ความจริงอริยสัจ คือทุกข์และสมุทัย
มีพร้อมอยู่แล้วในตัวของเราทุกๆ คน
ทั้งทุกขสัจจ์มีชาติเป็นต้น
ทุกๆ คนก็มีมาแล้วทั้งนั้น
แต่คนเราไม่ทำความรู้
ปล่อยวางละเมินไปเสีย
เห็นว่ามันเป็นของไม่ดี ไม่น่าพอใจ
ไม่อยากได้ ก็เลยไม่สนใจ นำมาพิจารณา
.
แต่หาได้รู้ไม่ว่านั่นเป็นของจริงของประเสริฐ
เมื่อเกิดขึ้นในดวงใจของบุคคลใดแล้ว
ผู้นั้นถึงแม้จะเป็นปุถุชน
ก็จะกลายเป็นพระอริยะเจ้า
.
ไปตามเอาแต่สุขจอมปลอม
มากลบทุกข์ที่แท้จริงไว้
เวลาทุกข์ที่แท้จริงประดังปรากฏออกมาจริงจังเข้า
สุขหลบหน้าหายตัวไปหมด ช่วยอะไรไม่ได้
ปล่อยให้เราเดือดร้อนเป็นทุกข์อยู่คนเดียว
โทษแห่งการไม่นำเอาความทุกข์มาพิจารณา
ให้เห็นตามเป็นจริงมันเป็นเสียอย่างนี้
.
ผู้ที่นำเอาทุกข์มาพิจารณา
ให้เห็นตามเป็นจริงแล้ว
ทุกข์ทั้งหลายจะไม่เข้ามาเบียดเบียนเขาได้
เพราะความรู้จริงเห็นจริงเสียแต่เบื้องต้น
ทุกข์เลยเป็นของธรรมดา
เป็นสภาวะธรรมที่มีอยู่ประจำโลก
ทุกคนเกิดขึ้นมาแล้วหนีไม่พ้น
ใครจะร้องไห้เป็นทุกข์หรือไม่
ทุกข์มันก็เป็นอยู่มีอยู่อย่างนั้น
.
ทางที่จะพ้นได้ มิใช่เมื่อทุกข์มาถึงเข้าแล้ว
เป็นทุกข์ร้องไห้คร่ำครวญ
แต่จะต้องละตัวเหตุคือความทะยานอยาก
มีอยากใคร่ในกามเป็นต้นเสีย
ที่เรียกว่าสมุทัย
คือความทะยานอยากใคร่ในการเป็นต้น
ซึ่งมีอยู่แล้วในใจของพวกเราทุกๆ คน
แต่พวกเราเห็นสมุทัยเป็นของหวาน
ไม่เข้าใจว่าเป็นศาสตรายาพิษ
จึงพากันรับประทานเข้าไป
ด้วยความสนุกสนานเพลิดเพลินมาก
แต่เมื่อมันทำพิษติดคอเข้าแล้ว
ทุกๆ คนจะพากันดิ้นด่าวระทมทุกข์
ต่างก็ช่วยอะไรกันไม่ได้
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
Photo by Philippe Leone on Unsplash
ที่มา : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น