ผู้ใดที่ไม่ตกอยู่ในอำนาจของอวิชชาตัณหา


ผู้ใดที่ไม่ตกอยู่ในอำนาจของอวิชชาตัณหา 
ผู้นั้นจะไม่หลงใหลไปผูกพันยินดีกับรูป เสียง กลิ่น รส เครื่องสัมผัส 
อันโลกเขาสมมติว่า สวยๆ งามๆ เหล่านั้นเลย 
เพราะว่าเมื่อเพิกอวิชชาออกจากจิตใจนี้แล้ว 
“วิชชา” คือ ความรู้บังเกิดขึ้นในใจแล้ว 
มันก็จะมองเห็น รูป เสียง กลิ่น รส เครื่องสัมผัสต่างๆ 
ก็ล้วนแต่เป็นของไม่เที่ยง 
มีความเกิดขึ้นแล้วก็แปรปรวนแตกดับไป 
ทั้งที่เป็นส่วนหยาบก็ดี ส่วนปานกลางก็ดี 
เป็นส่วนละเอียดประณีตบรรจงอย่างไรก็ตาม 
มันก็มีความเกิดขึ้นแล้วดับไปเหมือนกันหมดเลย 
ไม่มีอะไรเที่ยงยั่งยืนสักหน่อยเดียว 
เมื่ออวิชชาดับไป วิชชาความรู้เกิดขึ้นแล้ว 
มันก็จะมองเห็นความจริงของสิ่งที่ดวงจิต
มันเคยผูกพันมันมานับชาติไม่ถ้วนแล้ว
มันจะเห็นแจ้งตามเป็นจริงได้เลย 

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

Image by schuetz-mediendesign from Pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


การให้โดยไม่หวังผล จึงเกิดความบริสุทธิ์เอง


บุญคือ จาคะ สละ ให้ 
ไม่ได้อะไร มีแต่ละอัตตาตัวตน 
ไม่ยึดติดในสิ่งของ รูปนาม.. 
สรุปโดนหลอกๆ กันมา 
ให้แล้วจะเป็นเศรษฐี ให้แล้วไปสวรรค์ ให้แล้วนิพพาน
มาล่อ ให้อยาก 
การให้โดยไม่หวังผล จึงเกิดความบริสุทธิ์เอง
เป็นการจาคะ เสียสละ ให้ ละอัตตาตัวตน 
ให้เห็น สิ่งของนี้ กายนี้ มิใช่เรา ลดการเป็นเจ้าของ
ไม่ใช่ร้องขอให้ มีตัวตนจะสุขสบาย 
ดี สมบูรณ์ รวยๆ เฮงๆ 
นี่มันสอนให้ร้องขอให้เป็นสรรพสัตว์นานๆ
อยู่เป็นเพื่อนกันนานๆ อยู่ในสังสารวัฎนานขึ้นเลย 
มันคนละเรื่องเลยนะ

พระอาจารย์ปกรณ์นันทน์ ฐิตธัมโม

Image by rawpixel from Pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา