ความยึดมั่นถือมั่นเกิดขึ้นเพราะความไม่รู้ตัว


การเจริญสติเป็นวิธีการที่ต่างจากสมาธิ 
สมาธิเป็นการฝึกให้จิตจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง 
เมื่อรู้สึกเบื่อก็เอาจิตไปจดจ่ออยู่กับเสียงเพลง 
เสียงนก ต้นไม้ หรือการวาดรูป ทำให้ลืมความเบื่อไปได้ 
นี่เป็นงานของสมาธิ  ใช้เมื่อต้องการเปลี่ยนอารมณ์ไปจดจ่อสิ่งอื่นแทน
แต่สติเป็นอีกวิธีการหนึ่ง คือดูหรือเห็นเฉยๆ ไม่เข้าไปเป็น 
แค่เห็นอารมณ์เกิดขึ้น และเมื่อไม่ยึดมั่นถือมั่นกับมัน 
ไม่ปรุงแต่งต่อเติมมัน มันก็ดับไป 
เหมือนไฟที่ไม่มีเชื้อ ไม่มีฟืนก็ดับมอดไปเอง
.
ความทุกข์เกิดได้ไม่นานอยู่แล้ว 
แต่เป็นเพราะใจไปยึดมันเอาไว้  เป็นเพราะใจปรุงแต่งต่อเติม 
มันถึงอยู่ต่อเนื่องเป็นชั่วโมง เป็นวัน บางทีก็เป็นอาทิตย์ 
และใจที่ไปยึดมันก็เพราะไม่รู้ตัว 
เหมือนกับคนที่แบกหินทั้งๆ ที่เหนื่อย เป็นทุกข์ 
ก็ยังแบกเอาไว้ นั่นเป็นเพราะไม่รู้ตัว
.
ทำนองเดียวกับคนที่เจอไฟไหม้บ้าน 
เห็นอะไรใกล้ตัวก็ขนออกไปก่อน 
บางทีแบกตู้เซฟ แบกโอ่งน้ำซึ่งหนักมาก 
แต่ยังแบกขึ้นวิ่งหนีออกจากบ้านอย่างสบาย 
ตอนนั้นไม่รู้สึกหรอกว่าหนัก 
เพราะความกลัวมันครอบงำใจจนกระทั่งลืมตัว แต่ยิ่งวิ่งก็ยิ่งเหนื่อย 
ครั้นหนีมายังที่ปลอดภัย หายกลัวแล้วจึงรู้สึกว่าหนัก 
พอรู้ตัวว่าแบกตู้เซฟหรือโอ่งน้ำเท่านั้น ก็วางมันลงทันที
ความยึดมั่นถือมั่นเกิดขึ้นเพราะความไม่รู้ตัว ทั้งๆ ที่ยึดแล้วทุกข์ 
ทั้งๆ ที่แบกแล้วทุกข์ ก็ยังยึดเอาไว้ 
แต่พอรู้ตัวเมื่อไร ก็วางเองไม่ต้องมีใครสั่ง
.
พระอาจารย์ไพศาล  วิสาโล
จากหนังสือ : ความสุขอยู่ที่ใจ หันมาเมื่อไหร่ก็เจอ

Image by Clker-Free-Vector-Images from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น