ถ้าหยุด "ดู" หยุด "รู้" ได้แล้วมันหมดเรื่อง
จะไปเพ่งเล็งเอาอะไรมันก็หยุดหมด
มันกวาดเกลี้ยงไปจากจิตทีเดียว
แต่ถ้าเราไม่ "รู้" มันก็ชุลมุนวุ่นวาย
เพราะความจำความคิดความยึดถือ
แล้วก็ซ้ำๆ ซากๆ อยู่อย่างนี้
ทีนี้ให้มันหยุดดู หยุดรู้
ให้เห็นความจริงว่ามันดับไปหมด
มันว่างเพราะไม่ยึดมั่นถือมั่น
และรูปนามที่เรียกว่ากายกับใจนี่
มันต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามเรื่องตามราวของมัน
ซึ่งล้วนแต่เป็นทุกข์ทั้งนั้น
ให้เพ่งดูว่ามันเป็นทุกข์ของรูปนามล้วนๆ
ไม่ใช่เป็นตัวเรา ไม่ใช่เป็นของของเรา
เพียงเท่านี้ก็พอแล้วไม่ต้องไปรู้อะไร
เพ่งดูให้เห็นว่ามันเรื่องของธรรมชาติ
ทั้งกายและใจ ถอนอุปทานออก
หรือเพิกสัญญาความจำหมายว่า
เป็นตัวเรา ของของเราทิ้งเสีย
ให้มันเหลือแต่กายล้วนๆ ใจล้วนๆ
ที่เป็นธรรมชาติของมัน
ถ้ามองได้อย่างนี้ทุกขณะไปแล้ว
ข้อปฏิบัติก็ไม่มีอะไร และไม่ต้องทำอะไรเลย
มีศีล มีสมาธิ มีปัญญาพร้อมเสร็จอยู่ในตัว
ท่าน ก.เขาสวนหลวง
Image by AnnieSpratt from pixabay
ที่มา : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา