การยึด "พระพุทธ" เป็นที่พึ่ง


การยึด "พระพุทธ" เป็นที่พึ่ง
คือการปฏิบัติเข้าถึงความเป็น "พุทธะ"
หมายถึง ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
เป็น "ผู้รู้" คือ สักแต่ว่า "รู้"
ในสิ่งที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง
ไม่มีการคิดนึก ปรุงแต่งต่อ
ได้แก่ "การรู้เฉยๆ"...
เป็น "ผู้ตื่น" คือ ตื่นจาก "ความหลง"
ในโลกโลกียะ หรือใน "ทวิภาวะ" ทั้งหลาย
หากก้าวพ้นทวิภาวะไม่ได้
ก็ย่อมไปไม่ถึง "โลกุตตระ"...
คือฝั่งแห่งความหลุดพ้น หรือพระนิพพานได้
เป็น "ผู้เบิกบาน" ใจต้องไม่ยึดมั่นถือมั่นสิ่งใดเลย
ใจจะต้องเป็นกลาง ไม่โอนเอนไปข้างใดข้างหนึ่ง
เช่น ไม่ยึดทั้งสุข-ทุกข์
บุญ-บาป กุศล อกุศล เป็นต้น
เมื่อทำเช่นนี้ได้ ใจย่อมเบิกบานทุกเวลา

อ.ทวีศักดิ์ คุรุจิตธรรม

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


การหลุดพ้นคือการเห็นความเป็นจริง



การหลุดพ้น 
มิใช่แค่การนั่งหลับตาและตามลมหายใจ 
แต่การหลุดพ้นนั้นคือ 
“การเห็นความเป็นจริง ที่เป็นกลไกของมันเอง "
มิใช่ตามใจ ตามความคิด ที่ตัดสินและแบ่งแยกของเธอ
ความคิดก็เปลี่ยนไปเรื่อย ๆๆ เป็นขณะๆ ตามแรงส่ง
ไม่เคยหยุด สำหรับผู้ยังสนุกในวัฎฎะ
ให้ค่าความหมายไปเรื่อยๆ ดี ไม่ดี ใช่ ไม่ใช่
ตามใจ ตามทิฐิ ตามความเชื่อ ตามความเห็น
ก็เป็นได้แค่เพื่อนเกิดแก่เจ็บตายในสังสารวัฎ
มิอาจข้ามผ่านหรือหลุดพ้นจากมายา
ที่ตนเองสร้างกับดักไว้ได้ 

พระอาจารย์ปกรณ์นันทน์ ฐิตธัมโม

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา