การที่มาปฏิบัตินอบน้อมดังบท นะโม และน้อมจิตถึงสรณะดังบทว่า พุทธัง ธัมมัง สังฆัง นั้น จึงเป็นกิจที่ผู้ปฏิบัติธรรมะควรมีอยู่เสมอ จิตจะได้ไม่ห่างจากพระพุทธเจ้าพระธรรมพระสงฆ์ จิตก็จะได้ถูกนำไปสู่ความเป็นศีลเป็นสมาธิ และเป็นปัญญากับทั้งวิมุติ เพราะฉะนั้นสรณะนี้จึงเปรียบเหมือนอย่างว่าเป็นพาหนะ เช่นเป็นรถไฟ เป็นรถยนต์ หรือเป็นพาหนะอย่างอื่น ที่เมื่อขึ้นไปนั่งอยู่บนพาหนะเหล่านี้ พาหนะเหล่านี้ก็จะนำไปสู่ปลายทางที่ต้องการ คือศีลสมาธิปัญญาวิมุติ
น้อมจิตถึงสรณะเป็นกิจที่ผู้ปฏิบัติธรรมะควรมีเสมอ
การที่มาปฏิบัตินอบน้อมดังบท นะโม และน้อมจิตถึงสรณะดังบทว่า พุทธัง ธัมมัง สังฆัง นั้น จึงเป็นกิจที่ผู้ปฏิบัติธรรมะควรมีอยู่เสมอ จิตจะได้ไม่ห่างจากพระพุทธเจ้าพระธรรมพระสงฆ์ จิตก็จะได้ถูกนำไปสู่ความเป็นศีลเป็นสมาธิ และเป็นปัญญากับทั้งวิมุติ เพราะฉะนั้นสรณะนี้จึงเปรียบเหมือนอย่างว่าเป็นพาหนะ เช่นเป็นรถไฟ เป็นรถยนต์ หรือเป็นพาหนะอย่างอื่น ที่เมื่อขึ้นไปนั่งอยู่บนพาหนะเหล่านี้ พาหนะเหล่านี้ก็จะนำไปสู่ปลายทางที่ต้องการ คือศีลสมาธิปัญญาวิมุติ
วิ่งกับสุขกับทุกข์ ไม่พบธรรมะ
เราจะปฏิบัติอย่างไร อันนี้สำคัญ
ถ้าเราไปวิ่งกับสุข ไปวิ่งกับทุกข์
มัวไปวิ่งกับสุข ไปวิ่งกับทุกข์อยู่นั่น
จะวิ่งตลอดจนถึงวันตาย ก็ไม่พบธรรมะ
ก็อยู่ไม่ได้ เมื่อรู้จักสุขทุกข์ทั้งสองนี้ขึ้นมาเมื่อไร
เราจะแก้ไขปัญหาอย่างไรโดยธรรมะ นี่คือการปฏิบัติ
หลวงปู่ชา สุภัทโท
ร่างกายเป็นของปฏิกูล
เพราะร่างกายไม่ใช่ของสวยงามอะไร เขาเกิดมาเพื่อแก่ เพื่อเจ็บ เพื่อตายเท่านั้นเอง อวัยวะแต่ละส่วนๆ ก็ล้วนเป็นของปฏิกูลด้วยกันทั้งนั้น พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่าร่างกายเป็นของปฏิกูล เป็นของน่าเกลียดเป็นของไม่สวยไม่งาม
จะสวยงามอะไร ก็ของมันต้องล้าง...กันอยู่ทุกวัน ถ้ามันไม่ล้างแล้วมันจะขนาดไหน นี่ ความเจริงเป็นอย่างนี้ แต่เราพยายามปกปิดกัน พยายามที่เอาอันนั้นมาปิด เอาอันนั้นมาเคลือบ เอาอันนั้นมาย้อม อันนี้เป็นการปกปิดเป็นการหลอกลวงกันอยู่เสมอ ความเป็นจริงเราไม่ค่อยจะให้มันปรากฏออกมา
หลวงปู่แบน ธนากโร
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)