ปูเสื่อรอแล้วก็ล้อมวงมา
คลี่คลายภัยพิบัติ ทำได้จริงหรือ
แล้วแต่วิจารณญาณนะจ๊ะ..ถ้าไม่แฮปปี้ ก็ผ่านๆ มันไปเถอะ
.....
เมื่อ 7 ปีก่อน ด้วยหน้าที่การงาน ทำให้เราต้องไปฟังสัมมนา เรื่อง “รับมือวิกฤตโลกร้อน และภัยพิบัติที่ใกล้ตัว”โดยมีคุณปรานต์ สยามวาลา นายกสมาคมอุตสาหกรรมเพื่อป้องกันภัยพิบัติ (ANDPI) เป็นหนึ่งในวิทยากร
.
ตอนที่พูดๆ ไปน่ะ คุณปรานต์แกอึ้งไปเป็นพักๆ คือสะกดอาการร้องไห้น่ะ ทำให้คนฟังหลายคนแอบขำ ใช่ แอบขำจริงๆ เพราะนึกไม่ออกว่า ผู้ชายตัวโตขนาดนี้ อยู่ดีๆ จะร้องไห้เป็นผู้หญิงไปทำไม
.
แล้วที่สุด คุณปรานต์ก็บอกว่า ที่จริงผมเป็นอย่างนี้น้อยลงแล้ว แต่ก่อนมากกว่านี้ คือปล่อยโฮแบบกลั้นไม่อยู่เลย เพราะผมรู้ว่า เด็กทุกคนที่เกิดมานับจากนี้ ต้องรับภัยพิบัติหมดทุกคน ประมาณนี้นะ จำไม่ได้ทั้งหมด
.
ที่สำคัญ คุณปรานต์นี้ ศึกษาเรื่องภัยพิบัติแบบวิทยาศาสตร์ล้วนๆ นะ ไม่ได้ไปฟังคำทำนายที่ไหนมา จึงจะเห็นได้ว่า เรื่องนี้ศาสนานำหน้าวิทยาศาสตร์ไปไกลมากมาย เพราะพูดถึงเรื่องนี้มานานมากกกกก ขณะที่แต่ก่อน ทางวิทยาศาสตร์เอาแต่บอกว่า โม้ ไม่จริ๊ง ไม่จริง พิสูจน์ไม่ได้ ฯลฯ
.
มีอยู่ตอนหนึ่ง คุณปรานต์บอกว่า ที่แปลกและไม่เข้าใจอยู่อย่างคือ ที่จริงกรุงเทพต้องจมน้ำไปนานแล้ว แต่ทำไมถึงยังไม่จม เราฟังแล้วก็แอบยิ้ม เพราะเราอยู่ในแวดวงของผู้ทรงศีลทรงธรรมที่ต้องสร้างบารมีบรรเทา ผ่อนคลายภัยพิบัติมาโดยตลอด ก็ท่านเหล่านี้แหละ ทำงานประสานกันกับเบื้องบน ใช้กุศลบารมีผ่อนคลาย ไปจนถึงเลื่อนกำหนดของเหตุการณ์ไปเรื่อยๆ
.
แล้วทำไมกรุงเทพจมน้ำไม่ได้ล่ะ ...