กิเลสคือโพธิ แต่โพธิก็เกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่มีกิเลส
แม้ "ความว่าง" และ "ความมี" แตกต่างกัน
แต่มันก็ต้องอาศัยกันและกันอย่างแยกไม่ออก
.
หากปราศจากความว่าง ความมีก็เกิดไม่ได้
และความมีจะดำรงอยู่ไม่ได้ หากปราศจากความว่าง
แก้วน้ำใบนี้ บรรจุน้ำได้เพราะมันว่าง รถวิ่งได้เพราะถนนว่าง
โบสถ์วิหาร บ้านเรือน อาศัยได้เพราะข้างในว่างเปล่า
นก ผีเสื้อ เครื่องบิน โบยบินอย่างเสรีได้
เพราะอากาศมีความว่าง
.
ความว่างจึงมีคุณต่อ "ความมี" อย่างสูง
และความมีก็ขับเน้นให้ความว่าง มีคุณค่าโดดเด่นอย่างอัศจรรย์
.
โลกใบนี้ เกิดเพราะเหตุปัจจัยแห่งการอิงอาศัย
จงใช้ชีวิตให้กลมกลืนสมดุล
อย่าแสวงหาความมี จนนอนอัดควันพิษ แห่งความอยากจนเป็นทุกข์
และอย่าแสวงหาความว่าง จนทิ้งหน้าที่ ความรับผิดชอบของตน
ในฐานะสมมุติแห่งความเป็นมนุษย์
.
หลับตาหรือลืมตา ยืน นั่ง หรือนอน
ชายหรือหญิง หนุ่ม สาว คนแก่ ฆราวาสหรือนักบวช
การดิ้นรนหนีโลก เพื่อพ้นทุกข์ มิใช่สิ่งจำเป็นเลย
.
หากเธอมีปัญญาเสียแล้ว
เธอจะเห็นว่านิพพานอยู่ในสังสารวัฏ
เธอไม่จำเป็นต้องปฏิเสธอะไร และกอดรัดอะไร
เธอไม่จำเป็นต้องหนี หรือ สู้ พ้นจากอะไร
.
นิพพานบนดินได้ บนความมีได้ บนความว่างได้
ในชีวิตปัจจุบัน ที่นี่ เดี๋ยวนี้
และธรรมะแท้ คือ ธรรมปัจจุบัน
ที่นำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้นี่แหละ
แต่ไม่หลงปัจจุบัน
.
แค่ทำหน้าที่ตามเหตุตามปัจจัย ให้สมดุลพอเพียงกับตน
และมีปัญญามองเห็นเข้าใจธรรมชาติ
ของการตั้งอยู่ เปลี่ยนแปลง และดับไปของทุกสรรพสิ่ง
เธอก็จะเป็นผู้ที่มีปัญญา ใช้ชีวิตชิวๆ
แต่สงบเย็น โปร่งโล่ง เป็นประโยชน์
.
ความสมบูรณ์ทั้งทางโลกและทางธรรม สามารถเกิดขึ้นได้ ควบคู่กัน
โดยเธอไม่ต้อง "เอา" อะไรหรือ "ทิ้ง"
หรือ คอยกำจัดอะไร หรือ วางอะไร
ทุกสิ่งล้วนเป็นอัตโนมัติ ทำหน้าที่เองทุกส่วน
เมื่อเห็นทุกสิ่งอัตโนมัติ ( ai ) จากปัญญาเรา ไม่ใช่ความจำที่เป็นทิฐินะ
ไม่เคยเกิด ไม่เคยตายจริงๆ ก็แค่ผ่านมาทักทาย "ชั่วคราว"
พระอาจารย์ปกรณ์นันทน์ ฐิตธัมโม
Image by Lwcy from pixabay
ที่มา : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา