สติเกิด ก็เริ่มปลอดโปร่งโล่งใจ



เมื่อหลงมาครอบครอง เดี๋ยวก็โลภ 
เดี๋ยวก็โกรธ เดี๋ยวก็ฟุ้ง เดี๋ยวก็หงุดหงิด 
แต่ถ้าสติเข้าครองบ่อยมากขึ้น 
เห็นก็รู้ ได้ยินก็รู้ ยืน เดิน นั่ง นอน 
หายใจเข้าหายใจออก รู้สึกสัมผัสกายใจ 
สติเกิดมากขึ้นๆ มันก็เริ่มปลอดโปร่งโล่งใจ 
เกิดความสว่างไสว เบิกบาน 
ปัญญาก็ค่อยเห็นชัดเจนขึ้น 
เหมือนกับเมฆหมอกมันได้คลี่คลายไป 
ความมืดได้จางคลายไปก็เริ่มเห็นความจริง

‪พระอาจารย์สุรศักดิ์ เขมรังสี

เห็น แต่ไม่ "เป็น"



                    ยิ่งเรามีสติเข้มแข็ง จิตตั้งมั่นมากเท่าใด         
ธรรมชาติปัจจัยที่จะมาปรุงแต่งจิตให้สุขทุกข์ 
ไม่รู้มันหายไปไหน 
จิตจะมีแต่ความว่าง ตื่นรู้อยู่กับปัจจุบันขณะ 
จิตผ่องใส ไม่สุข ไม่ทุกข์ 
สุขก็เห็น ทุกข์ก็เห็น 
แต่ไม่ “เป็น”

หลวงตาสุริยา วัดป่าโสมพนัส 
(ส.มหาปัญโญภิกขุ)

สมบัติทุกอย่างในโลกเป็นทุกข์




สมบัติทุกอย่างที่อยู่ในโลกโลกีย์แล้ว 
ย่อมไม่ใช่เป็นความสุข เป็นความทุกข์ทั้งนั้น 
เป็นของดีสำหรับโลก แต่ไม่จำเป็นสำหรับพระนิพพาน
มิจฉาทิฏฐิ หรือ สัมมาทิฏฐิ ก็เป็นเรื่องของโลก 
พระนิพพานไม่มีมิจฉาทิฏฐิและสัมมาทิฏฐิ ...
เหตุนั้นเมื่อสิ่งใดเป็นมิจฉาทิฏฐิ ก็ควรพากันละเสีย 
สิ่งใดเป็นสัมมาทิฏฐิก็ควรพากันเจริญ 
จนมันหลุดจากมือของเราได้เมื่อไรก็สบาย


ท่านพ่อลี ธัมมธโร

ทำความดี หลงในดี มีความสุข หลงในสวรรค์




ทำความดี หลงในดี 
มีความสุข หลงในสวรรค์
เขาผู้นั้นย่อมไม่พ้นจากกามกิเลส
อันเป็นเหตุให้เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสาร
ความดีและสวรรค์อาจปิดกั้นมรรคผลนิพพานได้ ให้ระวัง

หลวงปู่ชา สุภัทโท