญาณของเราให้สูงขึ้น
ไปสู่ความพ้นทุกข์ให้ได้ 
เรื่องอะไรเราจะต้องทุกข์แล้วทุกข์อีก
วัฏฏะเป็นภัยที่น่ากลัวที่สุดเลย
.
ฆาตกรทั่วๆ ไป 
ถ้ามันจะฆ่าเรา มันฆ่าเราได้แค่ครั้งเดียว
แต่วัฏฏะนี่ ฆ่าเราครั้งแล้วครั้งเล่าไม่มีวันจบวันสิ้นเลย
ถ้าระลึกชาติไปได้ 
จะรู้ว่าวัฏฏะนี้น่ากลัวยิ่งกว่าฆาตกรใดๆ
เกิดทีไรตายทุกทีเลยนะ
มีความทุกข์ย่ำยีถึงตายทุกครั้งไป
.
คนที่บารมีมากนะ 
เห็นทุกข์เห็นโทษ เห็นภัยของวัฏฏะ
อยากจะข้ามวัฏฏะ ก็รู้ว่าชีวิตนี้มีเป้าหมาย
ชีวิตนี้เกิดมาเพื่อจะมายกระดับจิตวิญญาณ
ไปสู่ความพ้นทุกข์
ต้องใกล้ความพ้นทุกข์ไปตามลำดับๆ 

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

Image by StockSnap from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา