"ช่างมัน ช่างมัน" กรรมฐานลัด


"ช่างมัน ช่างมัน" กรรมฐานลัด

.
ผู้ถาม : "กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง กระผมเห็นว่าหลวงพ่อ
เป็นพระกรรมฐานที่มีแบบฉบับดีมาก ขอกรรมฐานลัด ๆ 
พอเป็นหนทางเข้าสู่มรรคผลนิพพานในชาตินี้ ด้วยเถิดขอรับ"
.
หลวงพ่อ : "ช่างมัน ช่างมัน"
.
ผู้ถาม : "แค่นี้เหรอครับ"
.
หลวงพ่อ : "อ้าว สังขารุเปกขาญาณไงละ 
อารมณ์พระอรหันต์นะ เอาเลยลัดได้ 
ใครด่าก็ช่างมัน ใครชมก็ช่างมัน 
คือว่าช่างมัน เป็นเรื่องธรรมดา 
กฏธรรมดาเป็นอย่างนี้ เราจะทุรนทุรายไปเพื่ออะไร 
เมื่อความร้อนมา มันไม่เย็น 
เราไปเรียกความเย็นมันไม่มา ก็เป็นทุกข์เปล่าๆ 
ทนร้อนไป ถือเป็นเรื่องธรรมดา 
ถ้าเย็นมากเกินไป มันหนาวจัด ไปเรียกความร้อนมา มันก็ไม่มา 
ถือว่าโลกเป็นอย่างนี้ก็ปล่อยมัน ทำใจสบายๆ เท่านี้นะ"

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

Image by gdmoonkiller from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

ไม่มีใครต้องไปนิพพานตรงไหน


...การศึกษาเป็นเรื่องสำคัญในเบื้องต้น 
พระพุทธเจ้าทรงเน้นเรื่องการศึกษามาก 
แต่ไม่ได้ไปเน้นว่าคุณจะต้องศึกษาจบปริญญาตรี 
ปริญญาโท ปริญญาเอกอะไรที่ไหน 
ให้กลับมาศึกษาที่จิตตัวเองโดยใช้กล้องก็คือ 
ตัวไตรสิกขา ก็คือ ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นตัวตั้งต้น 
.
คำว่าศีล สมาธิ ปัญญา ถ้าจะเอาหลักปริยัติมาจับ 
ต้องรักษาศีล 5 ต้องฝึกนั่งสมาธิ อะไรอย่างนี้ 
ก็จะทำให้เรายิ่งสับสน ให้เอาสภาวะข้างในเลย 
ศีลคืออะไร คือการที่จิตเป็นปกติ 
สมาธิคืออะไร คือการที่จิตตั้งมั่น 
ปัญญาคืออะไร คือการที่จิตรู้เท่าทัน 
.
ถ้าจิตตั้งมั่น เป็นปกติ รู้เท่าทันได้เมื่อไหร่ 
ก็แปลว่า คุณจะเข้าไปรู้เห็นสภาวธรรม
หรือธรรมชาติทั้งหลาย ตามความเป็นจริงอย่างที่มันเป็น 
ถ้าเมื่อไหร่ก็ตาม จิตมันผิดปกติ เช่น 
จิตมันยึดถืออะไรสักอย่างหนึ่ง 
จิตไม่ตั้งมั่น จิตไม่รู้เท่าทัน 
การศึกษานั้นก็จะกลายเป็น
การศึกษาประเภทที่ว่า “หลงรู้”
.

เพราะฉะนั้นมันจะเข้าไปรู้จริงๆ 
เมื่อจิตตั้งมั่น รู้เท่าทัน ขณะนั้นจะเป็นการศึกษาจริงๆ 
และเป็นการได้เห็นกฎเกณฑ์ธรรมชาติจริงๆ 
ซึ่งไม่ได้หมายความคุณจะต้องศึกษาไป 1 ปี  5 ปี 
2 ปี 20 ปี แล้วถึงจะเจอ ไม่ใช่
ถ้าคุณศึกษาถูกต้อง คุณสามารถจะเห็นได้
เดี๋ยวนี้ ทันที เข้าใจได้เดี๋ยวนี้ทันที 
เพียงแต่ว่าอาจจะยังไม่เข้าใจทั้งหมดเท่านั้นเอง 
เข้าใจวันละนิด วันละหน่อยไปเรื่อยๆ 
จนกระทั่งเมื่อเห็นว่า ตัวตนจริงๆ ไม่มี 
ตัวเราจริงๆ ไม่เคยมีอยู่เลย 
เราจะได้รู้ว่า เราไม่ได้ไปนิพพานอะไรที่ไหน 
ไม่มีใครต้องไปนิพพานตรงไหน 
เพราะว่านิพพานก็มีอยู่อย่างนั้น 
เพียงแต่ว่าธาตุรู้เข้าถึงสภาวะอย่างนั้นแล้ว 
จึงไม่ต้องมีใครบรรลุอะไร เป็นอะไรๆ ทั้งสิ้น

พระอาจารย์มหาวิเชียร ชินวังโส

Image by gdmoonkiller from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา