ถ้ามีธรรมะเป็นทรัพย์



ถ้าเรามี "ความจริง" คือ "ธรรมะ" เป็นทรัพย์ของเราแล้ว 
ถึงจะมีเงิน ก็ไม่ทุกข์ ไม่มีก็ไม่ทุกข์ เพราะจิตของเราเป็นโลกุตตระแล้ว



ท่านพ่อลี ธัมมธโร

หลักไตรลักษณ์คือจุดยืน



...จะไม่ให้มีอุปสรรคเลยนั้น
เป็นอันไม่มี
โลกนี้จะให้มีแต่ความราบรื่น
เป็นอันไม่มี
ก็ถือว่าต้องอดทน
...แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เหนือบ่ากว่าแรง
ทนไม่ไหวจริงๆ ก็ว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
...หลักอันนี้แหละจะเป็นจุดยืน...

หลวงพ่อเลี่ยม ฐิตธมฺโม


มนุษย์ลืมดวงจิตที่ผ่องแผ้ว




มนุษย์ส่วนใหญ่มัววุ่นวายอยู่กับเรื่องกาม 
เรื่องกินและเรื่องเกียรติ 
จนลืมนึกถึงสิ่งหนึ่ง 
ซึ่งสามารถให้ความสุขแก่ตนได้ทุกเวลา
สิ่งนั้นคือ ดวงจิตที่ผ่องแผ้ว

หลวงพ่อเลี่ยม ฐิตธมฺโม

สัมมาปฏิปทาย่อมถึงจุดหมาย



การกระทำของเราอย่างต่อเนื่อง 
เป็นสัมมาปฏิปทา
ถ้าเราทำในลักษณะอย่างนี้นะ
วันหนึ่ง กาลหนึ่ง เวลาหนึ่ง
จุดแห่งความเป็นอิสระ
มันต้องมาให้เราจนได้
“เดินทางไม่ถึงจุดหมาย 
    มันไม่มีหรอก”

 หลวงพ่อเลี่ยม ฐิตธมฺโม

วางอารมณ์ได้ มีประโยชน์อย่างยิ่ง



         ถ้ามีความถึงพร้อมด้วยสติ รู้จักอารมณ์ เห็นจิตกับอารมณ์ เห็นอารมณ์กับจิตแยกกันออกได้ แล้วพยายามดูตัวของตัว ให้เห็นว่าอารมณ์ก็สักแต่ว่าอารมณ์ ในที่สุดก็วางอารมณ์ได้ มันเป็นเรื่องที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง

                                                                                              หลวงพ่อเลี่ยม ฐิตธมฺโม

ความสบายทำให้ปัญญา อ่อน




ถ้าเราไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับความทุกข์
มันก็ทำให้เราลืมตัว..
เพราะความทุกข์ เป็นบ่อเกิดของปัญญา
แต่ความสบาย มันทำให้ปัญญา อ่อน 

หลวงพ่อเลี่ยม ฐิตธมฺโม


พิจารณาความทุกข์คือเรียนพระไตรปิฎก




คนที่ไม่เคยอ่านตำราเลย
แต่เคยพิจารณาอย่างละเอียดลออ
ทุกครั้งที่ความทุกข์เกิดขึ้นแผดเผาจิตใจของตน
นี้แหละเรียกว่า เขากำลังเรียนตำราพระไตรปิฏกโดยตรง และอย่างถูกต้อง

หลวงพ่อเลี่ยม ฐิตธมฺโม

จงทำตนให้เสมือนหยดน้ำเล็ก ๆ




          หากท่านพากเพียรบากบั่นแล้ว ไม่มีสิ่งใดจะเป็นความยากสำหรับท่าน ท่านจึงต้องพากเพียรอย่างสุดกำลัง และจงทำตนให้เสมือนกับหยดน้ำเล็ก ๆ ที่หยดอยู่เสมอไม่ขาดระยะ ย่อมสามารถเจาะหินให้ทะลุเป็นทางไปได้ฉันนั้น

                                                                                            หลวงพ่อเลี่ยม ฐิตธมฺโม

พุทโธ อรหัง ภาวนาไว้ไม่ตกนรก


          อรหัง หรือว่า พุทโธ นี้ เป็นวาจาที่กล่าวถึงคุณงามความดีของพระพุทธเจ้าและพระอริยสงฆ์ทั้งหมด ถ้าใครภาวนาคำนี้ได้ ตกนรกไม่ได้ เขาห้ามตกนรก เพราะว่า คนที่ภาวนา พุทโธ หรือ อรหัง นี่ จัดว่าเป็นคนปรารถนาความดีของพระพุทธเจ้า มีความดีเกินกว่าที่จะตกนรก

                                                                                หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

เห็นทุกข์ของร่างกาย ทำให้มีปัญญา




ศีล 5 ทำให้เป็นคนดี สมาธิทำให้เป็นคนเฉย 
การรู้เห็นทุกข์ของร่างกาย ทำให้คนมีปัญญา

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ 


อย่ากังวลกับอุปสรรค




          อย่ากังวลใจกับอุปสรรคใดๆ ที่เข้ามาในชีวิต ให้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมดา เป็นกฏของกรรม อดทนไปสักระยะหนึ่ง เหตุการณ์ทั้งหมดก็จักคลี่คลายไปได้ด้วยดี ใครจะคิดอย่างไร พูดอย่างไรก็ให้ปล่อยวาง ไม่จำเป็นที่จักกลับความคิดของใคร หรือแก้ไขคำพูดของใคร ให้ยึดถือนโยบายกรรมใครกรรมมันให้มาก แม้ใครเขาจักใส่ร้ายป้ายสีมาถึงเจ้า เมื่อเจ้าไม่รับเสียอย่างเดียว กรรมเหล่านั้นก็ตกอยู่กับผู้พูดแต่เพียงผู้เดียว ทำจิตให้สงบเป็นสุข มุ่งเพื่อพระนิพพานจักดีกว่า ดีกว่าจักมานั่งทุกข์เดือดร้อนเพราะบุคคลอื่น ทำงานทุกอย่างตามหน้าที่ ตั้งใจทำเป็นชาติสุดท้าย ต่อไปจักได้ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก

                                                                                      หลวงพ่อฤาษีลิงดำ


ไม่ใช่พระอรหันต์ ยังมิใช่คนดี



          จงมีความรู้สึกอยู่เสมอว่า ถ้าเรายังไม่เป็นพระอรหันต์เพียงใด  ในเวลานั้นก็ชื่อว่าเรายังไม่เป็นคนดี

                                                                                      หลวงพ่อฤาษีลิงดำ


คำสั่งของพ่อ




          ลูกรัก...พี่น้องของลูกที่ยังอยู่อนุบาลยังมีอยู่ พ่อขอสั่งลูก หน้าที่ของลูกในชีวิตที่เหลืออยู่คือ “ตามพี่น้องกลับบ้าน” มันเป็นหน้าที่เดียวที่พ่อจะมอบให้ลูก เราจะกลับบ้านกันทุกคน เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังแม้แต่คนเดียว เพราะเราคือพี่น้องกัน จำให้ดีนะลูก ใครเขาจะว่าอย่างไร จะว่าผิดทางหรือถูกทาง ไม่ใช่หน้าที่ของลูกที่จะไปตอบโต้กับใคร หน้าที่ของลูกทุกคนคือ ตามพี่น้องเรากลับบ้านให้หมด ส่วนคนอื่นหากเขายอมรับการสงเคราะห์ ก็ช่วย ถ้าเขามาเพื่อทิฐิมานะ จงอย่าสนใจ...  

         ตามพี่น้องเรากลับบ้านเท่านั้นคือภาระของลูก

                                                                                    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ระงับความโกรธ กำลังใจจะผ่องใส



          องค์สมเด็จพระมหามุนีตรัสว่า "ถ้าระงับอารมณ์ความโกรธ หรือ ความพยาบาทเสียได้ กำลังใจก็จะเต็มไปด้วยความผ่องใส คนที่มีความโกรธง่าย และ ขังความโกรธไว้เร็ว ทั้งจิตใจก็ดี ทั้งร่างกายก็ดี ทรุดโทรมง่าย จิตใจก็เต็มไปด้วยความเร่าร้อน มีแต่ความกระวนกระวาย หาความสุขไม่ได้ 

                                                                                         หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ตัณหาทำให้เกิดทุกข์



สิ่งทั้งหลายในโลกนี้ 
ไม่มีอะไรเป็นปัจจัยแห่งความสุข
มันเป็นปัจจัยของความทุกข์ 
ทุกข์เพราะอะไร
ทุกสิ่งทุกอย่าง เราอยากได้มัน 
ไอ้ตัวอยากนี่แหละ
ท่านเรียกว่าตัณหา ตัวให้เกิดทุกข์

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ



วิธี...ไม่เกิด




คนเราเกิดมาในโลกนี้ ไม่ทำความชั่วเลยน่ะ...ไม่มี       
ถ้าเราจะชดใช้บาปมันก็ชดใช้กันไม่ไหว  
มีทางเดียวในกิจของพระพุทธศาสนา คือหนีบาป            
การภาวนาให้จิตทรงตัว 
การคิดถึงคุณพระรัตนตรัย       
พยายามรวบรวมบารมี 10 ให้ครบถ้วน      
พยายามตัด สังโยชน์ 10 ประการให้หมด         
จรณะ 15 ปฏิบัติให้ครบถ้วน           
มีพรหมวิหาร 4 ให้ครบถ้วน               
ทรง ศีล ให้บริสุทธิ์              
มี อิทธิบาท 4 ทรงตัว        
เมื่อมีการทรงตัวดังกล่าวมาแล้วนี้       
ลูกรักของพ่อ จะไม่ต้องเกิดอีกต่อไป 

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

อารมณ์ของอรหัตมรรค



          การถือตัวถือตนว่า เราเสมอเขาก็ดี เราดีกว่าเขาก็ดี เราเลวกว่าเขาก็ดี เป็นปัจจัยของความทุกข์ อย่ามองคน ด้วยฐานะ อย่ามองคน ด้วยศักดิ์ศรี อย่ามองคน ด้วยความรู้ความสามารถ มองคนแต่เพียงว่าสภาพของเขา เป็นวัตถุเหมือนสภาพของเรา จิตใจของเราพร้อมในการเมตตาปรานีไม่ถือตน เขาจะมาในฐานะเช่นใดก็ช่าง ถือว่าเป็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตาย เหมือนกันหมด การกำหนดอารมณ์อย่างนี้ เราก็สามารถจะกำจัดตัวมานะ การถือตัวถือตนเสียได้ อย่างนี้เรียกว่า อรหัตมรรค

                                                                                                หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

อยากมีความสุข อย่ามีของเรา



          สมเด็จพระจอมไตร องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสว่า ถ้าเราต้องการหมดความทุกข์ ต้องการมีความสุข ก็จงอย่าคิดว่า โลกนี้เป็นของเรา ร่างกายนี้เป็นของเรา ร่างกายของบุคคลอื่น เป็นเรา ของเรา จงคิดว่า ร่างกายมันเป็นพียงธาตุ 4 มันเข้ามาประชุมกัน เห็นร่างกายภายใน คือ ร่างกายของเรา ก็ทำความรู้สึกเพียงสักแต่ว่าเห็น คือ ไม่สนใจ ไม่ยึดถือว่า มันกับเราจะอยู่ด้วยกันตลอดกาล ตลอดสมัย 

                                                                                              หลวงพ่อฤาษีลิงดำ



อารมณ์สงัดจริงๆ มีเฉพาะพระอรหันต์



          การฝึกอารมณ์ บรรดาญาติโยมพุทธบริษัทส่วนใหญ่ มักจะไปบ่นว่าอารมณ์ไม่ทรงตัวบ้าง อารมณ์ไม่สงัดบ้าง อย่างนี้เป็นความคิดมากเกินไป คนที่มีอารมณ์สงัดจริงๆ นะ มีเฉพาะพระอรหันต์ขึ้นไปเท่านั้น ในเมื่อเรายังไม่เป็นพระอรหันต์ จิตก็ต้องฟุ้งซ่านเป็นของธรรมดา การที่จะทรงตัวให้อารมณ์อยู่เป็นปกติ ก็ต้องใช้เวลาน้อยๆ วันหนึ่งถ้าเราสามารถทรงสมาธิได้จริงๆ สัก 5 นาทีหรือ10 นาที ก็ควรจะพอใจ เพราะว่าเวลาที่จิตทรงสมาธิ เวลานั้นพระพุทธเจ้าถือว่า จิตว่างจากกิเลส  ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสกับพระสารีบุตรว่า "สารีปุตตะ ดูก่อน  สารีบุตร บุคคลใดมีจิตว่างจากกิเลส วันหนึ่งชั่วขณะจิตหนึ่ง ตถาคตถือว่า บุคคลนั้นมีจิตไม่ว่างจากฌาน

                                                                                       หลวงพ่อฤาษีลิงดำ



แผ่เมตตาให้ศัตรู กำลังใจต้องเข้มแข็ง


          ความเมตตากรุณา ใน 2 ประการนี้ องค์สมเด็จพระชินศรีทรงสอนว่า ในอันดับแรก อย่าเพิ่งแผ่เมตตาไปในบุคคลที่เราคิดว่าเป็นศัตรู ต้องยับยั้งไว้ก่อน ให้แผ่เมตตาคือ ความรัก กรุณาความสงสาร เฉพาะในบุคคลกลุ่มเดียวกัน มีอารมณ์ใจเหมือนกันเป็นกลุ่มคนที่เรารัก เพราะว่าถ้ามุ่งหน้าไปหาศัตรูแล้วก็จิตมันจะหวั่นไหว 

          จนเมื่อกำลังใจของเรามั่นคงดีแล้วต่อไปเราก็ มองดูองค์สมเด็จพระประทีปแก้ว ที่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงสงเคราะห์ไม่เลือกบุคคลใด เพราะกำลังใจเข้มแข็ง ความจริง พระเทวทัตเป็นศัตรูของพระองค์มานับแสนกัป แต่ตอนที่พระเทวทัตมา ก็บวชกับองค์สมเด็จพระบรมครู พระองค์ก็ไม่ทรงถือโทษ กลับให้การอุปสมบท สอนให้ได้อภิญญาสมาบัติ น้ำพระทัยขององค์สมเด็จพระทรงสวัสดิ์ เห็นศัตรูเป็นมิตร มีจิตประกอบไปด้วยความเมตตาปรานี พระพุทธเจ้าทำอย่างไร เราก็ทำอย่างนั้น แต่ตอนนี้ต้องขอให้ ใจมันสูงเสียก่อนนะ กำลังใจเข้มแข็งเสียก่อน 

                                                                                            หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ไม่ยึดถือ ใจจะเป็นสุข



         ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก เราสักแต่ว่าเห็น เราสักแต่ว่ารู้ ไม่ยึดถือว่ามันเป็นเราของเรา ถ้าทำจิตอย่างนี้ได้จนเป็นเอกัคตารมณ์ มีปัญญาเห็นได้ชัด สามารถตัดขันธ์ห้า คือไม่เกี่ยวข้องกับขันธ์ห้าได้ ใจจะเป็นสุข ถ้าพิจารณาอย่างนี้ได้เสมอๆ จะไม่กำหนดรู้คำภาวนา ไม่กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกก็ได้

                                                                                           หลวงพ่อฤาษีลิงดำ


จงอย่าถือนินทาและสรรเสริญ




          พระพุทธเจ้าตรัสว่า ...นัตถิ โลเก อนินทิโต... คนไม่ถูกนินทาเลยไม่มีในโลก พระพุทธเจ้าเองยังถูกนินทา......อาตมาเป็นสาวกรุ่นจิ๋วของพระองค์ทำไมจะไม่ถูกนินทา เวลานี้คำนินทา คำติเตียนก็เกลื่อนโลก เต็มโลกไปหมด ไม่เห็นหนักใจอะไร จะนินทาสักเท่าไหร่ก็ตาม ก็แก่ลงไปทุกวัน ใครเขาสรรเสริญยังไงก็ตาม ก็ยังแก่ลงทุกวัน นินทาก็แก่ สรรเสริญก็แก่ ฉะนั้น คำนินทาและสรรเสริญทั้ง ๒ ประการนี้ ท่านพุทธบริษัท องค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคย์ทรงแนะนำว่า จงอย่าถือเอาเลยทั้ง ๒ อย่าง 

                                                                                            หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า



          ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่ สำเร็จด้วยใจ ถ้าบุคคลใดมีใจผ่องแผ้ว จะพูดก็ดี จะทำก็ดี ความสุขย่อม   ตามผู้นั้นไปเหมือนกับเงาประจำตัว ที่ติดตามตัวไป

                                                                                หลวงพ่อฤาษีลิงดำ




ทำบุญอย่างไรให้ความจำดี?




                                                     

หลวงพ่อ : ใช้อานาปานุสสตินะ จิตจะค่อย ๆ ทรงตัว 
ความจําจะดีขึ้น ในเมื่อความจําดีขึ้น ปัญญามันก็ดีขึ้น 
ใช้ลมหายใจเข้าออกทุกวัน.........เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน 
นับ ๑ ถึง ๑๐ หายใจเข้า-ออก นับเป็น ๑ หายใจเข้า-ออกนับเป็น ๒ ...........ตั้งใจอย่างนี้ครั้งละ ๑๐ ก่อนหลับ ๑๐  ตื่นจากหลับ ๑๐ เท่านั้นพอ ไม่กี่วัน ค่อยๆ ไปนะ............


                                                                                      หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ใครรู้ตัวเป็นพาล เขาคือบัณฑิต




           พระพุทธเจ้ากล่าวว่า บุคคลใดรู้ตัวว่าเป็นพาล พาลนี่เขาแปลว่าโง่ พระพุทธเจ้ากล่าวว่าบุคคลนั้นเป็นบัณฑิต เพราะเป็นผู้รู้ คนที่รู้ตัวว่าเป็นคนพาล มันจับความชั่วของตัวไว้เสมอ จ้องดูจิตว่า อารมณ์ชั่วมันจะเกิดเมื่อไร ในเมื่อความชั่วมันจะเกิดขึ้นมาในด้านไหน หาทางตัด นี่บัณฑิตมีความรู้สึกอย่างนี้ ไม่เคยมีความรู้สึกตัวว่าเป็นคนดี มองหาความชั่วของตัวให้พบ เมื่อหาชั่วพบทำลายความชั่วได้แล้ว มันก็ดีเอง 

                                                                                        หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ถ้าใจเราดี ไม่มีอะไรผิดใจเรา




          เรื่องที่จะทำให้ถูกใจเราทุกอย่างมันไม่มี ถ้าใจเราเลว แต่ว่าถ้าใจเราดีเสียอย่างเดียว  ทุกอย่างในโลกมันไม่มีอะไรผิดใจเรา เพราะว่าเราทราบว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา

                                                                                          หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

หลวงพ่อฤาษีลิงดำพูดถึงในหลวง



          คำว่าพระราชาผู้ทรงธรรม อย่าคิดว่าผมยกย่องพระองค์เกินความเป็นจริงนะ ผมบอกแล้วนี่ อันดับต้น สังคหวัตถุ ๔ ของพระองค์ครบถ้วน ขั้นสุดท้ายกำลังใจสูงส่งในด้านสมถวิปัสสนา และขันติ กำลังใจ เมตตาของพระองค์ดีมาก ใครว่าอะไรก็ตาม นินทาอะไรก็ตาม ไม่ทรงโต้ตอบ และก็ไม่เคยตำหนิใครว่าชั่ว อันนี้หาได้ยาก ถ้ามากไปกว่านี้ ผมคิดว่าเทปอีกสัก ๑๐๐ ม้วน ผมพูดเรื่องของท่านไม่จบ

                                                                                       หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

จุดต้องการในการปฏิบัติ





มีสติตามรู้ ตามเห็น 
ตามทันความเคลื่อนไหว 
ของกาย วาจา ใจ 
ได้โดยตลอดเวลา 
อันนี้ต่างหาก
เป็นจุดต้องการในการปฏิบัติ

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

อย่าปล่อยให้จิตว่าง




          คำว่าอย่าปล่อยให้จิตมันว่างนี้ หมายความว่า ให้มีสติกำหนดรู้จิตอยู่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือ มีสติสำรวมจิตอยู่ตลอดเวลา 

          ผู้มีสติสำรวมจิต ผู้นั้นจักพ้นจากบ่วงแห่งมาร

          หลวงปู่ฝั้นท่านอาศัยหลักฐาน ตามพุทธโอวาทนี้....

                                                                                            หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

สัจจบารมี




           การนอนเป็นเวลา การตื่นเป็นเวลา การรับประทานเป็นเวลา ทำอะไรให้ตรงต่อเวลา ก็ให้มีสัจจะไว้ในใจว่า เราจะทำอะไรให้มันจริงใจสักอย่างหนึ่ง ให้เป็นวิหารธรรมเครื่องอยู่ของใจ นี่คือแผนการสร้างพลังจิตพลังใจ 

          การทำอะไรเป็นเวลาตรงไปตรงมา เป็นการสร้างสัจจบารมี ถ้าใครมีสัจจะความจริงใจ มีสัจจบารมี ใกล้ต่อการตรัสรู้ ถ้าขาดสัจจะความจริงใจแล้วยังห่างพระพุทธเจ้า

          ผิดรู้ตัวว่าผิด ถูกรู้ตัวว่าถูก ไม่โกหกใคร ผิดรับไปตามผิด ถูกรับไปตามถูก นั่นเป็นการสร้างสัจจบารมี เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายก็ควรจะได้ฝึกตัวเองให้มีสัจจบารมีบ้าง

                                                                                   หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

ต้องสำรวมจิตตลอดเวลา



          ถ้าท่านลำพังแต่เพียงแค่นั่งสมาธิ 3-4 ชั่วโมง ออกมาแล้ว ปล่อยจิตปล่อยใจให้เป็นไปตามอำเภอใจ ไม่มีการทำสติกำหนดตามรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านประสบอยู่ มันก็ไม่คุ้มค่า จะไปสำรวมจิตเฉพาะในขณะหลับตานั้น ไม่คุ้ม เพราะแรงผลักดันที่จะทำจิตของเราให้ตกอยู่ในอำนาจฝ่ายต่ำนี้มันมีมากเหลือเกิน

                                                                                                 หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

ยึดพระรัตนตรัย ย่อมหายเหงา




          เราเหงา เราหวังพึ่งคนอื่น สิ่งอื่น ถ้าใจมันนึกว่า "อัตตาหิ อัตตโน นาโถ" ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ก็หายเหงา ทำใจให้มีที่อยู่ ที่อยู่ของใจ คือ วิหารธรรม ถ้าใจยึดมั่นในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างแน่วแน่ ก็หายเหงา

                                                                                              หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

การภาวนาพุทโธที่ได้ผล




         อย่าไปข่มความรู้สึก อย่าไปบังคับจิตให้สงบ นึกพุทโธๆๆ เอาไว้ อย่าไปนึกว่าเมื่อใดจิตจะสงบ เมื่อใดจิตจะรู้ เมื่อใดจิตจะสว่าง ให้กำหนดรู้ลงที่จิตอย่างเดียว

         นึกพุทโธๆๆ พุทโธก็อยู่กับจิต จิตก็อยู่กับพุทโธ เมื่อมีการตั้งใจนึกพุทโธ สติสัมปชัญญะจะมาเอง หน้าที่เพียงนึกพุทโธๆๆ ไว้จนกว่าจะถึงเวลาอันสมควร จิตจะสงบหรือไม่สงบไม่สำคัญ ให้เรานึกพุทโธไว้โดยไม่ขาดระยะเป็นเวลานานๆ จนกระทั่งจิตมันคล่องตัวต่อการนึกพุทโธ  ในที่สุดจิตจะนึกพุทโธๆๆ เองโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อจิตนึกพุทโธเองโดยไม่ได้ตั้งใจ แสดงว่าการภาวนาของเรากำลังจะได้ผลแล้ว .

          ในเมื่อจิตนึกอยู่ที่พุทโธๆๆ พุทโธก็เป็นเครื่องรู้ของจิต เครื่องระลึกของสติ เมื่อจิตมีเครื่องรู้ สติมีเครื่องระลึก ผู้ปฏิบัติตั้งใจปฏิบัติให้มากๆ กระทำให้มากๆในที่สุดจิตจะเกิดความสงบ

                                                                            หลวงพ่อพุธ ฐานิโย



การภาวนาแม้เหนื่อยยาก...




การภาวนาแม้เหนื่อยยาก
ยอมลำบากอย่าท้อถอย
สุดทางที่รอคอย
คืออมตสุขสิ้นทุกข์ใจ

หลวงปู่บุญกู้ อนุวฑฺฒโน

โจรปล้นไม่เหมือนความเกียจคร้านปล้น




โจรปล้นเรายังหาทรัพย์ใหม่ได้
แต่ความเกียจคร้านปล้น เท่าวันตายเราก็ไม่มีทรัพย์

หลวงปู่สาย เขมธัมโม



แบกตำรามาเป็นตู้ๆ




                       แบกตำรามาเป็นตู้ๆ แบกกระทู้มาเป็นพันๆ ก็สู้พระอรหันต์องค์เดียวไม่ได้

                                                                                         หลวงปู่สาย เขมธัมโม

"คนทำผิด" นั้นดีกว่า "คนไม่ทำ"



          เมื่อทำดีแล้วใครจะว่าอะไรก็ช่างเขา ต้องคิดว่านั่นเป็นสมบัติของเขา ไม่ใช่ของเรา ส่วนความดีที่เราทำ ก็ย่อมอยู่ที่ตัวเรา "คนทำผิด" นั้นดีกว่า "คนไม่ทำ" ทำผิดยังแก้ให้ถูกได้ แต่คนไม่ทำนี่สิ...ไม่รู้จะไปแก้อย่างไร เพราะไม่รู้ว่าตนเป็นคนผิดหรือคนถูก การไม่ทำนั่นก็ผิดอยู่ในตัวแล้ว


                                                                                                     ท่านพ่อลี ธัมมธโร