นั่นแหละจึงเรียกว่า อริยทรัพย์


สมบัติที่แท้จริง คือ การลอกเปลือก
ที่สำคัญว่า เป็นตนนี้ ออกไปจนหมดสิ้น
นั่นแหละจึงเรียกว่า อริยทรัพย์
เกิดจากการสั่งสมการเรียนรู้
กาย ใจ มาอย่างต่อเนื่อง
เป็นสมบัติที่ยิ่งกว่าเงินทอง
เพราะสิ่งนี้จะติดอยู่ในจิตใต้สำนึก
คอยกระตุ้นเตือน ให้หาทาง
ในการสละตัวตนทิ้งไป
เป็นสิ่งที่มีค่ายิ่งแล้วในสังสารวัฏ
เพราะเป็นสิ่งที่ตัด ลดทอน
หนทางสู่การเวียนตาย เวียนเกิด
ให้หดสั้นลง จนถึงวันที่ไม่เกิดอีกเลย

พระอาจารย์เจษฎา คุตฺตจิตฺโต

Image by HeiKiwi from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา



 

สักว่ารู้ว่าเห็น


"พวกเราจะได้ยินเรื่อยๆ ชอบสอนกัน 
สักว่ารู้ สักว่าเห็น มันสักว่าได้ 
ต่อเมื่อสติปัญญามันแก่กล้ามากแล้ว 
เห็นขันธ์เป็นไตรลักษณ์ นั่นล่ะถึงจะสักว่ารู้ว่าเห็นได้ 
สักว่ารู้ว่าเห็นก็คือรู้แล้วจบลงที่รู้ ไม่ปรุงต่อ 

ถ้ายังไม่รู้แจ้งเห็นจริงในขันธ์ 5 
พอรู้แล้วก็ปรุงต่อ ไม่ยอมสักว่ารู้ว่าเห็น 
กระทั่งแกล้งทำเป็นสักว่ารู้ว่าเห็น 
ก็คือความปรุงแต่งอีกอย่างหนึ่ง 
ทำเป็นว่าสักว่ารู้ว่าเห็น ก็คือมายา ปรุงแต่งต่อไปอีก
 
ฉะนั้นคำว่า สักว่ารู้ว่าเห็น เป็นคำสูง 
มันเกิดจากที่เราเจริญวิปัสสนา
จนเกิดวิปัสสนาปัญญาแก่กล้าขึ้นมา 
เห็นสังขารธรรม สังขตธรรม 
เห็นความปรุงแต่งทั้งหลายทั้งปวง 
ตั้งแต่รูปธรรม รูป เวทนา สัญญา 
สังขาร วิญญาณ คือตัวจิต 
ตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์ทั้งสิ้น 

ถ้าเห็นแจ้ง มันถึงจะสักว่ารู้ว่าเห็น ไม่ปรุงต่อ 
เมื่อสักว่ารู้ว่าเห็น ก็หมดความอยาก 
หมดความอยากก็หมดความยึดถือ 
หมดความดิ้นรนปรุงแต่ง 
แล้วก็พ้นจากความปรุงแต่งสิ้นเชิง 
เป็นอสังขตธรรมไป"

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

Image by HeiKiwi from pixabay

เพจ อ่านธรรมคำสอน

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา