รู้เท่าความคิด




คิดแล้วไม่หลงยินดีไม่หลงยินร้ายไปกับเรื่องที่คิดนั้น 
...คิดเรื่องอะไรขึ้นมาก็รู้เท่าเรื่องนั้น 
รู้อย่างไร..รู้ว่าเรื่องทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป
ไม่มีอะไรเป็นแก่นสาร ไม่มีอะไรเป็นตัวเป็นตน 
นี่แหละการ “รู้เท่าความคิด” รู้อย่างนี้เองนะ...
เมื่อรู้อย่างนี้อยู่เสมอจิตมันก็ไม่ยึดถือแล้ว 
...มันก็ปล่อยวางไปเรื่อยๆ 
คิดเรื่องอะไรขึ้นมาไม่ยึดถือ แล้วมันก็ดับไป 
จิตใจก็เป็น “อุเบกขาญาณทัสสนะ” อยู่อย่างนั้น


หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

ศีลปรมัตถ์มีข้อเดียว คือการมีสติเป็นปรกติ




ศีล มี ๒ ประเภท คือ ศีลบัญญัติ เช่น ศีล ๕, ศีล ๘, ศีล ๒๒๗
ซึ่งยังเป็นของสมมุติ เพราะพระพุทธเจ้ามาบัญญัติศีลเหล่านั้น
หลังจากมีพระรัตนตรัยแล้วด้วยซ้ำ 
อย่าถือมั่นว่า ศีล ๒๒๗ ทำให้เกิดพระอรหันต์
เพราะเมื่อพระพุทธเจ้าทรงประกาศพระศาสนาใหม่ๆ 
มีพระอรหันต์เกิดขึ้นแล้ว แต่ศีลบัญญัติเหล่านี้ยังไม่มีสักข้อ 
ต่อเมื่อภิกษุรุ่นหลังปฏิบัติตนไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสมตามสมณวิสัย 
พระองค์จึงทรงบัญญัติศีลเหล่านี้ขึ้นเพื่อควบคุมความประพฤติของภิกษุเหล่านั้น 


ส่วนศีลอย่างที่สองคือศีลปรมัตถ์ เป็นศีลของพระอริยเจ้า 
มีข้อเดียวนั่นคือการมีสติเป็นปรกติ


หลวงพ่อประสิทธิ์ ถาวโร