เป็นแค่การสะสมสัญญา


วันหนึ่งหลังจากไม่ได้อยู่บ้านเกือบสองปี
อาตมานั่งอ่านหนังสือรวบรวมพระสูตร
อ่านแล้วสะดุ้ง ในพระสูตร พระสูตรหนึ่ง
พระพุทธองค์ตรัสว่า
พระตถาคตจะสอนเธอทั้งหลายถึงเรื่องทั้งหมด
เรื่องทั้งหมดคืออะไร รูป เสียง กลิ่น รส
โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์
เหล่านี้คือทั้งหมดในชีวิตของมนุษย์
.
อาตมาได้ฉุกคิดทันที สำนึกตัวเลยว่า
การหาประสบการณ์ชีวิตของเรา
เป็นแค่การสะสมสัญญาเท่านั้น
.
ที่เราได้เห็นอะไรๆ แปลกประหลาดหลายอย่าง
สิ่งที่สวยงาม เช่น พระอาทิตย์ขึ้นจากยอดเขาหิมาลัย
พระอาทิตย์ตกที่ทะเลอันดามัน ..
ทั้งหมดที่ได้เห็นมาก็สักแต่ว่า “รูป” เท่านั้นเอง
.
สิ่งทั้งปวงที่เราได้ยิน เช่น
.. เสียงนกยูงร้องหากันในยามพลบค่ำ
ชานหมู่บ้านกลางทะเลทราย
เสียงที่ประทับใจที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนมีเยอะ
แต่ทั้งหมดนั้น สักว่า “เสียง” เท่านั้นเอง
.
กลิ่นหอมกระสอบเครื่องเทศในตลาด
กลิ่นเหม็นควันจากโรงงานในเมืองอุตสาหกรรม
ก็สักแต่ว่า ”กลิ่น” เท่านั้นเอง
.
รสอาหารอิหร่าน อาหารตุรกี อาหารอินเดียเหนือ
ก็เป็นแค่ “รส” เท่านั้นเอง
.
ลมฤดูใบไม้ผลิในภูเขาแอลป์โชยลูบไล้ใบหน้า
ความแน่นขนัดในรถไฟอินเดีย
ก็สักแต่ว่า ”โผฏฐัพพะ” คือความเย็น ร้อน อ่อน แข็งเท่านั้น
.
ความนึกคิดต่างๆ ความคิดดี คิดชั่ว ความตื่นเต้น
ความเบื่อระอา ความกลัว ความกล้า จินตนาการ
ก็สักแต่ว่า “ธรรมารมณ์” เท่านั้น..
.
..อาตมาจึงรู้สึกว่าการท่องเที่ยวพอแล้ว
ปัญญาที่จะได้จากการแสวงหาต่อไปคงยังผิวเผิน
ความสุขที่จะได้ก็จะยังกวัดแกว่ง
ปัญญาและความสุขที่เราต้องการ
อยู่ภายในมากกว่า ..
.
เมื่อเราเห็นว่าความสุขที่ได้จากประสบการณ์
คือการสัมผัสกับ รูป รส กลิ่น เสียง เหล่านี้
เป็นความสุขที่คับแคบ มีขีดจำกัด
มีช่วงอายุสั้นมากอย่างนี้
สัมมาทิฐิและฉันทะ
ที่จะหาความสุขที่ประณีตกว่านั้น
ที่เลิศประเสริฐกว่านั้น จึงเกิดขึ้น

พระอาจารย์ชยสาโรภิกขุ

Image by JillWellington from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

หัดเป็นเด็กดื้อบ้าง


ทุกครั้งที่คุณทำตามอารมณ์ คุณลืมอะไรไปบางอย่าง 
มันเหมือนกับจะไม่มีอะไร แต่นั่นแหละ 
กำลังสร้างอุปนิสัยของจิต ให้สมยอมกับอารมณ์ 
ให้ยอมเป็นทาสของอารมณ์ ให้รองรับอารมณ์นั้นอยู่บ่อยๆ 
.
ฉะนั้นคนใดก็ตาม ถ้ามันอยากอะไรแล้ว 
แล้วทำตามจน...สมอยากตัวเองเรื่อยๆ เรื่อยๆ 
คนนั้นกำลังจะเข้าสู่ “โซนแห่งการฆ่า”
ถ้าวันใดวันหนึ่งมันทำไม่ได้ปุ๊บ
มันจะเกิดการพลิกกลับอย่างมหาศาลเลย 
.
ที่เราเห็นบางคนเป็นบ้ามั่ง บางคนฆ่าตัวตายมั่ง 
บางคนประสาทเสีย นั่นคือภาวะหนึ่ง 
ฉะนั้นเวลาเราชอบอะไร สังเกตดู
พอเราชอบไปๆ ชอบไปๆ เหมือนไม่มีอะไร
.
แต่พอสิ่งที่ชอบหายไป
โอ้โห เศร้าไปเป็นปี สามปีสี่ปี ยังไม่เลิก
นี่คือภาวะที่ดูเหมือนไม่มีผลอะไร 
แต่อย่าลืมว่ามันเหมือนน้ำผึ้งผสมยาพิษ 
มันจะออกฤทธิ์เมื่อคุณหยุดมัน 
.
แต่ทางตรงกันข้าม แรกๆ คุณหยุดมัน
มันจะรู้สึกว่าทรมานก่อน 
เหมือนกับลงแดงแหละ ไม่มีผิดเลย 
เดินไปก็จะคิด เดินไปก็จะคิด แต่ไม่ทำๆ
.
แต่พอมาวันหลังนานเข้าๆ ภาวะอารมณ์แบบนี้ 
มันมาปุ๊บแล้วมันจะหายเลย แว้บ หายเลย 
แล้วตั้งแต่นั้นต่อไป 
จิตเราจะไม่สะดุ้งสะเทือนกับภาวะนั้นอีกเลย 
เพราะว่าภาวะนั้นได้ถูกลบล้างไปแล้ว 
เพราะว่าเราไม่ได้ไปเอากายกรรม 
วจีกรรม มโนกรรมไปทำตาม 
แต่อาจจะมีความคิดแบบเดิมอยู่ 
.
จะเป็นเพียงความคิดที่เป็นสัญญา หรือเรื่องเล่าเฉยๆ ว่า 
ฉันเคยเป็นอย่างนี้ แต่ตอนนี้ฉันไม่ได้เป็นแล้ว 
ฉันเคยเป็นอย่างนี้นะ แต่ตอนนี้ฉันไม่ได้เป็นแล้ว
และฉันชนะมันได้แล้ว 
พอชนะมันได้ จะรู้สึกได้เลยว่า
หนึ่งมีความภูมิใจ 
สองมีความอิสระจากอารมณ์นั้นๆ 
ทำตามเหมือนมีอิสระ แต่ไม่ใช่มีอิสระ
นั่นคือข้อผูกพัน เรียกว่าวิบาก 
.
พอเราหยุด มันจะยังหลงเหลืออยู่ 
เพราะอะไร เพราะเราเคยทำตามมัน
เราไม่ได้ทำชั่วหรอก แต่ทำไมยังคิดชั่วอยู่ 
มันเป็นอุปนิสัยในการคิดแบบนี้เรื่อยๆ 
แต่ทุกครั้งที่มันคิด เราไม่สนใจ เราไม่เอา 
กายกรรม วจีกรรม มโนกรรมไปทำตามมัน
เดี๋ยวมันจะค่อยๆ อ่อนตัวลงๆ อ่อนตัวลงๆ 
นี่คือเสบียงกำลังของมัน ส่งเสริม แต่เราไม่ต่อสู้
.
ต้องเข้าใจด้วย เราไม่ต่อสู้ เราไม่ปฏิเสธ 
เพียงแต่เราเป็นเด็กดื้อเฉยๆ 
หัดเป็นเด็กหัวดื้อบ้าง รู้จักเด็กดื้อไหม
เวลาสั่งแล้วมันไม่ยอมทำตาม
หลานดื้อ ลูกดื้อ รู้จักมั้ย 
สั่งให้ทำอย่างนี้ มันไม่ยอมทำ
แล้วคุณทำไมยังสมยอมกับอารมณ์ 
.
ดื้อกับอารมณ์บ้าง ดื้อกับมัน 
มันอยากให้โกรธเหรอ
ไม่โกรธจะเป็นอย่างไร
ลองหัดดื้อกับมันบ้าง
มันอยากให้ทำ
แล้วไม่ทำดูซิจะเป็นอย่างไร

พระอาจารย์กระสินธุ์ อนุภัทโท


ไตรลักษณ์สู่ไตรสิกขา ยุวพุทธ ปทุมธานี วันที่ 3 สิงหาคม 2562 ภาคบ่าย
จากหนังสือ “ฝึกฝืน” 

Image by Mandyme27 from pixabay