ว่างจากสมมติ ว่างจากความรู้


..สมมตินั้นเป็นแค่ภาพ เป็นแค่สิ่งที่แทนให้รู้ภายนอก.. 
สิ่งเหล่านั้นไม่มีอยู่ในใจจริง... 
ตั้งสติให้ตั้งมั่น ให้ดูมัน 
สมาธิตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวกับความรู้ภายในทั้งหมด 
ถ้าสติตั้งมั่น สมาธิตั้งมั่น 
ปัญญาก็จะเห็นแจ้งความจริงของสิ่งเหล่านี้ 
มันเกิดขึ้นแล้วดับไปหมด ไม่มีอะไรเป็นของเรา 
ไม่มีอะไรเป็นตัวเรา ไม่มีอะไรเป็นตัวตนของเรา 
เรียกว่าอนัตตาธรรม
ถ้าเห็นดั่งนี้ ความว่างจากความเป็นของเรา 
เป็นเรา เป็นตัวตนของเรา ก็อยู่ตรงนั้นนั่นเอง 
สมมติมีอยู่ เมื่อไม่เอามัน ก็เท่ากับว่างจากสมมติตรงนั้น 
ความรู้มีอยู่ ถ้าไม่เอามัน ไม่หลงมัน 
ก็เท่ากับว่างจากความรู้ตรงนั้นนั่นเอง 
จิตที่ประกอบด้วยสติสมาธิปัญญาเห็นแจ้ง 
จึงเป็นจิตที่อิสระ จิตที่ปล่อยวางนั่นเอง


พระอาจารย์วิชัย กัมมสุทโธ

Image by Pexels from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา



วางสุข ทุกข์ไม่ต้องวางก็หายไปเอง


ดูก่อนอานนท์ ..
บุคคลทั้งหลายผู้ที่จะรู้ว่า
สุขทุกข์ติดกันอยู่นั้นหายากยิ่งนัก
มีแต่เราตถาคตผู้ประกอบด้วยทศพลญาณนี้เท่านั้น
บุคคลทั้งหลายที่ยังเป็นปุถุชนคนโง่เขลานั้น 
ทำความเข้าใจว่า
สุขก็มีอยู่ต่างหาก ทุกข์ก็มีอยู่ต่างหาก
ครั้นถือเอาสุข เราก็ได้สุข
เราไม่ถือเอาทุกข์ ทุกข์ก็ไม่มีดังนี้
เพราะเหตุที่ว่าเขาไม่รู้ว่าสุขทุกข์ติดกันอยู่
เขาจึงไม่พ้นทุกข์
เมื่อผู้ใดอยากพ้นทุกข์ ก็ให้วางสุขเสีย
ก็เป็นอันละทุกข์วางทุกข์ด้วยเหมือนกัน
ใครเล่าจะมีความสามารถพรากสุขทุกข์ออกจากกันได้
ถ้าเราตถาคตพรากสุขและทุกข์ออกจากกันได้ 
เราจะปรารถนาเข้าสู่พระนิพพานทำไม
เราจะถือเอาแต่สุขอย่างเดียว
เสวยแต่ความสุขอยู่ในโลกนี้ 
ก็เป็นอันสุขสบายพออยู่แล้ว นี้ไม่เป็นเช่นนั้น 
เราแสวงหาสุขโดยส่วนเดียว ไม่มีทางที่จะพึงได้
เราจึงวางสุขเสีย
ครั้นวางสุข ทุกข์ไม่ต้องวางก็หายไปเอง อยู่กับเราไม่ได้

คิริมานนทสูตร

Image by Buhaan_ from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา