มีคำพูดว่า “บุคคลของธรรม สลดแต่ไม่โศก”
มีเรื่องที่เป็นเหตุให้ทุกข์มันก็ทุกข์ แต่มันทุกข์เฉยๆ
มันไม่ได้ทุกข์แบบคร่ำครวญตีอกชกหัว
เรียกร้องสิ่งที่แตกสลายให้คืนมา
อย่างวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน
พระอรหันต์ที่หลุดพ้นแล้วท่านปลงธรรมสังเวช
คือท่านไม่มีทุกข์ในใจ
ส่วนพระอานนท์นี่ไปยืนร้องไห้อยู่คนเดียว
แต่ท่านทุกข์เฉยๆ ไม่ได้ตีอกชกหัว
คนที่รู้ความจริงชีวิตแล้ว โศกแต่ไม่เศร้า
ทุกข์แต่ไม่ทรมานใจ ใจมันเฉยๆ
เมื่อดีใจก็ดีใจแบบเฉยๆ ไม่ได้ดีใจแบบคลั่ง
เสียใจก็เสียใจเฉยๆ
นานเข้าก็ไม่มีคำว่า ดีใจ หรือ เสียใจ
เมื่ออุเบกขาปรากฏอย่างต่อเนื่อง
ทั้งดีใจและเสียใจก็ไม่ต่างกัน
พรมแดนระหว่างดีใจและเสียใจมีไม่มาก
ท่านเขมานันทะ
ที่มา : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น