หลงพอใจ คือจิตมีราคะ



          ถ้าหากเรามีความพอใจ เราหลงเพลิดเพลินแล้ว เรายึดมั่นว่ามีความสุขแล้ว เราก็รู้ทันทีว่า เดี๋ยวนี้จิตของเรากำลังอยู่ในราคะ ตั้งอยู่ในราคะ ความกำหนัด ความยินดี เราควรที่จะรู้อย่างนั้นทันที ถ้าเมื่อเรารู้แล้ว เราก็ควรที่จะปล่อยวาง ว่าอันนี้เป็นราคะเกิดขึ้นมา ถ้าหากเรายึดมั่นถือมั่น ทุกข์จะตามมาหาเรา เพราะเราติดอยู่กับสิ่งนั้น

                                                                                        หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป

ความดีแบบติดดีต้องละ



          คนเราเมื่อละความชั่วได้แล้วมันก็ติดความดี สร้างความดีมันก็ไปติดความดี ติดความดีมันก็ยังเป็นอัตตาอยู่ ...อัตตาคือสำคัญว่าเป็นตัวเป็นตน...ถ้าเมื่อมันมีตัวมีตน มันก็มีภพมีชาติขึ้นมา มันก็ไม่พ้นทุกข์อยู่นั่นแหละ ... ที่นี้เมื่อเราไม่ต้องการทุกข์มันก็ต้องทำลายอัตตาทั้งหมด อัตตานั้นก็ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นความชั่วแล้วเป็นอัตตา ความดีไม่เป็นอัตตา ไม่ใช่ มันเป็นเหมือนกันหมด เราก็ต้องละเท่านั้นแหละ ความดีนั้นก็ต้องละ ความดีแบบติดดีต้องละ...แต่การปฏิบัติความดีนั้นไม่ละ โดยที่พระอรหันต์แม้แต่พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงละไปจากศีล สมาธิ และปัญญา มีอยู่อย่างนั้น...

                                                                                             หลวงพ่อทอง จนฺทสิริ

แม้แต่ความดีก็จงอย่ายึดถือ



           จุดมุ่งหมายของพระองค์มุ่งสอนคนให้พ้นทุกข์ เพื่อไปพระนิพพาน จึงสอนเพื่อละ ไม่สอนเพื่อยึด สอนให้เหมาะกับจริตในหมู่ชนที่พระองค์ทราบดีว่าสอนแล้วมีผล เขารับฟัง แล้วสามารถไปถึงนิพพานได้ แต่ในหมู่ชนที่พระองค์เห็นว่าเขาไปไม่ได้ ยังมีกำลังบารมีไม่พอ พระองค์ก็สอนให้เขาละความชั่ว ทำแต่ความดี แล้วพยายามทำจิตให้ผ่องใสไว้เสมอเพื่อกันนรก สำหรับผู้ที่ไปได้ก็สอนด้วยหลักเดียวกัน คือ ให้ละชั่ว-ทำดี-ทำจิตให้ผ่องใส แต่สอนให้ละเอียดขึ้นว่า แม้แต่ความดีก็จงอย่ายึดถือ (จงทำดีแต่อย่าติดในความดี) เพราะผู้ที่ทำบุญ (ทำดี) แล้วติดบุญ ก็ไปได้แค่สวรรค์ ผู้ทำจิตให้สงบแล้วติดในความสงบ ก็ไปได้แค่พรหม หากจะไปนิพพานนั้นต้องละทุกอย่าง จึงจะไปได้ถึง

                                                                                                          หลวงปู่บุดดา ถาวโร

ทุกข์ทางกายทำได้เพียงกำหนดรู้




          พระองค์สอนไว้ชัดแจ้งว่า ขันธ์ ๕ เป็นทุกข์ ไม่ใช่เป็นสุข ใครที่รู้จักทุกข์ตามความจริง จะไม่ยอมสร้างทุกข์ให้เกิดขึ้นอีก ไม่ติดทุกข์ ละวางทุกข์ไว้ที่เดิม เพราะรู้ชัดว่าทุกข์ทางกายนั้นเป็นเพียงแค่กำหนดรู้เท่านั้น ละมันไม่ได้ เพราะเป็นทุกข์ตามปกติของกาย ใครมีกายก็มีทุกข์มากเป็นคู่บารมีจนกว่าจะตาย

                                                                                                  หลวงปู่หลุย จันทสาโร