การรู้เฉยๆ สำคัญมาก


พระพุทธเจ้าทรงบอกวิถีทาง
สู่ความไม่ทุกข์ด้วยการเจริญสติ..
ท่านให้เคล็ดลับในการเจริญสติมาด้วย
คือให้รู้เฉยๆ ในสิ่งที่กำลังแสดงตัว
ไม่ต้องไปทำอะไร
การรู้เฉยๆ สำคัญมาก…
เวลามีความคิดหรืออารมณ์ ถ้าเรารู้เฉยๆ
มันก็เป็นเพียงอาการของจิต ที่วูบไหวขึ้นมาแล้วก็ดับไป
ความคิดและอารมณ์นั้นจะไม่เป็นทั้งสิ่งดีหรือไม่ดี
แต่ถ้าเราไม่ยอมรู้เฉยๆ
ความคิดนั้นจะกลายเป็นที่ตั้งแห่งความชอบหรือไม่ชอบ
เราจะเข้าไปในเรื่องที่คิด
แล้วก็จะเป็นทุกข์เป็นสุขกับมันทันที

หลวงพ่อมหาดิเรก พุทธยานันโท

Image by Pexels from pixabay 

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา




 

หลงไปก็ไม่ถูก เพ่งไว้ก็ไม่ใช่


นักภาวนาต้องเข้มแข็ง
เข้มแข็งไม่ใช่ว่าโลภมาก
ไม่ใช่เพ่งจ้องตัวเองตลอดเวลา
แบบสายตาไม่กะพริบ
อย่างนี้ไม่ถูก
อย่างนี้คือเราถูกกิเลสหลอกแล้ว
มีความโลภอยากจะเจริญมากไป
หลงไปก็ไม่ถูก เพ่งไว้ก็ไม่ใช่
แค่รู้สึกอย่างเป็นธรรมชาติ ธรรมดา
จนถึงจุดหนึ่งจะค่อยๆ เข้าใจมากขึ้นเอง
ว่าร่างกายจิตใจนี้ สั่งไม่ได้ บังคับไม่ได้

อ.ประสาน พุทธกุลสมศิริ


Image by stanbalik from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา






 

ต้องปฏิบัติแบบ ไม่ต้องได้อะไร


การปฏิบัติธรรมด้วย "ความรู้สึกตัว" 
ในชีวิตประจำวัน
....ต้องปฏิบัติแบบ ไม่ต้องได้อะไร 
....และไม่เป็นอะไรกับอะไร นี่แหละจึงจะได้
คำว่า "ไม่เป็นไร" นี่ยิ่งใหญ่นะ 
มันทำให้ "ใจตื่น"
คนปฏิบัติธรรมต้องหน้าตาผ่องใส 
ไม่ใช่คร่ำเคร่ง เก็บกด
เราปฏิบัติเพื่อ "เห็น" ธรรม 
ไม่ใช่ไป "เอา" ธรรม
ดังนั้น ให้ปฏฺิบัติแบบผ่อนคลาย 
สบายๆ ทำเล่นๆ แต่ต่อเนื่อง
โดยไม่คาดหวังอะไร
การ "รู้แบบปัจจุบัน" นั่นแหละ คือ "สติ"

อ.กำพล ทองบุญนุ่ม

เพจ ชมรมเพื่อนคุณธรรม

Image by stanbalik from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา






 

การไม่ยึดมั่นถือมั่น..เป็นความพ้นทุกข์ปัจจุบันสดๆ


...เราสามารถรับรู้อารมณ์ความรู้สึกตามจริงได้ 
แต่การไม่ยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นความรู้สึกเรา เขานั้น 
เป็นเส้นทางธรรมชาติ..เป็นความพ้นทุกข์ปัจจุบันสดๆ ในตัว

พระอรหันต์ ท่านไม่มีอารมณ์ ไม่มีความรู้สึก
คำว่าไม่มีของพระอรหันต์ 
หมายถึง มีแต่ไม่ยึด มันก็หมดความรู้สึก
อารมณ์นั้นในตัวอัตโนมัติ..

ความรู้สึกที่เกิดจากการกระทบทางกายภายนอก  
เป็นสิ่งที่เชื่อไม่ได้ว่าเป็นเราเป็นเขา 
เกิดความรู้สึกได้แต่ยึดมั่นไม่ได้ 
เพราะหากเกิดมีตัวตนในอารมณ์ความรู้สึก
จากการกระทบสัมผัสทางโลกเมื่อไหร่ 
ความทุกข์ก็จะมาออกลูกหลานเหลนไม่จบสิ้นในชีวิตเรา ..

พระพุทธเจ้า ท่านตรัสรู้ 
ในสิ่งที่มิใช่ตัวตน มิใช่ของๆ ตน 
การไม่ยึดมั่นคือเกิดเท่ากับไม่เกิด..
ไม่เกิดเท่ากับหลุดพ้น / อิสรภาพในปัจจุบันอย่างสืบเนื่อง
เพียงเท่านี้เอง..

อิโตมิ จัง

Image by majacvetojevic from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา



 

มุทิตาจิตคืออัตตจาคะ


มุทิตาจิต ความพลอยยินดี
ในความสุขความเจริญของผู้อื่น
เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก
หากใครมีมุทิตาจิตเช่นนี้
แสดงว่าเขามีอัตตจาคะ
สละความยึดถือผิดๆ ในตัวตนได้
จิตที่มีอนุโมทนาอยู่ในใจเสมอๆ
เป็นเครื่องหมายของคนน่ารักน่าคบหา
จริงๆ แล้ว โลกนี้ไม่มีใครน่าอิจฉาเลย
ทุกคนต้องเผชิญทุกข์ ที่เราอาจไม่ทราบ
จึงควรเห็นใจและชื่นชมในความดีของกันและกัน

อาจารย์วศิน อินทสระ

Image by majacvetojevic from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

แปลว่า เธอกำลังให้อาหารความคิด


หากเธอหมกมุ่นกับความคิดไม่หยุด
แปลว่า เธอกำลังให้อาหารความคิด
เพราะความคิดอาศัยความใส่ใจของเธอ
ในการดำรงอยู่
ยามใดที่เธอเริ่มใส่ใจความคิด
และวิตกวิจารณ์กับมัน
ความคิดจะมีอำนาจมาก
เธอเองนั่นแหละเป็นคนให้กำลังแก่มัน
เพราะเธอไม่ได้มองความคิดว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมดาๆ
และหากใครก็ตามพยายามหยุดความคิด
นั่นก็เป็นวิธีให้อาหารมันอีกวิธีหนึ่ง

ลามะ โชกยัม ตรุงปะ

“When you relate to thoughts obsessively, you are actually feeding them because thoughts need your attention to survive. Once you begin to pay attention to them and categorize them, then they become very powerful. You are feeding them energy because you are not seeing them as simple phenomena. If one tries to quiet them down, that is another way of feeding them.”

― Chogyam Trungpa, The Myth of Freedom and the Way of Meditation

Image by Pexels from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

https://www.facebook.com/Jaturataweep/



 

แค่รู้ไม่ทัน


เริ่มต้น... แค่รู้ไม่ทัน
ไม่ทันผัสสะ... ไม่ทันเวทนา... 
ไม่ทันตัณหา... แล้วปรุงแต่งต่อ 
เกิด "อุปาทาน" ขึ้นมาทีนี้ 
มีน้ำหนักขึ้นมาในจิต
เชื่อมัน...จะทำตามมัน 
เรื่องราวแทนที่จะจบ มันเลยยืดยาวออกไป 
เนี่ย มี “ภพ” แล้วก็มี “ชาติ” 
ชาติ นี่คือ ตัวตน 
มันก่อเกิด 'ความรู้สึกเป็นเรา' ขึ้นมา
แต่ละครั้งๆ นี่แหละ เกิดแล้ว
ถ้าตายปั๊บลงไป ก็ไปเกิดตามนั้นล่ะ
กำลังโลภอยู่ กำลังอยากได้อะไรมากๆ
ตายปั๊บก็ไปเป็นเปรต
.
ฝึกสติ ให้-รู้-ทัน-จิต
ทันอาการของจิต
มันก่อเกิดอะไรขึ้นมา “เห็น”
“เห็น” มัน ‘เกิด’  
“เห็น” มัน ‘ดับ’
ต้องทันมันนะ ถ้าไม่ทันมัน
เรื่องราว...ก็ไปจากจิตนี่แหละ
แต่เวลามันเกิดเรื่องขึ้นมา
ไม่ได้รู้นะว่ามันไปจากจิต
โน่นซัดโทษออกไป 
คิดว่าคนอื่นทำ คนนั้นคนนี้ทำ
จริงๆ แล้วไม่มีอะไร 
แค่รู้ไม่ทัน
.
พระอาจารย์ครรชิต สุทธิจิตโต

Image by Pexels from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

https://www.facebook.com/Jaturataweep/




 

พ้นจากการปรุงแต่งทั้งปวง ไม่ใช่การหลับ


พ้นจากการปรุงแต่งทั้งปวง ไม่ใช่การหลับ
เป็นภาวะตื่น...ตื่นอย่างเต็มที่
ตื่นออกจากโลกของความคิดปรุงแต่งทั้งปวง
ภาวะนั้นเป็นภาวะรู้...รู้ที่บริสุทธิ์
รู้ที่เราไม่ได้สร้างขึ้นมา
รู้ที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากความพยายามจะรู้
เป็นรู้ที่เรียกว่า “สัมมาทิฏฐิ”
และเมื่อรู้แห่งสัมมาทิฏฐิเกิดขึ้น
สัมมาที่เหลืออีก 7 ข้อ จะเกิดขึ้นทันที
เปรียบเสมือนล้อเกวียนที่หมุนไปได้
โดยมันมีแกนและดุมล้อตรงกลาง
แกนและดุมล้อตรงกลางเปรียบเสมือนสัมมาทิฏฐิ
เมื่อแกนนั้นเริ่มหมุนไป
ล้อทั้งล้อก็หมุนตามไปทันที
ล้อทั้งล้อก็เปรียบเสมือน
มรรคอีก 7 องค์ที่เหลือนั่นเอง

Camouflage

หนังสือชีวิตที่แท้จริงนั้นไร้เรื่องราว

Image by mohamed_hassan from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

https://www.facebook.com/Jaturataweep/



 

สำหรับนักปฏิบัติแล้ว ศีลต้องคุมถึงใจ


ศีลไม่ใช่อยู่แค่กายและวาจา
สำหรับนักปฏิบัติแล้ว ศีลต้องคุมถึงใจ 
แม้ว่ากายและวาจาจะครบถ้วนตามศีล ๕ 
แต่ถ้าใจคิดพยาบาทอาฆาตแค้น 
ก็ถือว่ายังไม่มีศีล 
ศีลของนักปฏิบัติต้องคุมถึงใจ เพราะใจคุมทุกสิ่ง…
ถ้าใจไม่บริสุทธิ์ ใจก็ไม่มีศีล 
แม้ปากจะพูดตรงกันข้ามก็ตาม 
ปากกับใจไม่ตรงกัน 
การประพฤติปฏิบัติธรรมจะก้าวหน้ายาก 
ฉะนั้น ใจกับกายต้องเป็นเส้นตรง 
การปฏิบัติจึงจะนิ่ง 
ท่านที่ปฏิบัติแล้วจิตไม่นิ่ง 
ขอให้พิจารณาศีลของตัวเอง

ดร.สนอง วรอุไร
หนังสือตามรอยธรรม ดร.สนอง วรอุไร

Image by mohamed_hassan from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

https://www.facebook.com/Jaturataweep/



 

ต้องลำบากไปตามดับมันทำไม ?


คำถาม : ดูจิตแล้ว เห็นปรุงแต่งเรื่องราว
มากมาย ไม่ชนะจะตามดับมัน ?

หลวงปู่ : ต้องลำบากไปตามดับมันทำไม ? 
ดู...แต่จิต อย่างเดียว 
มันก็ดับไปเอง มันออกไปปรุงแต่งข้างนอก 
มันเกิดจากต้นตอที่จิต ทั้งนั้น...
หาแต่ต้นตอให้พบ ก็จะรู้แจ้งหมด

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล

Image by Darkmoon_Art from pixabay 

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

https://www.facebook.com/Jaturataweep/



 


ผู้รู้จักจิตตวิเวก
อันไร้การดิ้นรน
คือผู้มีสมบัติราคาแพง
ชนิดที่ใช้เงินทั้งหมดในชีวิตซื้อไม่ได้
ต้องใช้ ‘ใจที่ไม่เอาอะไร’ ไปซื้อมา!

ดังตฤณ

Image by Darkmoon_Art from pixabay 

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

https://www.facebook.com/Jaturataweep/




 

เรื่องของการปฏิบัติธรรมไม่ใช่เรื่องมากเลย


เรื่องของการปฏิบัติธรรมไม่ใช่เรื่องมากเลย 
ไม่มีหัวข้ออะไรมากเลย 
มันนิดเดียวเท่านี้เอง 
รู้เข้ามาในรูปนามขันธ์ ๕ 
พิจารณาว่ามันไม่เที่ยง เป็นทุกข์ 
ไม่ใช่ตัวเราไม่ใช่ของเรา 
ไม่มีแก่นสาร 
เรารู้ความจริงได้อย่างนี้แล้ว 
โลกทั้งหลายมันไร้ความหมายหมด 
หรือว่าไฟบรรลัยกัลป์มันกำลังลุกมาก็ไร้ความหมาย 
เพราะว่ามันเป็นของธรรมดา 
ปล่อยวางอย่างเดียว 
เราปล่อยวางอย่างเดียวแล้ว
จิตจะอยู่ในความสงบระงับมากขึ้นเป็นพิเศษ

ท่าน ก.เขาสวนหลวง

Image by kalhh from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

https://www.facebook.com/Jaturataweep/




 

ความเข้าใจเกิดจากปัญญา



ทุกข์จะลดลงไปตามลำดับ..
เมื่อเรามีความเข้าใจในคำว่า "ชีวิต" มากขึ้น
ความเข้าใจเกิดจากปัญญา 
เมื่อปัญญาเกิดความทุกข์จะดับไป 
ทุกข์ดับเพราะความเข้าใจเกิด
ชีวิตจึงอิสระจากความทุกข์นั้นเอง 
หาใช่ทุกข์ดับ แต่เป็นเพราะปัญญาเกิด
ความทุกข์จึงหมดสภาพอัตโนมัติไปเอง

ตื่นทางปัญญา จิตกลับสู่เดิมแท้
(อิโตมิ จัง)

Image by jrydertr from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

https://www.facebook.com/Jaturataweep/





 

กรรมหมดเพราะปล่อยวาง


อย่าไปคิดว่าเราเป็นคนมีกรรม 
กรรมเรายังไม่หมด
เราจะอยู่ใช้กรรมไปอีกก่อน 
จนกว่ากรรมจะหมด
ถ้าพวกเราคิดอย่างนั้น 
กรรมก็ยิ่งไม่มีทางจะหมดไปได้
เพราะเราเป็นมนุษย์ เกิดมาสร้างกรรมกันทั้งนั้น
ไม่ใช่เกิดมาใช้กรรม แล้วกรรมจะหมดไปได้
การทำใจ ให้สามารถปล่อยวางได้เท่านั้น
จึงจะเป็นหนทางให้หมดกรรมสิ้นเวรได้
ฉะนั้น การที่จะคอยให้กรรมหมดไปเอง
โดยไม่สามารถทำใจให้ปล่อยวางได้ 
ย่อมเป็นไปไม่ได้
เพราะมนุษย์หรือสัตว์โลก 
จะมีการสร้างกรรม
อยู่ทุกขณะ ทุกเวลา ไม่ลดละ
จึงขอให้เข้าใจกันเสียใหม่ว่า
กรรมหมดไปเองไม่มีหรอก
นอกจากปล่อยวางได้เท่านั้น

หลวงปู่คูณ สิริจันโท

Image by Xeromatic from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

https://www.facebook.com/Jaturataweep/





 

ไม่มี...สิ่งใดควรค่าแก่การ...ยึดไว้เลย


ในสภาวะ...
ของธรรมชาติ ที่เป็นเช่นนั้นเอง
จิต  ของเรา
ต้องไม่ถูก สิ่งที่ปรากฏ 
อยู่...ภายนอกรบกวน
ต้องไม่ยึดสิ่งใด ไว้ภายใน
เรา...ต้องทำให้จิต อยู่...ในสภาวะ 
ที่ตระหนักรู้ว่า... 
ไม่มี...สิ่งใดควรค่าแก่การ...ยึดไว้เลย

ลามะยางทัง  รินโปเช

Image by Tama66 from pixabay

เพจวัดพระธาตุขุนบง

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

https://www.facebook.com/Jaturataweep/




 

จะไปเสียเวลาดับทำไมให้ต้องเหนื่อย


สุขทุกข์ก็มีด้วยกันทุกรูปทุกนาม 
แต่ทุกๆ ชีวิตอยากจะแก้ไขความจริง 
เวลามีทุกข์มาก็วิ่งหนี 
เวลามีสุขมา วิ่งหาและยึดไว้ 
ทั้งๆ ที่ไม่รู้ความจริงว่าสุขกับทุกข์
ก็เหมือนกลางวัน กลางคืน 
แค่อยู่เฉยๆ เดี๋ยวก็มืดแล้ว
อยู่เฉยๆ เดี๋ยวก็สว่าง 
สุขและทุกข์ที่เกิดขึ้นในใจก็เช่นกัน
รู้ซื่อๆ รู้อยู่เฉยๆ เดี๋ยวอาการนั่นก็ดับลงเอง 
จะไปเสียเวลาดับทำไมให้ต้องเหนื่อย 
นั่นคือหมดภาระหมดหน้าที่ไม่ต้องทำอะไร 
แค่รู้ซื่อๆ รู้ตรงๆ ไปกับอาการนั้น
รู้จะตกงานไปเอง เพราะรู้ไม่ต้องทำอะไร 
ให้รู้นั้นรู้ไปเลย ไม่ต้องจำไว้ 
ไม่ต้องคิดไว้ว่าจะรู้ เหมือนที่เคยบอกว่า
การปฏิบัติ ถ้าเราใช้สติ หรือฝึกสติ 
ฝึกสมาธิ เดินจงกรม ก็ต้องมีผู้กระทำ 
แต่วิปัสสนาแบบฝึกรู้นั้น ไม่ต้องทำอะไร 
จึงสบาย แค่รู้อย่างเดียว เพียงแค่รู้ 
เพียงแค่รู้อาการกาย รู้อาการใจทำงาน...

พระอาจารย์ชานนท์ ชยนนฺโท

หนังสือเพราะเห็นผิด จึงผิดธรรม
เมื่อเห็นถูก จึงถูกธรรม

Image by Tama66 from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

https://www.facebook.com/Jaturataweep/




 

อัตตาเป็นเพียงสภาพที่จิตมันปรุงขึ้นมา


จะดับความทุกข์ได้
ก็ต้องละความยึดถือให้ได้เสียก่อน
ธรรมชาติของคน
มีอะไรก็ยึดสิ่งนั้น
ถึงไม่มี ก็อยากจะมี
พุทธศาสนาสอนเรื่องอนัตตา
ไม่ได้สอนเรื่องอัตตา
อัตตาเป็นเพียงสภาพที่จิตมันปรุงขึ้นมา
เพราะฉะนั้นที่เราทุกข์อยู่นี้
มันไม่ได้ทุกข์เพราะอัตตา
แต่ทุกข์เพราะยึดถือว่ามีอัตตา
คิดว่ามันมีอยู่
แต่แท้ที่จริงมันไม่เคยมี...

พระอาจารย์มหาวิเชียร ชินวังโส

Image by Quangpraha from pixabay 

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

https://www.facebook.com/Jaturataweep/



 

เรายังไม่เริ่มต้นการปฎิบัติเลย


ถ้าเรายังไม่สามารถออกจาก
โลกของความคิด..
โลกของการรับรู้อย่างแบ่งแยก
โลกของเหตุผล
โลกของการดำเนินชีวิตที่มีตัวเองเป็นศูนย์กลางแล้ว..
ย่อมถือว่า
เรายังไม่เริ่มต้นการปฎิบัติเลย...

หลวงพ่อโพธินันทะ

Image by Quangpraha from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา



 

เพียงแค่นี้ เราจะได้พบสิ่งที่กำลังหา


เมื่อยังมีการแสวงหา ย่อมมิอาจหยุดการกระทำได้
เมื่อยิ่งแสวงหา เราก็จะยิ่งห่างไกลออกไปจากสิ่งหา
เพียงแค่หยุดแสวงหา แล้วเฝ้าดูสิ่งที่ปรากฎตรงหน้า
เพียงแค่นี้ เราจะได้พบสิ่งที่กำลังหา 
และร่นเวลาที่ต้องเดินทางกลับบ้านให้สั้นลง

การเดินทาง แห่งจิตวิญญาณ

Image by Nennieinszweidrei from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา



 

อันที่จริงคุณกลับได้ทุกสิ่งทุกอย่าง


ความเปลี่ยนแปลงคือสิ่งที่ทําให้ชีวิตยังคงอยู่ 
และทําให้เรามีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลง 
สําคัญที่สุดก็คือ ความไม่เที่ยง
บอกเราให้ละความยึดมั่น ซึ่งมีแต่
จะนําความทุกข์และความเจ็บปวดมาให้
ทันทีที่เรายอมรับว่าความไม่เที่ยงเป็นธรรมดาของชีวิต 
ยอมรับว่าทุกคน รวมทั้งเรา ต้องเป็นทุกข์
เพราะความเปลี่ยนแปลงและความตาย 
ดังนั้นการปล่อยวางจึงเป็นสิ่งปกติธรรมดา
ที่เราควรทํา และที่จริงเป็นสิ่งเดียวเท่านั้นที่ได้ผล
เมื่อนั้น เราจะปล่อยวางความเศร้าโศรก 
ความไม่เที่ยงจะกลายเป็นสิ่งปลอบประโลมใจ 
ทําให้จิตใจเราสงบ มั่นคง และไม่หวาดกลัว
สําคัญที่สุดก็คือ เราจะเห็นชัดว่า 
การยึดสิ่งที่มิอาจยึดได้นั้นเป็นเรื่องไร้ประโยชน์อย่างมาก
ที่ประหลาดก็คือ เมื่อคุณยอมรับความตายและความไม่เที่ยง 
คุณจะพบว่าคุณมิได้สูญเสียอะไรไปเลย
อันที่จริงคุณกลับได้ทุกสิ่งทุกอย่าง
เหมือนกับว่าคุณสูญเสียก้อนเมฆ 
แต่กลับได้ท้องฟ้า…

ท่านโซเกียล ริมโปเช  

หนังสือศิลปะแห่งการอยู่และการตาย

Image by Nennieinszweidrei from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

https://www.facebook.com/Jaturataweep/




 

รู้อะไรก็ไม่มีค่าเท่ารู้ว่า...


รู้อะไรก็ไม่มีค่าเท่ารู้ว่า...
"ไม่มีตัว ไม่มีตน
ไม่มีคน ไม่มีสัตว์
ไม่มีหญิง ไม่มีชาย
ไม่มีเรา ไม่มีเขา
ไม่มีของเรา ไม่มีของเขา”
มีแต่สังขารที่เป็นไป
เกิด ดับ เปลี่ยนแปลง
ไปตามสายธารแห่งเหตุปัจจัยทั้งหลายเท่านั้น

พระอาจารย์ชุมพล พลปัญโญ

Image by StockSnap from pixabay

 ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

https://www.facebook.com/Jaturataweep/



 

ให้แก้ไขความทะยานอยากให้ดับสิ้นไป


...คนที่ไม่ได้ปฏิบัติธรรม
เขาก็หาความสบายใจด้วยการ
ไปดูหนัง ดูละคร ที่มันสนุกสนาน 
ฟังเพลง ให้มันสบายใจ 
ไปกินอาหารอร่อยๆ ให้มันเพลิดเพลินสบาย...
ฉะนั้นเมื่อติดในความสุขแบบนั้น 
เรียกว่าความสุขที่อิงอามิส 
จิตก็จะรู้สึกทุกข์ตามมา 
เพราะว่า มันไม่มีอะไร ที่จะได้อย่างใจทุกอย่าง 
มันไม่มีอะไรที่คงที่ มันไม่มีอะไรที่เที่ยงแท้ถาวร 
สิ่งที่เราได้ก็ต้องเปลี่ยนไป…
พอสิ่งเหล่านั้นเปลี่ยนแปลงไป 
เราก็เศร้าหมอง หรือว่าก็ต้องแสวงหาอีก จึงไม่จบ…
หรืออุปมาเหมือนคนที่ติดยาเสพติด 
เขาก็จะต้องการเสพ หายาเสพติดมาเสพ
แล้วเขาก็จะมีความสุข แต่มันไม่จบ 
แล้วก็ต้องการอีก ต้องการอีก ต้องการอีก 
ต้องการมากขึ้นไปเรื่อยๆ ความทุกข์ก็มากขึ้น 
ความดิ้นรนกระวนกระวายมาก 
ฉะนั้นไม่ใช่ทางแห่งความดับทุกข์ 
ทางที่จะดับทุกข์คือหาทางทำอย่างไรที่จะเลิกติดยา 
ไม่ใช่หายามาเสพ แต่ทำอย่างไรที่จะเลิกติดยา... 
เหมือนกัน แนวทางแห่งการเข้าถึง
ความสุขที่แท้จริงในพุทธศาสนา
จึงไม่ได้อยู่ที่แสวงหาตอบสนองความอยาก 
แต่ให้แก้ไขความทะยานอยากให้ดับสิ้นไป

พระอาจารย์สุรศักดิ์ เขมรังสี

คัดย่อจาก เพจ วัดมเหยงคณ์ ธัมโมวาท


Image by Shimaabedinzade from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา





 

การเปิดใจรับบุญ


คนที่มีบุญนั้น 
บุญย่อมคอยจ้องที่จะเข้าช่วยอยู่แล้ว 
เพียงแต่เปิดโอกาสให้เข้าช่วย คือเปิดใจรับนั่นเอง 
การเปิดใจรับก็คือ 
เปิดอารมณ์ที่หุ้มห่อออกเสียแม้ชั่วขณะหนึ่ง 
ด้วยสติที่กำหนดทำใจตามวิธีของพระพุทธเจ้า 
เมื่อบุญได้โอกาสพรั่งพรูเข้ามาถึงใจ 
หรือ โผล่ขึ้นมาได้แล้ว 
จิตใจจะกลับมีความสุขอย่างยิ่ง 
อารมณ์ทั้งหลายที่เคยเห็นว่าดีหรือร้าย 
ก็จะกลับเป็นเรื่องธรรมดาโลก

สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 19

Image by qimono from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา