..เวลาจิตคิดนึกปรุงแต่ง
สติมันรู้ทันมันก็ชำระไป
เดี๋ยวมันคิด รู้ทัน ปรุงแต่งขึ้นมา รู้ทัน
พอสติรู้เท่าทันความคิดปรุงแต่ง
ความปรุงแต่งมันก็ต่อยาวไม่ได้
พอปรุงแต่ง รู้ทัน มันก็ดับไป ปรุงแต่ง รู้ทันก็ดับไป
การที่จิตปรุงแต่งแล้วก็ยาวไปเรื่อย ๆ มันก็จะฟุ้งบ้าง
ราคะ โทสะ โมหะมันจะตามมา
แต่ว่าสติมารู้ทัน รู้ทัน ปรุง รู้ทัน
ปรุง เผลอ รู้ทัน ปรุง รู้ทัน
จนกระทั่งมันปรุงไม่ออก
จิตจึงรวมเป็นสมาธิได้
.
แม้แต่กำหนดที่จิต กำหนดดูความปรุงแต่ง
จิตรวมเป็นสมาธิได้เอง
โดยที่ไม่ต้องไปเพ่งลมหายใจให้ต่อเนื่องเพื่อทำสมาธิ
กำหนดดูเท่าทันต่อจิต ดูเท่าทันต่อความปรุงแต่ง
จิตก็รวมเป็นสมาธิได้
อย่างนี้เรียกว่าวิปัสสนานำหน้า สมถะตามหลัง
คือสมาธิมันตามขึ้นมาได้เอง
แล้วก็รู้ชัดรู้แจ้งในสภาวธรรมนั้น
จิตรวมไปก็มีปัญญารู้เห็นสภาวะ
ความเปลี่ยนแปลง ความหมดไปดับไป
จนก้าวไปสู่วิมุตติความหลุดพ้น
อย่างนี้เรียกว่าเป็นปัญญาวิมุตติ
คือหลุดพ้นด้วยกำลังของปัญญา
ที่ไม่ได้ทำสมถะมาก่อน ไม่ได้เจโตวิมุตติมาก่อน
แต่ทำปัญญาโดยเฉพาะ
พระอาจารย์สุรศักดิ์ เขมรังสี
Image by dermatz_fotografie from pixabay
ที่มา : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น