การแทรกแซงจิตไม่ใช่เรื่องดี


เราอย่าไปแทรกแซงจิต จิตมีหน้าที่คิดนึกปรุงแต่ง 
ให้เขาคิดนึกปรุงแต่งแต่เรารู้ทันเขา 
เราอย่าไปปรุงแต่งจิตเสียเอง 
ให้รู้ทันความปรุงแต่งของจิต 
จิตมันปรุงของมัน ให้รู้เฉยๆ เราอย่าไปปรุงแต่งจิต 
ร้อยละ 100 ของนักปฏิบัติคือนักปรุงแต่งจิต 
จิตมันจะคิด ไม่ให้คิด 
จิตมันจะปรุงชั่ว ห้ามปรุงอะไรอย่างนี้ 
การที่เราเข้าไปแทรกแซงจิตใจตัวเองเรื่อยๆ 
แทนที่เราจะเห็นว่าจิตเป็นอนัตตา 
พอแทรกแซงเก่งๆ 
มันเกิดความหลงผิดว่าจิตเป็นอัตตา 
.
อย่างคนนั่งสมาธิ ฝึกจนชำนาญ 
มีวสี แล้วจิตสงบลงไป 
บางทีโลกธาตุดับ ไม่มีโลก ร่างกายก็ไม่มี 
โลกก็ไม่มี ความคิดก็ไม่มี 
เหลือแต่ความนิ่งๆ ว่างๆ สบายอยู่อย่างนั้น 
พอฝึกชำนาญ มันอยู่ตรงนี้ได้นานๆ 
ถ้าตายไปเป็นพรหม ก็อยู่อย่างนั้นเป็นกัปๆ เลย
พวกนี้ก็จะเกิดมิจฉาทิฏฐิว่าจิตนี้เป็นอัตตา 
เป็นสิ่งที่เราบังคับได้ ฉะนั้นการที่ไปนั่งเพ่งให้จิตนิ่ง
สงบเงียบๆ นานๆ ต้องระมัดระวัง 
บางทีเกิดมิจฉาทิฏฐิขึ้นได้มากมาย 
บางคนทำสมาธิได้ถึงฌานที่สี่ เป็นอุเบกขาแล้ว 
แล้วจิตดับลงไป ไม่รู้สึก เหลือแต่ร่างกาย 
นั่งตัวแข็งๆ อยู่ ไม่มีจิต อันนี้จิตมันเข้าฌานที่สี่ 
แล้วก็มันดับความรู้สึกลงไป เป็นพรหมลูกฟัก
ในขณะนั้นมีแต่ร่างกาย ไม่มีจิต 
ด้วยอำนาจของกรรมทำให้จิตนั้นหายไปด้วยการเพ่งเอาไว้ 
พอจิตถอยออกมาจากพรหมลูกฟัก 
กลับมามีอะไรต่ออะไรขึ้นมา 
มีกาย มีความรู้สึกนึกคิดขึ้นมา 
พวกนี้มันจะมีมิจฉาทิฏฐิเกิดขึ้น มีความเห็นผิดเกิดขึ้น 
สิ่งทั้งหลายไม่มีเหตุหรอก อยู่ๆ มันก็ผุดขึ้นมาเอง 
.
อย่างร่างกายเราทีแรกไม่มี 
พอจิตเกิดขึ้นมา เกิดมีร่างกายขึ้นมา 
ฉะนั้นการที่เราเข้าไปแทรกแซงจิตไม่ใช่เรื่องดีหรอก 
บางทีก็เข้าฌานได้ชำนิชำนาญ 
จนกระทั่งไม่มีอะไรเหลือเลย ว่างหมดเลย 
แล้วพอเกิดความรู้สึกตัวขึ้นมา 
มันรู้สึกตัวเองก่อน แล้วความรู้สึกนี้แผ่ออกไป 
มันก็เห็นว่ามีโลก มีจักรวาล 
มันก็เลยเกิดมิจฉาทิฏฐิว่าตัวเองเป็นสยมภู 
เป็นต้นกำเนิดของทุกสิ่งทุกอย่าง 
ฉะนั้นการฝึกจิตใจของเรา 
เรื่องสมาธิเรื่องสำคัญ ถ้าฝึกผิดแทนที่จะพ้นทุกข์ 
อาจจะกลายเป็นมิจฉาทิฏฐิ
.
หลวงพ่อปราโมทย์  ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
21 พฤษภาคม 2566

รับฟังเพิ่มเติมได้ที่ 

Image by Veronika_Andrews from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น