เครื่องวัดความก้าวหน้าในธรรม


คนเรานี้มี ๒ ประเภท 
คือคนที่ทำ อย่างที่ภาษาปัจจุบัน 
เรียกว่า  ทำตามอารมณ์พวกหนึ่ง 
กับคนที่ทำด้วยปัญญา 
ด้วยเหตุด้วยผล อีกพวกหนึ่ง
เราก็เอาปัญญานี้มาตรวจสอบตนเองว่า 
ในการกระทำของเรา
หรือเราดำเนินชีวิตในแต่ละวันนี้ 
เราได้ใช้ปัญญาแค่ไหน 
หรือเราได้ทำตามอารมณ์แค่ไหน 
ถ้าเราเอาอารมณ์เป็นใหญ่มาก 
ก็แสดงว่าเรายังมีความเจริญก้าวหน้าในธรรมน้อย
ถ้าเราใช้ปัญญา ใช้เหตุ ใช้ผลมาก 
ก็แสดงว่าเราก้าวหน้าในธรรมมาก 

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตฺโต)

Image by Jplenio from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

นี่คือการฝึกออกจากวัฏสงสาร


การให้กลับมารู้สึกตัว
เป็นกระบวนการแห่งการทวนกระแสกลับ 
นี่คือการฝึกออกจากวัฏสงสาร    
ถ้าเราไหลไปตามกระแสมีแต่จ่อมจม 
ไม่พบทางออกของชีวิตใหม่ 
ตัววัฏสงสารคือกระบวนการแห่งจิตที่มันปรุงไปเรื่อยๆ 
เวียนตายเวียนเกิดอยู่ในระบบแห่งความคิดและอารมณ์ต่างๆ 
นี่คือสิ่งที่มนุษย์เป็นมาตลอดหลายพันปี 
เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่เราทวนกลับมาได้ 
กระแสนี้จะพังทลายลงไป แต่พอมันหลุดไปอีก
มันก็ไปสร้างกระแสหมุนวนเข้าไปอีก 
การหลงออกไปมันเป็นเรื่องของธรรมชาติ 
มันเป็นเรื่องความเคยชิน  
จิตมันเคยหลงมาอย่างนั้นตลอด 
มันจำแนวทางนั้นมาไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ 
นี่คือสิ่งที่มนุษย์ได้เสมอกันเพราะว่ามีอวิชชา
คือความไม่รู้ ความหลง 
นำพาสู่ร่องรอยเดิมที่เคยเป็นมาตลอด 
เราไม่เคยหักล้างสังสารวัฏเลย   ทำไงดี 
สิ่งที่อาจารย์สอนพยายามพาพวกคุณทำ “กลับมารู้สึกตัว” 
ทวนกลับออกมา สลายไป 
ทุกครั้งที่คุณทวนกลับมาได้มันสลายออกไปทันที 
ใครก็ตามที่ทวนกระแสกลับได้ 
นี่คือการทำบารมี...เพื่อการพ้นทุกข์ 
คือการสร้างเหตุปัจจัยใหม่ สร้างอนุสัยใหม่

พระอาจารย์ครรชิต อกิญฺจโน

Image by Jplenio from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา