ถ้ามีการหยุดดูหยุดรู้จิตใจของตนอยู่เนืองนิจแล้ว
มันจะเป็นการตัดรอนทอนกำลังทางผัสสะได้มากมายเหลือประมาณ
เพราะมันกระทบทีไร ก็ตามเห็นความดับของมัน
ทุกสิ่งมันเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปอย่างนี้ทุกลมหายใจเข้าออก
ไม่มีอะไรให้น่าเอาน่าเป็นแต่ประการใดเลย
เรื่องต่างๆ ที่จำมาปรุงมาคิดนั้น มันก็เป็นความฝันชั่วขณะหนึ่ง แล้วก็ดับไป
เป็นไปในลักษณะนี้เฉพาะหน้า ปัจจุบัน
ถ้าเป็นการดูจริง รู้แจ้ง ในลักษณะของอารมณ์ทั้งหลาย
ที่ปรากฏเกิดดับเฉพาะหน้าทุกขณะแล้ว
มันก็เป็นผัสสะที่กระทบแล้วก็ดับ กระทบแล้วก็ดับ
ไม่มีความหมายว่าเป็นดีเป็นชั่ว หรือเป็นสุขเป็นทุกข์
@@@**ข้อปฏิบัติที่น่าสนใจ คือ จะต้องอ่านตัวจริงที่ปรากฏให้แจ่มแจ้งอยู่ทุกขณะ
ไม่ต้องไปมีความจำหมายเอาเรื่องอะไรมา มันมีแต่ความปล่อยวางว่างเปล่าไป
ดูความจริงของอารมณ์ และผัสสะทั้งหลาย
มันแสดงความเปลี่ยนแปลง ว่างเปล่าจากความเป็นตัวตนอยู่เฉพาะหน้าทุกๆ ขณะ
ถ้าอ่านออกในเรื่องนี้แล้ว ข้อปฏิบัติจะไม่มีการไถลไปหรือเฉไฉ
ไปเอาเรื่องจำเรื่องคิดเข้ามา เป็นการทำให้นุงถุงยุ่งยาก
แล้วก็เป็นการชักใยพันตัวเองอย่างซ้ำๆ ซากๆ
ลักษณะของจิตที่มีการรู้ตัวนั้น มันมีความแจ่มใส ไม่มืดมัว ไม่เร่าร้อน ไม่เศร้าหมอง
จึงเป็นจิตที่ปราศจากกิเลสตัณหา แล้วก็เป็นจิตที่สะอาด สว่าง สงบ ขึ้นมา**@@@
ท่าน ก.เขาสวนหลวง
ที่มา : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา