ถ้าใจหยุดเสียแล้ว โลกธรรมกระทบก็ไม่ได้




ถ้าใจหยุดเสียแล้ว โลกธรรมกระทบก็ไม่ได้
เหตุนี้ต้องคอยระวังตัวทีเดียว 
ระวังตัวอย่าให้เศร้าหมอง ขุ่นมัวได้ 
ถ้าเศร้าหมอง ขุ่นมัวได้ เพราะตัวโง่ 
ไม่ทันกับดวงจิต โง่กว่าดวงจิต ไม่ทำจิตให้หยุดเสีย 
ทำจิตปล่อยไปตามอารมณ์ ไปกินกับอารมณ์
เมื่อเสื่อมลาภ เสื่อมยศ ติเตียน ทุกข์ เข้าไประดมได้เช่นนี้
ก็ทำจิตให้เศร้าหมองขุ่นมัว ไม่ผ่องใส 
เมื่อจิตไม่ผ่องใส นั่นลงโทษตัวเอง ไม่ใช่ลงโทษใคร

หลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

แบกมันหนัก วางมันก็เบา



จากหนังสือ เพียงแค่รู้สึกตัว โดย พระอาจารย์เจษฎา คุตฺตจิตฺโต

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

ปล่อยวางเรื่อยๆ ทำให้ชำนิชำนาญ




ในขณะที่เราอยู่กับคนเยอะๆ เรากำหนดปล่อยวาง ปล่อยวาง
เห็นอยู่ แต่เราไม่ยึด ทำจิตของเรา โปร่งๆ ว่างๆ ไปเรื่อยๆ
อย่าไปคิดว่าเราจะทำกลางคืน หรือตอนเช้า อย่าคิดอย่างนั้น
คิดสิว่า กิเลสมันทำงานกับเรา ไม่เลือกเวลา

มันมาเวลาไหน ขอให้พยายามสกัดมันไปเรื่อยๆ
ปล่อยวางเรื่อยๆ ทำให้ชำนิชำนาญ
ต่อไป เห็นอะไร ผัสสะอะไร ก็เฉยๆ
ถ้าทำได้อย่างนี้ จิตเราก็สบายไปเรื่อย

พอเวลาไปนั่งพัก ทำสมาธิ มันก็ลงง่าย
เพ่งไปสู่ความเกิด ความดับ ทำงานไปเรื่อยๆ
อย่าไปรอว่าจะต้องตอนเช้า ตอนค่ำ
เมื่อเรารู้ว่าอะไรเข้ามาสู่ใจ ก็ปฏิบัติตอนนั้น 
สลัดมันออก สลัดมันทิ้ง ตอนนั้นเลย
มันจะสงบของมันเอง
ไม่มีอะไรในโลก โปร่ง วาง
เพียงแต่พออะไรเข้ามา เราก็รู้ และรู้สึกไว
เหมือนผ้าขาว อะไรเปื้อนนิด มันก็รู้แล้ว
จงฝึกจิตให้หัดปล่อยวางมากๆ นะ
ไม่ใช่เอาแต่ความสงบอย่างเดียว


หลวงพ่อวิชัย เขมิโย

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

เจริญจิตแล้วต้องเจริญวิปัสสนาควบคู่กันไปด้วย



เจริญจิตอย่างเดียวจนรู้ภพ-ชาติ-เกิด-ตาย
จนระลึกชาติได้ ได้ฤทธิ์ได้เดช
รู้จิต รู้วาระจิตของผู้อื่น รู้นึกคิดของผู้อื่น
นี่ก็ยังไม่พอ เพราะโมหะยังคลุมจิตอยู่
ที่นี้เจริญจิตแล้วต้องเจริญวิปัสสนาควบคู่กันไปด้วย
จิตจึงไม่หวั่นไหวได้ เพราะเพิกโมหะหลงตน หลงจิตออกไปได้
ด้วยเหตุนี้ เมื่อจิตดับนิวรณ์ได้
แต่ยังดับวิปัสสนูยังไม่ได้
จึงว่าต้องเจริญทั้งสองส่วนควบคู่กันไป
ตลอดไป

หลวงปู่จาม มหาปุญโญ 

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา