ให้รู้สึกอยู่ที่กาย และแอบชำเลืองดูใจบ้าง



การเฝ้าดูให้ดูกาย ให้รู้สึกอยู่ที่กาย
และแอบชำเลืองดูใจบ้าง ไม่ต้องจ้องดู 
การจ้องดูจะเป็นการเพ่งไป 
จะทำให้เข้าไปในความคิดได้ 

...
แค่แอบดู พอความคิดเกิดขึ้นแค่รู้ 
แล้วกลับมาดูกาย... 
นี่เป็นหลักการปฏิบัติอย่างง่ายๆ 
แต่ที่เราทำแล้วไม่ง่าย 

เพราะเราคุ้นชินกับความคิด เลยไปกับความคิด 

ท่องเที่ยวไปในวัฎสงสาร 
ไปเกาะเกี่ยวเอาทุกข์ เอาสุข เข้ามาตลอดเวลา 
ไม่คุ้นชินกับการรู้สึกอยู่กับกายเฉยๆ 
โดยไม่คิด ไม่ปรุงแต่ง
ไม่ท่องเที่ยวไปในวัฎสงสาร ไม่เวียนว่ายตายเกิด 
ไม่ไปเกี่ยวเอาทุกข์ เอาสุข มาเป็นของตน 

การที่เรามาปฏิบัติ...ก็เพื่อทำให้เราคุ้นชินกับการที่

.....ใจเป็นหนึ่งเดียวกับกาย....

หลวงพ่อมหาดิเรก พุทธยานันโท

ใจนี้เองเป็นตัวอันธพาล



ใจนี้เองเป็นตัวอันธพาล..แต่มันไปวาดภาพว่า 
คนนั้นเป็นอันธพาลต่อเรา คนนี้เป็นอันธพาลต่อเรา
ตัวเราเป็นอันธพาลใหญ่ไม่ดูตัวเอง พอย้อนจิตเข้ามาดูนี้แล้ว 
อันธพาลนี้ดับปุ๊บ นอกนั้นไม่มี คือ ใจนี้เองเป็นตัวอันธพาล ให้พากันจำเอา 
ดูตั้งแต่ภายนอกไม่ดูตัวเอง ไม่เกิดประโยชน์อะไร ให้ดูตัวเอง

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

การอยู่เหนือความสำเร็จ คือความสุขแท้จริง



ความสำเร็จนำมาซึ่งความสุขก็จริง
แต่การอยู่เหนือความสำเร็จ 
หรือไม่หมกมุ่นติดยึดกับความสำเร็จต่างหาก 
คือที่มาแห่งความสุขที่แท้จริง

พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล

ถ้าชนะตัวเอง ก็ชนะทั้งหมด



ถ้าเราเอาชนะตัวเอง
มันก็จะชนะทั้งตัวเอง 
ชนะทั้งคนอื่น
ชนะทั้งอารมณ์ ชนะทั้งรูป 
ทั้งเสียง ทั้งกลิ่น...
ทั้งรส ทั้งโผฎฐัพพะ
เป็นอันว่าชนะทั้งหมด

หลวงปู่ชา สุภัทโท

ใจเป็นเพียงตัวรู้ มันไม่มีตัวตน



          ใจเป็นเพียงตัวรู้ มันไม่มีตัวตน ไม่มีเพศ ไม่มีเชื้อชาติ ไม่มีสมมุติบัญญัติ...คนเราติดสมมุติมันจึงไปยาก เวลามันสงบจริงๆ มันไม่มีสมมุติอะไร มันมีแต่รู้ หามันให้เห็น ดูให้มันชัด รักษาให้ดี รักษาใจอันเดียว ก็คือรักษาศีลทั้งหมด ทำให้มันเป็นสัณทิฏฐิโก....

                                                                                                   หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก

เห็นกายเห็นใจ ก็พอที่จะพ้นทุกข์ไปได้



          ถึงแม้ว่าเราไม่มีปัญญามาก ขอแต่ว่ารู้กายรู้ใจของเราเท่านั้นก็พอ เราไม่ได้ปฏิสัมภิทา คือความแตกฉานในอรรถธรรม…ก็พ้นทุกข์ไปได้เหมือนกัน ขอแต่ว่ารู้ความจริงเท่านี้ก็พอ เห็นกายเห็นใจ เห็นความจริงอยู่อย่างนี้ ก็พอที่จะพ้นทุกข์ไปได้ 

                                                                                                      หลวงปู่บุญจันทร์ กมโล

ปล่อยทิ้งทั้งบาปและบุญ



รู้แล้วละ วาง ปล่อยทิ้ง และไม่อาลัย
และไม่ยึดมั่นธรรมต่างๆ
ธรรมที่เกิดขึ้นภายในจิต ทั้งฝ่ายดีและฝ่ายชั่ว
บาปบุญเปรียบเหมือนมารยา เกิดขึ้นแล้วดับ 
ปล่อยทิ้งทั้งสอง

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล

ผู้รู้เท่าทันสภาวะ ย่อมอยู่อย่างเป็นอิสระ




เมื่อดำรงชีวิตอยู่อย่างผู้ไม่รู้เท่าทันสภาวะ
ย่อมถูกฉุดลากให้กระเสือกกระสนกระวนกระวายไป
ตามภาพที่สร้างขึ้นลวงตนเองนั้น เรียกว่า อยู่อย่างเป็นทาส
แต่ผู้รู้เท่าทันสภาวะ ย่อมอยู่อย่างเป็นอิสระ
และสามารถถือเอาประโยชน์จากกฎธรรมดาเหล่านี้ได้

พุทธธรรมฉบับปรับขยาย
นิพนธ์ของ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) ตอน ๖๖

เมื่อมีทุกข์ให้ย้อนดูใจตัวเอง



          ความทุกข์นั้นไม่ได้อยู่ที่มีอะไรเกิดขึ้นกับเรา แต่อยู่ที่ว่าเราวางใจอย่างไร เมื่อตระหนักชัดว่าความยึดติด เป็นที่มาแห่งความทุกข์ แทนที่เราจะโทษสิ่งภายนอกว่าเป็นตัวการแห่งความทุกข์ เราควรจะย้อนกลับมาดูที่ใจของเราเอง ตรงนี้เป็นสิ่งที่ผู้คนไม่ค่อยมองนัก เวลามีความทุกข์ ส่วนใหญ่จะโทษว่าเป็นเพราะคนอื่น...ยิ่งคิดก็จิตใจยิ่งขุ่นเคืองเพราะอยากตอบโต้ อยากแก้แค้น เกิดโทสะขึ้นมา นั่นเป็นเพราะเราไม่ได้ตระหนักเลยว่าตัวการแห่งความทุกข์นั้นอยู่ที่ใจของเรา

                                                                                           พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล

บัณฑิตต้องฝึกตัวเอง มองตัวเอง แก้ตัวเอง


บัณฑิตต้องฝึกตัวเอง 
มองตัวเอง แก้ตัวเอง 
คนพาลเท่านั้นที่ไปแก้คนอื่ 
ไปห้ามคนอื่นไม่ให้เขาทำกับเรา
มันเป็นไปได้ยาก ทุกข์ก็ดีสุขก็ดี...
มันเกิดขึ้นจากตัวเรา 
โกรธก็ดี โลภก็ดี หลงก็ดี 
เกิดขึ้นจากตัวเรา 
แม้คนอื่นจะทำเรา 
มันเป็นเรื่องของเราที่จะไม่สุขไม่ทุกข์

หลวงพ่อคำเขียน สุวัณโณ

โลกนี้มีแต่ทุกข์ 2 อย่าง



. . .จะเป็นสิ่งใดก็ตามที่เราประสบแล้ว
เรารู้สึกไม่พอใจ เราไม่ชอบใจ นั่นแหละเป็นทุกข์ไม่ปกปิด
เราประสบสิ่งใดแล้วเราคิดว่าเป็นสุข
รู้สึกเป็นสุข ดีอกดีใจ ชื่นใจชอบใจ นั่นคือ ทุกข์ปกปิด
ที่ว่าเป็นทุกข์ปกปิดก็เพราะว่ามันเป็นทุกข์อยู่
แต่เราไม่รู้ว่าเป็นทุกข์ เราสำคัญว่าเป็นสุข
พระพุทธเจ้าจึงเรียกว่า เป็นทุกข์ปกปิด
ก็ในโลกทั้งปวงมีแต่ทุกข์ ๒ อย่างนี้เท่านั้น
เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในโลก
ล้วนแต่เป็นของไม่เที่ยงทั้งนั้น . . .

หลวงปู่เจือ สุภโร

รู้สึกตัวทั่วพร้อม สร้างนิพพาน...



          เมื่อท่านถูกอวิชชาครอบงำ อายตนะทั้ง 6 และขันธ์ทั้ง 5 ของท่าน ย่อมสร้างความทุกข์และความตายให้แก่ท่าน เมื่อท่านรู้สึกตัวทั่วพร้อ อายตนะทั้ง 6 และขันธ์ทั้ง 5 ของท่าน ก็สร้างนิพพานและอมฤตธรรมให้แก่ท่าน

                                                                                                   ปรมาจารย์ตั๊กม้อ

ของเป็นอยู่มีอยู่ในตัวของเรา เรียกว่าธรรมะทั้งนั้น



          ให้เข้าใจว่า ของเป็นอยู่มีอยู่ในตัวของเรา เรียกว่าธรรมะทั้งนั้น อย่างที่เราเห็นธรรมะว่า ความเกิดก็มีอยู่ ความแก่ก็เป็นอยู่มีอยู่ ความตายก็มีอยู่ในตัวของเรา แต่ไม่อยากดู เลยไม่เห็นธรรมะ อันการที่ไม่เห็นธรรมะ คือการไม่พอใจ ไม่เลื่อมใส ไม่ยินดีกับของที่มีอยู่เป็นอยู่นั่นเอง ครั้นหากเราพอใจเลื่อมใสยินดีในธรรมะที่เป็นอยู่มีอยู่นี้ แล้วพิจารณาลงไปเถิด ความชัดเจนแจ่มแจ้งก็จะเกิดขึ้นในใจของเรานี้เอง เหตุนั้น ท่านผู้พิจารณาธรรม ท่านจึงพิจารณาของในตัวเองอยู่ตลอดเวลา ขอให้มีศรัทธาเลื่อมใสพอใจยินดีอย่างยิ่งในธรรมะนั้นๆ ที่มีอยู่ในตัวของเรา ก็จะเป็นประโยชน์แก่ตัวของตนเองอย่างยิ่ง

                                                                                                 หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

สติกำหนดลมหายใจเข้าออก...



สติกำหนดลมหายใจเข้าออก อันผู้ใดไม่อบรมให้บริบูรณ์ 
ทั้งกายทั้งจิตของผู้นั้นก็หวั่นไหว

อานาปานสฺสติ ยสฺส อปริปุณฺณา อภาวิตา
กาโยปิ อิญฺชิโต โหติ จิตฺตมฺปิ โหติ อิญฺชิตํ 

ขุ.ปฏิ. ๓๑/๓๖๙

สอนตนเองเป็นของจำเป็นมากกว่าสิ่งใด



          ถ้าหากโลกทั้งปวงหนักไปทางสอนตนเองเป็นชั้นหนึ่ง และเป็นของจำเป็นมากกว่าสิ่งใดๆ แล้ว การโต้เถียงเกี่ยงงอนรังเกียจเบียดสีกัน ก็คงสงบไปในตัวเท่าที่ควร และพุทธศาสนาก็ยืนยันว่า "สอนตนดีแล้ว จึงสอนท่านผู้อื่น" จึงไม่เดือดร้อนในภายหลัง 

                                                                                               หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต 

พึงพิจารณากายนี้ให้เป็นของตาย



          ผู้มายึดมั่นสำคัญกายนี้ อันเป็นของไม่มีสาระ ว่าเป็นของมีสาระ ย่อมไม่ถึงธรรมที่เป็นสาระ มีแต่ความดำริผิดเป็นที่ไป ฉะนั้นพึงพิจารณากายนี้ให้เป็นของตาย สลายตามจริง ซึ่งเป็นคู่กันกับความเกิดแล้ว จะได้ละเลิก ถือของไม่มีสาระ ว่าเป็นของมีสาระเสียได้

                                                                                             หลวงปู่บุญจันทร์ กมโล

บุคคลที่มารทำลายไม่ได้



มารย่อมไม่สามารถทำลายบุคคล ผู้ไม่ตกเป็นทาสของความสวยงาม 
รู้จักควบคุมการแสดงออก รู้จักประมาณในโภชนาหาร 
มีศรัทธา และมีความขยันหมั่นเพียร 
เหมือนลมไม่สามารถพัดโค่นภูเขา

อสุภานุปสฺสึ วิหรนฺตํ อินฺทฺริเยสุ สุสํวุตํ โภชนมฺหิ จ มตฺตญฺญุํ สทฺธํ อารทฺธวีริยํ 
ตํ เว นปฺปสหตี มาโร วาโต เสลํว ปพฺพตํ

(ธรรมบท, ยมกวรรค, ๘)

อายุที่เราได้คือชีวิตที่เราสูญเสียไป




ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ไม่มีการสูญเสียใดๆ
ที่น่าเสียใจเท่ากับการเสียเวลา
เสียเวลาเพียงหนึ่งวินาที ก็เท่ากับสูญเสียส่วนหนึ่งของชีวิต 
อายุที่เราได้นั้นคือชีวิตที่เราสูญเสียไป


หลวงปู่จันทร์ กุสโล

พระพุทธเจ้าแสดงธรรมเพื่อเกื้อหนุนการละวาง



พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า พระองค์แสดงธรรมประดุจเรือ
เมื่อบุคคลอาศัยเรือมาถึงฝั่ง ก็ทิ้งเรือขึ้นฝั่ง
ไม่ต้องแบกหาบหามเรือตามไปบนฝั่งด้วย
เพราะว่าพระองค์แสดงธรรมเพื่อเกื้อหนุนการละวาง
มิได้แสดงธรรมเพื่อเกื้อหนุนความยึดมั่น
เพราะการยึดมั่นทั้งปวงมีโทษทั้งสิ้น
แม้กระทั่งการยึดมั่นในธรรม
จงอาศัยธรรมเพื่อเป็นเครื่องข้ามฝั่ง

พระอาจารย์ชุมพล พลปญฺโญ

แสวงหาธรรมจากความทุกข์นี้ดี



          แสวงหาธรรมจากความทุกข์นี้ก็ดีนะ ก็เพราะความทุกข์นี่่แหละเราถึงได้เข้าหาธรรม ความทุกข์ต่างๆ นั้นก็มีเหตุมาจากความหลง เราจะต้องปฏิบัติให้มีสติจนเกิดปัญญา ต้องทำให้ปัญญาเหนือความหลง

                                                                                                         หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต

อย่าคิดว่าเราเป็นคนสำคัญ



          อย่าคิดว่าเราเป็นคนสำคัญ ให้ทำตนแบบปกติธรรมดาๆ นี่แหละดีที่สุด เมื่อเราคิดว่าเราเป็นคนสำคัญแล้ว เมื่อผู้อื่นไม่ให้ราคาเรา ไม่นับถือให้ความสำคัญเราแล้ว จิตใจเราจะเป็นทุกข์ร้อนรนสับสนวุ่นวายไปตามกระแสโลกธรรม

                                                                                          ครูบาเจ้าบุญชุ่ม ญาณสํวโร

ความตายนั้นเป็นอารมณ์อันเป็นสิริมงคล



          พระบรมศาสดาสอนให้พิจารณาความตายเพราะมันละกิเลสได้ มันหมดความทะเยอทะยาน หมดความเห็นแก่ตัว ความตายนั้นเป็นอารมณ์อันเป็นสิริมงคลชนิดหนึ่ง คนระลึกถึงความตายก็หมดปัญหาที่จะไปคิดฆ่าใคร คิดเข็ญคนอื่น คิดเบียดเบียนคนอื่น คิดอิจฉาพยาบาทคนอื่น มันก็หมด หมดความที่เป็นบาป เรียกว่ากุศลกรรม

                                                                                                 หลวงปู่คำพอง ติสโส

สติ” ให้นำมาใช้ในขณะตาเห็นรูป...




สติ” ให้นำมาใช้ในขณะตาเห็นรูป 
หูได้ยินเสียง จมูกได้ดมกลิ่น 
ลิ้นได้ลิ้มรส กายได้สัมผัส 
ใจต้องโผฏฐัพพะ 
ไม่ปล่อยให้ความรู้สึกยินดี ยินร้ายครอบงำ ...
ส่วนความยินดียินร้ายก็คงมีอยู่ 
แต่ว่าไม่ให้มันครอบงำเราได

หลวงพ่อเลี่ยม ฐิตธมฺโม

ขึ้นชื่อว่ากิเลสผลิตขึ้นมาแล้ว ไม่มีอะไรเป็นสุข



         รักก็ทุกข์ เกลียดโกรธก็ทุกข์ อะไรทุกข์ทั้งนั้น ขึ้นชื่อว่ากิเลสผลิตขึ้นมาแล้ว ไม่มีอะไรเป็นสุข มีแต่ความทุกข์ทั้งนั้น นอกจากมันเคลือบด้วยน้ำตาลล่อนิดหนึ่ง เหมือนกับเขาเสียบเหยื่อใส่ปลายเบ็ดแล้วก็ล่อปลา ถ้ามีแต่เบ็ดล้วนๆ ปลาก็ไม่กิน ต้องเอาเหยื่อล่อ พอเหยื่อล่อปลากินแล้วก็ตวัดทีเดียวเสร็จไม่มีเหลือ นี่ก็เหมือนกัน กิเลสมันล่อเรามาตั้งนานเท่าไร เมื่อไรเราจะเห็นโทษของมันกันบ้างเล่า?

                                                                                        หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

ผู้ที่ถือราคะ โทสะ โมหะ...



          ผู้ที่ถือราคะ โทสะ โมหะ อยู่เช่นนี้ นับว่ายังวุ่นวายอยู่ในโลก เป็นเรื่องที่ไม่สิ้นสุด ราคะ โทสะ โมหะ เป็นเรื่องของชาติทุกข์ ชราทุกข์ พยาธิทุกข์ มรณทุกข์ ทำให้หมุนเวียนอยู่ในวัฏสงสารไม่มีที่สุด

                                                                                                  หลวงปู่หลุย จันทสาโร

ความกำจัดอัสมิมานะได้ เป็นสุขอย่างยิ่ง



วิเวก เป็นความสุขของผู้สันโดษ
ผู้มีธรรมปรากฏแล้ว ผู้เห็นอยู่
ความไม่เบียดเบียน คือความสำรวม
ในสัตว์ทั้งหลาย เป็นสุขในโลก
ความเป็นผู้ปราศจากราคะ คือ
ความล่วงกามทั้งหลายได้
เป็นสุขในโลก
ความกำจัดอัสมิมานะได้
เป็นสุขอย่างยิ่ง

พุทธอุทาน

พุทธธรรมคือเรื่องของคนที่รู้จักจิตตัวเอง


พุทธธรรมคือเรื่องของคนที่รู้จักจิตตัวเอง 
เป็นการให้รู้โดยไม่ติดกับสิ่งนั้น 
แม้แต่การรู้ธรรมะ ก็ไม่ให้หลงว่าตัวเองรู้ 
ตัวรู้ต้องอิสระอยู่ตลอดเวลา 
คือออกมาดูตัวเอง ดูกายและใจ   

หลวงตาสุริยา วัดป่าโสมพนัส (ส.มหาปัญโญภิกขุ)

ให้มองดูจิต จึงจะเห็นพิษของกิเลส



กิเลสก็ฝังอยู่ที่จิต ธรรมก็ฝังอยู่ที่จิต
กิเลสจะพ่นพิษถ้าจิตไม่มีธรรมครอง
ให้มองดูจิต จึงจะเห็นพิษของกิเลส
มันมีเลสมีพิษอยู่ในจิตของต
ค้นดูมันให้ทั่ว หาตัวมันให้เห็น...
จิตจะได้ร่มเย็นถ้าเห็นตัวมันแล้ว

หลวงปู่สาย เขมธัมโม

ความทุกข์ ความเดือดร้อนเกิดขึ้น เพราะถือว่าเรามี



คนเขลาคิดว่ามีบุตร มีทรัพย์ 
จึงมีความเดือดร้อน
ความจริง “ตัวเองก็ยังไม่มี”
บุตรและทรัพย์จะมีมาจากที่ไหน
ความทุกข์ ความเดือดร้อนเกิดขึ้น
เพราะถือว่าเรามี
ความทุกข์ ความเดือดร้อนยังไม่ให้ผล
ก็เข้าใจว่ามีความสุข 
เมื่อของที่มีทำพิษ จึงรู้ฤทธิ์ทีหลัง 
นั้นก็เพราะถือว่าเป็นของๆ ตน

หลวงพ่อทูล ขิปปปัญโญ

ท่าทีต่อกามคุณ



          ...เมื่อเราได้เห็นแล้วว่า การยึดมั่นอยู่กับความสวยงาม ความลุ่มหลง ความเพลิดเพลินในกามคุณ จะนำเราไปสู่ความผิดหวังในที่สุดเช่นนี้แล้ว ท่าทีของเราก็คือไม่ยึดมั่นถือมั่น  ทั้งนี้มิได้หมายความว่าจงใจจะประหัตประหาร  แต่จะปล่อยวางไปเฉยๆ ไม่เกี่ยวเกาะอีกต่อไป...

                                                                                                      พระอาจารย์สุเมโธ

ตัวนึกคิดคือสมุทัย


ตัวนึกคิดนี่แหละคือสมุทัย  
มรรคคือการเอาสติมาดูความคิด 
นี่คือข้อปฏิบัติ

หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ


ให้ทำเพื่อไม่ต้องการอะไร



ในทางพุทธศาสนา ให้ทำเพื่อไม่ต้องการอะไร
ถ้ามีเพื่ออะไร มันไม่หมด
ทางโลกทำอะไร เรียกว่ามันมีเหตุผล
พระพุทธองค์ท่านทรงสอนว่า  
ให้นอกเหตุเหนือผล ไม่ว่าจะทำอะไร 
ปัญญาของท่านให้นอกเหตุเหนือผล
ให้นอกเกิดเหนือตาย นอกสุขเหนือทุกข์

หลวงปู่ชา สุภัทโท

อย่าให้จิตเพ่งนอก



อย่าให้จิตเพ่งนอก 
ให้รู้ในตัวเห็นในตัว 
เมื่อรู้ในตัวแล้วจะรู้ทั่วไป 
เพราะตัวเป็นต้นเหตุ

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

เราเป็นผู้ว่าเอา สมมุติเอา



ตา สำหรับเห็น รูป
ใจ เป็นผู้รู้ว่า รูปดี รูปชั่ว 
รูปไม่ดี รูปไม่ชั่ว
แท้ที่จริง รูปทั้งหลายเขาไม่ได้ว่า รูปเขาดี
เขาไม่ได้ว่าเขาชั่ว 
เราเป็นผู้ว่าเอา สมมุติเอา

หลวงปู่ฝั้น อาจาโร

กลัวตัวเอง จึงเดินออกนอกตลอดเวลา



เพราะเรากลัวตัวเอง กลัวอยู่กับตัวเอง 
ก็ต้องเดินออกนอกอยู่ตลอดเวลา 
ซัดส่ายไปตามอารมณ์ภายนอกอยู่ตลอดเวลา
เลยเป็นทาสของสิ่งภายนอกอยู่ร่ำไป
สิ่งภายนอกขึ้นๆ ลงๆ เราก็ขึ้นๆ ลงๆ ...
ตามความเคลื่อนไหวของสิ่งเหล่านั้น
จิตใจของเราก็ไหวกระเพื่อมอยู่ตลอดเวลา 
ไหวกระเพื่อมจนกระทั่ง
เราถือความวุ่นวายว่าเป็นความปกติ

พระอาจารย์ชยสาโรภิกขุ

พระพุทธเจ้าทรงสอนให้ปล่อยวาง



          ความปล่อยวาง จุดสำคัญที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมก็คือ ทรงสอนให้ปล่อยให้วาง ไม่ยึดถือ คนรู้มากก็ปล่อยได้มาก รู้น้อยก็ปล่อยได้น้อย ขั้นแรกทรงสอนให้ บริจาคทาน เพื่อเป็นอุบายอันหนึ่งที่จะได้ปล่อยให้วางได้ ต่อมาก็ จาคะ คือ ความสละ แต่เป็นขั้นที่สูงกว่าให้ทาน และยังมีขั้นละเอียดที่สูงขึ้นไปอีกเช่น การละอุปธิ คือ ค้นจนเห็นแล้วจึงสละ

                                                                                                       ท่านพ่อลี ธมฺมธโร

ความสุขอยู่ในตัวเรา



          เราไปหาความสุขที่อื่นเป็นเวลายาวนาน ไม่เคยได้รับความสุขที่แท้จริง เมื่อเรามาอบรมจิตใจให้สงบ จึงจะเกิดความสุขอยู่ที่นี้ อยู่ที่ตัวของเรา ในตัวของเรานี่ ไม่ใช่มีแต่ทุกข์อย่างเดียว ถ้าเราสามารถมีความฉลาดเพียงพอ เราก็จะได้รับความสุข นี่แหละเราจะได้ความสงบ อยู่ในความไม่สงบนี่แหละ ก็เหมือนกับเราจะได้ความแจ้งอยู่ในที่มืดนี่แหละ 

                                                                                           หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ

เห็นโทษกิเลสแล้วต้องละได้



ที่บอกว่าเห็นกิเลสแล้ว แต่ยังละไม่ได้
นั่นคือบอกว่า ยังไม่เห็นโทษกิเลสนั่นเอง
ที่เห็นโทษแล้วต้องละได้
ที่ยังละไม่ได้คือไม่เห็นโทษ
ความรู้นั้นอย่างหนึ่ง
แต่รู้หลังจากละนั้นคือรู้แจ้งเห็นจริง
รู้ก่อนละคือปัญญา
รู้หลังละคือวิมุตติญาณทัสสนะ

พระอาจารย์ชุมพล พลปญฺโญ

เพียง "รู้" พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ก็เกิดในจิต



เมื่อเรามีสติ กำหนดรู้จิตของเรา 
ผู้รู้ คือ "พระพุทธเจ้า" ก็กำเนิดที่จิต
การทรงตัวอยู่ด้วยสติสัมปชัญญะ 
ก็ทรงไว้ซึ่ง "คุณธรรม"
สติที่สังวรระวังตั้งใจจะสำรวมจิต 
ก็ได้ชื่อว่ามีกิริยาแห่งความเป็น "พระสงฆ์" อยู่ในจิต

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย


การปฏิบัติธรรมเอาเวลามาจากลมหายใจ



          การปฏิบัติธรรมย่อมไม่เลือกกาลเวลา สามารถทำได้ทุกขณะ ทุกลมหายใจ  พวกเรามักเข้าใจผิดคิดว่า...การปฏิบัติธรรมมันยุ่งยาก ไม่มีเวลา ที่ว่าไม่มีเวลาทำ จึงอยากจะถามว่า ตอนหายใจเข้าออก เอาเวลามาจากไหน การปฏิบัติธรรมก็เอาเวลามาจากลมหายใจนั่นแหละ  เพียงแต่คอยดูลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ดูไปตามลมนั่นเอง...

                                                                                                  หลวงปู่คูณ สิริจันโท

การเข้าถึงธรรม



          การเข้าถึงธรรม คือการได้เข้าถึงความรู้จริง เห็นจริง ตามความเป็นจริงจนดับทุกข์ อิสระ สงบเย็น อย่างแท้จริงภายใน

                                                                                               หลวงปู่แหวน สุจิณโณ

ผู้รักภาวนาคือบารมีแก่กล้า



         ผู้รักใคร่ภาวนาอยู่เป็นนิจเรียกว่าผู้นั้นบารมีแก่กล้าแล้ว ท่านผู้ใดขี้เกียจ ก็ให้ทราบเถิดว่าบารมียังอ่อนมาก จะอย่างไรก็ตามขอให้แบ่งเวลาภาวนา อย่าให้เสียวันเสียคืน จิตใจจะสูงขึ้นเองไม่ต้องบ่นหา จะชนะความหลงของตนแน่แท้

                                                                                                 หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต 

ไม่ยึดถือ ก็มีความสุข



          เมื่อผู้วางภาระ คือว่าง ไม่ยึดถือว่าขันธ์ห้านี้เป็นตัวเป็นตนแล้ว ไม่ยึดถือแล้ว ปลงเป็นผู้วางภาระ ก็มีความสุ จะยืน เดิน นั่ง ก็มีความสุข ไม่ยึดถือ เพราะรู้ตามความเป็นจริงของมันแล้ว

                                                                                                หลวงปู่ขาว อนาลโย

ผู้ศึกษาธรรม มิได้ปฏิบัติ คือผู้ค้าขายขาดทุน



ผู้ศึกษาธรรม มิได้ปฏิบัติ 
คือผู้ค้าขายขาดทุน
เปรียบเหมือนมีโอกาสเกิด
เป็นลูกมหาเศรษฐี แต่ไม่ได้มรดก
ช่างเสียโอกาสไปอย่างน่าเสียดายที่สุด...
อย่าเป็นทัพพีที่แช่อยู่ในแกง 
อย่าเป็นกบเฒ่าเฝ้ากอบัว

หนังสือพุดตานกถา
พระอาจารย์ชุมพล พลปญฺโญ

ชีวิตแท้ต้องมีการสลัดออก



ชีวิตแท้ๆ นั้น ต้องมีการสลัดออกตลอดเวลา 
ยิ่งสลัดออก ยิ่งไม่มีอะไร ยิ่งเบาเท่านั้น 
มีแต่รู้ล้วนๆ มีการให้ 
เปี่ยมด้วยปัญญาอันบริสุทธิ์

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ


การปฏิบัติสมาธิภาวนาเป็นชื่อแห่งความเพียร



การปฏิบัติสมาธิภาวนานั้น เป็นชื่อแห่งความเพียร
ที่ผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลายในบวรพระพุทธศาสนา
ได้ถือเป็นข้อปฏิบัติชอบเป็นอย่างยิ่ง
ธรรมะที่จะนำมนุษย์ให้พ้นทุกข์นี้ ได้แก่ ศีล สมาธิ ปัญญา เท่านั้น

หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล

การภาวนาคือการแสวงหาความสุขที่ถูกต้อง



         ...การภาวนานี้แล เป็นวิธีการของผู้แสวงหาความสุขโดยถูกต้องอย่างแท้จริง และเป็นวิธีที่ไม่หลอกลวงให้เกิดความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมไปในทางที่ผิด...

                                                                                   หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

มีตัวเรา จึงมีทุกข์



          เพราะมีความรู้สึกว่ามีตัวเรา จึงมีทุกข์ เราไปตลาดเจอคนทะเลาะกันเราเฉยๆ พอเขาเอ่ยชื่อเราเท่านั้น ทุกข์เลย เห็นสุนัขของคนอื่นโดนรถทับตาย เราก็เฉยๆ แต่พอมันเห็นหมาเรานี่ ใจเราเป็นอย่างไร นี่ทุกข์ทันทีเลย มันมีเรา ของเราขึ้นมา มันเลยทุกข์ ความรู้สึกว่ามีตัวเราคือ ปัญหาของมนุษย์

                                                                                                            หลวงพ่อโพธินันทะ

การดูอยู่อย่างเดียวเป็นมัชฌิมาปฏิปทา




          การปฏิบัติเพื่อให้บรรลุมรรคผล ถ้าทำถูกวิธีก็เป็นของนิดเดียว ไม่ยากมาก ทำสติสัมปชัญญะให้ตั้งอยู่ที่กายที่จิต แล้วเจริญสติปัฏฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่นเดินอยู่ก็รู้ว่าเราเดินอยู่ ยืนอยู่ก็รู้ว่ายืนอยู่ นั่งอยู่ก็รู้ว่านั่งอยู่ นอนอยู่ก็รู้ว่านอนอยู่ ตั้งกายไว้อย่างใดก็รู้อย่างนั้น พร้อมกับตั้งใจทำกายคงที่ ทำใจคงที่ไว้ด้วย ทำอยู่อย่างนี้เนืองๆ เมื่อสติปัฏฐานเกิดขึ้นแล้วก็ทำอยู่อย่างนั้น ไม่ต้องไปนึกเอา นึกละอะไร อะไรเกิดขึ้น เราก็ดูดูดูดู ดูอยู่อย่างเดียว การดูอยู่อย่างเดียวนี่เป็น มัชฌิมาปฏิปทา คือเป็นทางให้ถึงความสิ้นทุกข์

                                                                                                      หลวงปู่เจือ สุภโร

เวทนาเป็นของสักว่า




เรื่องเวทนานี้ เราจะหนีมันไปไหนไม่ได้
เราต้องรู้มัน เวทนาก็สักแต่ว่าเวทนา
สุขก็สักแต่ว่าสุข ทุกข์ก็สักแต่ว่าทุกข์
มันเป็นของสักว่าเท่านั้นแหละ
แล้วเราจะไปยึดมั่นถือมั่นมันทำไม

หลวงปู่ชา สุภัทโท