ปีแรกที่อาตมาเป็นสามเณรอยู่ที่หนองคาย อาตมาได้พบพระรูปหนึ่งเดินธุดงค์ไปจากอุบลฯ พระรูปนี้อายุเท่าอาตมา เคยทำงานในราชนาวีไทย อาตมาก็เคยอยู่ในกองทัพเรืออเมริกันในสงครามเกาหลี
.
ท่านเป็นพระไทยรูปแรกที่อาตมาได้พบ ที่พูดภาษาอังกฤษได้ แม้ว่าจะพูดได้อย่างงู ๆ ปลา ๆ แต่อาตมาก็ดีใจที่มีใครสักคนที่พอจะพูดด้วยได้ในเวลานั้น ท่านเป็นพระที่เคร่งมาก ดูเคร่งครัดในพระวินัยทุกข้อ ฉันอาหารในบาตร ใช้วีจรสีกรักอย่างพระป่า แต่ในวัดที่อาตมาอยู่นั้นพระใช้จีวรสีเหลืองส้ม อาตมาประทับใจในตัวท่านมาก ท่านได้แนะนำว่าอาตมาควรจะไปอยู่กับหลวงพ่อชา
.
ดังนั้นหลังจากได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ และท่านอุปัชฌาย์อนุญาตแล้ว อาตมาก็ออกเดินทางไปอุบลฯกับท่านทันที แต่ระหว่างทางท่านก็ทำให้อาตมาเสื่อมศรัทธา และรู้สึกเบื่อหน่ายจนสุดจะทน
.
เพราะท่านจู้จี้จุกจิกและมีเรื่องตำหนิพระอื่น ๆ อยู่ตลอดเวลา ท่านคิดว่าเราเท่านั้นเป็นพระดีที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่อาตมารับไม่ได้ อาตมาได้แต่หวังว่าหลวงพ่อชาจะไม่เป็นเหมือนพระองค์นี้ ตอนนั้นชักไม่แน่ใจว่ากำลังทำอะไรกับตัวเอง
.
เมื่อเราไปถึงวัดหนองป่าพง และได้กราบหลวงพ่อแล้ว อาตมาก็รู้สึกโล่งใจหายกังวลทันที ปีต่อมาพระรูปนั้น..ก็ลาสิกขาแล้วก็เป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง ท่านอดเหล้าได้ก็เฉพาะช่วงที่อยู่ใน สมณเพศเท่านั้นเอง พอลาสิกขาแล้วก็เลยเมาหยำเป กลายเป็นคนจรจัด น่าสมเพท เมื่ออาตมาได้ข่าวก็รู้สึกโกรธและนึกรังเกียจ
.
เย็นวันหนึ่งเมื่อได้คุยเรื่องนี้กับหลวงพ่อ
.
หลวงพ่อบอกอาตมาว่า “ท่านต้องกตัญญูต่อเขา เพราะเขาเป็นคนพาท่านมาที่นี่ ไม่ว่าเขาจะประพฤติตัวหรือเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็ตาม ท่านก็ต้องถือเสมือนเขาเป็นครูคนหนึ่งของท่านและแสดงความกตัญญูต่อเขา
.
เพราะการที่เขาได้พาท่านมาที่นี่ อาจจะเป็นคุณความดีเพียงอย่างเดียว ที่เขาเคยทำในชั่วชีวิตนี้ เป็นสิ่งเดียวที่เขาจะภูมิใจได้ ไปบอกให้เขารู้สึกดี ๆ ในเรื่องนี้ บางทีเขาอาจจะเปลี่ยนก็ได้”
.
แล้วหลวงพ่อก็เร่งเร้าให้อาตมาไปตามหาโยมคนนั้นไปคุยกับเขา ขอบคุณที่เขาพามาหาหลวงพ่อ ซึ่งอาตมารู้สึกว่าเป็นสิ่งที่งดงามน่าปฏิบัติตามจริงๆ ถ้าให้อาตมาไปพูดดูถูกเขาอย่างนี้ก็ง่าย.... โยมทำให้อาตมาผิดหวังมาก โยมเคยตำหนิคนอื่น คิดว่าตัวเองเป็นพระดี แล้วดูซิ ตอนนี้โยมเป็นยังไง...
.
บางทีเราก็อารมณ์เสีย เพราะขัดเคือง ที่เขาไม่เป็นไปอย่างที่เราคาดหวัง แต่หลวงพ่อจะบอกว่าอย่าไปทำอะไรอย่างนั้น เสียเวลาเปล่าๆ แล้วก็อันตรายด้วย ทำสิ่งดีๆ จากจิตที่ประกอบด้วยความกรุณาดีกว่า...
.
เมื่ออาตมาได้พบเขา เขาก็ยังดูโทรมอยู่อย่างเดิม ไม่มีอะไรดีขึ้น แต่ทุกครั้งที่เห็นอาตมาดูเขาดีอกดีใจเพราะเขาจำได้ ในชีวิตของเขาคงมีไม่กี่ครั้งหรอกที่จะได้รู้สึกดีๆ อย่างนั้น อาตมาก็รู้สึกดีใจที่ทำให้เขามีความสุข แม้จะเป็นเพียงชั่วขณะหนึ่ง คนที่มีความทุกข์มากๆ นั้น ถ้าเราได้ทำให้เขามีความสุขบ้าง แม้แค่สองสามครั้ง เราจะรู้สึกปลื้มมาก
.
ครูบาอาจารย์หลายคนที่อาตมาสนใจผลงาน แต่ไม่เคยรู้จักเป็นส่วนตัว อย่างเช่น อลัน วัตต์ (Alan Watts) ผู้เขียน “วิถีแห่งเซ็น” (The Way of Zen) ซึ่งเป็นหนังสือเกี่ยวกับพุทธศาสนาเล่มหนึ่งที่อาตมาได้อ่านในระยะแรกๆ จำได้ว่าประทับใจมาก อ่านแล้วอ่านอีกหลายเที่ยว แต่ต่อมาภายหลังอาตมาได้ทราบว่า...
.
เขาชักไม่ได้เรื่องแล้ว เมื่ออาตมามีโอกาสได้ไปฟังเขาพูดที่ ซานฟรานซิสโก ยอมรับว่าเขาพูดเก่ง แต่ตอนนั้นคิดว่ายังไม่ดีพอ
.
แต่ปัจจุบันเมื่อระลึกย้อนกลับไป
.
อาตมาก็รู้สึกขอบคุณและกตัญญูต่อ อลัน วัตต์ ตลอดทั้งนักเขียนและครูบาอาจารย์อีกหลาย ๆ คน ที่เคยให้ความรู้แก่อาตมา ชีวิตส่วนตัวของเขาจะเป็นอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องของเราจะไปวิพากษ์วิจารณ์ หรือฝังใจอยู่กับความบกพร่องผิดพลาดของเขา
.
ผู้มีเมตตา และกตัญญู
ต้องสามารถเลือกจดจำเฉพาะ
ด้านที่ดีของผู้อื่น เท่านั้น…
พระอาจารย์สุเมโธ
Image by Pavlofox from pixabay
ที่มา : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา