"รับรู้" แต่ไม่ "รับเก็บ" ก็ว่างแล้ว



ใจเราว่างแล้ว  จิตของเราก็บริสุทธิ์ ไม่มีอะไร  
ตาเห็นรูป จิตก็ว่างจากรูป  หูได้ยินเสียง จิตก็ว่างจากเสียง  
จมูกได้กลิ่น จิตก็ว่างจากกลิ่น   ลิ้นได้ลิ้มรส จิตก็ว่างจากรส  
กายได้สัมผัส จิตก็ว่างจากสัมผัส  
ใจรับรู้ธรรมารมณ์ จิตก็ว่างจากธรรมารมณ์ 
 พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ว่าสิ่งเหล่านั้น  “ไม่ใช่เรา  ไม่ใช่ของเรา”
เมื่อรู้ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา 
เราก็ "รับรู้" แต่ไม่ "รับเก็บ" ก็ว่างแล้ว 
เพราะตาเรายังดีอยู่ก็มีสิทธิจะเห็นได้ 
หูเรายังดีอยู่ก็มีสิทธิที่จะฟังได้ 
จมูกเรายังดีอยู่ก็สูดดมได้  
ลิ้นเรายังดีอยู่ก็รู้รสได้  
กายสัมผัสดีอยู่ก็สัมผัสได้  ใจเราปกติดีอยู่ก็รับรู้อารมณ์ได้ 
แต่เรารับรู้ว่าไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ก็"ว่าง" แล้ว..
ในขณะที่จิตเราไม่ได้ระลึกถึงอะไร 
ไม่ว่า รูป เสียง  กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ 
นั่นแหละ "ว่าง " เดี๋ยวจะนึกว่า "ว่าง" ยาก !

พระอาจารย์นพพร อาทิจฺจวํโส

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา



ตื่นเช้ามา ภาวนาดูนะ



จากหนังสือ เพียงแค่รู้สึกตัว โดย พระอาจารย์เจษฎา คุตฺตจิตฺโต

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

คนทั้งโลกทะเลาะกันเพราะกาม



คนทั้งโลกทะเลาะกันเพราะกาม ละกามเสียได้ 
ความพยาบาท ความมุ่งปองร้าย 
ความหงุดหงิดรำคาญ ความลังเลสงสัย 
ความหดหู่ใจ จะหายไปจากจิต 
คงเหลือแต่ความสว่างไสวของจิต
ละอารมณ์ทั้งหลาย อันมาจากความข้องผูกในกาม 
ด้วยการผูกจิตไว้กับลมหายใจ และเฝ้ารู้ความเกิดดับ 
หรือพระอนิจจัง กามจะหายไปจากจิตในที่สุด

ครูบาไตรภพ  วัดป่าโคกเจริญธรรม

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา