นี่คือปาฏิหาริย์แห่งการยอมรับ


อย่ามองหาความสงบ 
อย่ามองหาสภาวะอื่นนอกเหนือจาก
สภาวะที่เธอเป็นอยู่ตอนนี้ 
มิฉะนั้นเธอจะสร้างความขัดแย้งภายใน
และการต่อต้านโดยไม่รู้ตัว 
จงให้อภัยตัวเองที่ไม่สงบ 
ทันทีที่เธอยอมรับความไม่สงบของเธออย่างสมบูรณ์ 
ความไม่สงบของเธอก็จะกลายเป็นความสงบ 
อะไรก็ตามที่เธอยอมรับอย่างเต็มที่
จะพาเธอไปที่นั่น จะนำเธอไปสู่ความสงบสุข 
นี่คือปาฏิหาริย์แห่งการยอมรับ

Don't look for peace. Don't look for any other state than the one you are in now; 
otherwise, you will set up inner conflict and unconscious resistance. 
Forgive yourself for not being at peace. The moment you completely accept your non-peace, 
your non-peace becomes transmuted into peace. Anything you accept fully will get you there, 
will take you into peace. This is the miracle of surrender

Eckhart Tolle

Photo by Antonio Gabola on Unsplash

ที่มา  เพจมนษิธาร  Monsitharn

        (บ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา เดิม)



 

แค่รู้เฉยๆ ก็เป็นการปฏิบัติธรรมที่สมบูรณ์


เคล็ดลับของการปฎิบัติคือ 
อย่าเข้าไปเป็น ให้เป็นผู้รู้ เป็นผู้ดู 
อย่าเข้าไปเป็นมัน 
ถ้าเข้าไปเป็นมัน ไม่ใช่นักปฏิบัติ 
เพราะเวลาเราไม่ปฏิบัติ 
เราก็เข้าไปเป็นอยู่แล้ว
.
เวลาเกิดความโกรธ เราก็โกรธ 
เวลาเกิดความรัก เราก็รัก 
แต่นักปฏิบัติจะต้องเห็น เห็นความโกรธ 
เห็นความรัก เห็นความเบื่อ 
เห็นความขี้เกียจ 
แต่ไม่ได้เข้าไปเป็นผู้ขี้เกียจด้วย 
นี่ปลอดภัยแล้ว
.
ทุกข์จะเกิดขึ้นที่กายมากน้อยแค่ไหน 
แต่ใจเป็นผู้เห็น ความคิดจะปรุงแต่ง
ให้ใจเราเศร้าหมองแค่ไหน 
ใจเราก็ไม่ได้ไปเศร้าหมองด้วย 
เป็นแค่ผู้เห็น ปลอดภัยแล้ว
.
ถ้าเราฝึกบ่อยๆ เจริญสติบ่อยๆ 
รู้สึกบ่อยๆ บริกรรมในความรู้สึกบ่อยๆ 
ต่อไปจิตจะรู้เอง 
สติจะเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ 
ต้องทำบ่อยๆ แล้วเขาก็จะเกิดขึ้นเอง 
เหมือนเราสอนให้เขารู้สึกตัว 
ต้องอาศัยความเพียร ความอดทน 
จึงจะเห็นผล แล้วต้องต่อเนื่องด้วย
.
ไม่ใช่ขณะปฏิบัติเอาจริงเอาจัง 
แต่พอออกไปทานข้าว ฟุ้งเหมือนเดิม 
ต้องให้ต่อเนื่อง จะได้ประโยชน์มาก 
เหมือนเราตำน้ำพริก ตำครั้งเดียวก็ยังกินไม่ได้ 
ต้องตำหลายๆ ครั้ง จึงจะกินได้ 
ทานข้าวคำเดียวก็ยังไม่อิ่ม 
ต้องทานหลายๆ คำ
.
การปฏิบัติก็เหมือนกัน 
ต้องรู้บ่อยๆ รู้บ่อยๆ จึงจะได้ผล 
เรื่องธรรมะไม่ใช่เรื่องยากเย็น 
เรื่องยากคือความคิด ปฏิบัตินี่ไม่ยากหรอก 
มันยากตอนที่จะไม่ได้ปฏิบัติ
.
ง่ายๆ แค่รู้สึก 
เวลากายเคลื่อนไหวก็รู้ เวลาใจคิดก็รู้ 
แค่รู้เฉยๆ 
ก็เป็นการปฏิบัติธรรมที่สมบูรณ์แล้ว 
จบลงที่ความรู้สึกตัวเท่านั้น

อ.กำพล ทองบุญนุ่ม

Photo by Eneko Uruñuela on Unsplash

ที่มา  เพจมนษิธาร  Monsitharn

        (บ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา เดิม)


 

เมื่อนั้นความสงบที่แท้ของเธอ...


เมื่อเธอเข้าใจได้ว่า ไม่มีใครหรือสิ่งใดเป็นของเธอ
เมื่อนั้นความสงบที่แท้ของเธอ จึงจะเริ่มต้นขึ้น

When you understand that nothing and no one belongs to you, 
your true peace begins.

Unknown

Image by Jhollu7 from pixabay

ที่มา  เพจมนษิธาร  Monsitharn

        (บ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา เดิม)


 

เธอไม่ไช่มัน




หนึ่งในเรื่องพื้นฐานที่สุดที่ต้องจดจำ
ไม่เพียงแค่เธอแต่กับทุกคนคือ
ไม่ว่าเธอจะพบอะไรในการเดินทางภายใน
เธอไม่ไช่มัน เธอเป็น... ผู้รู้ผู้ดูผู้เห็นมัน
มันอาจเป็นความว่าง
อาจเป็นความสุข อาจเป็นความเงียบ
แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องจำไว้ ก็คือ
ไม่ว่าสิ่งที่ประสบจะสวยงาม
และน่าหลงใหลเพียงใด
เธอก็ไม่ใช่มัน
เธอคือคนที่กำลังประสบกับมันแค่นั้น

ท่าน Osho

One of the most fundamental things to be remembered — not only by you but by everyone — is that whatever you come across in your inner journey, you are not it. You are the one who is witnessing it. It may be nothingness, it may be blissfulness, it may be silence, but one thing has to be remembered: however beautiful and however enchanting an experience you come across, you are not it. You are the one who is experiencing it.


Image by Pexels from pixabay


ที่มา  เพจมนษิธาร  Monsitharn

        (บ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา เดิม)

 

มันเห็นไม่ชัด...มันก็หลง


มันเห็นไม่ชัด...มันก็หลง
อย่างปลาน่ะ ปลามันกินเบ็ดเห็นไหมนั่น  
ไอ้ความเป็นจริง 
ปลาไม่กินเบ็ดหรอก...มันกินเหยื่อ
ถ้ามันเห็นเบ็ดจริงๆ 
มันไม่กินหรอก ปลาน่ะ  มันจะเกี่ยวปากมัน  
ลองสิ  มันไปกินเหยื่อ
แต่บังเอิญมันมีเบ็ดติดเกี่ยวปากมัน ไม่หลุดเสียแล้ว
พวกเราทั้งหลายเหมือนกัน  
ถ้าเห็น ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง 
ตามความจริงแล้ว 
ไม่เอา...

หลวงปู่ชา สุภัทโท

Image by Gaara15 from pixabay

ที่มา  เพจมนษิธาร  Monsitharn

        (บ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา เดิม)






 

ธรรม มิใช่ที่รู้ถูก หรือ รู้ผิด


ปริยัติ-ปฏิบัติ-ปฏิเวธ
ไม่ต้องเถียงกันแบบไหนถูก ผิด 
ตัววัด ไม่ใช่มาจับผิดว่า ใครถูก หรือใครผิด
แต่ให้เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นมาภายในใจ 
พ้นทุกข์ หรือ ทุกข์มากกว่าเดิม
.
รู้มากมาย  แต่ยังทุกข์ 
เพราะเป็นทาสขององค์ความรู้  
ไม่เหมือนที่ตนรู้ เถียงกันเอาเป็นเอาตาย
ทะเลาะ จนเป็นศัตรูกัน อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้
เพราะความเห็นไม่ตรงกัน 
ธรรม มิใช่ที่รู้ถูก หรือ รู้ผิด
แต่มันเห็นว่า ทั้งถูก และ ผิด 
มันสักแต่ว่า
มันก็แค่มายา แค่สิ่งที่ผุดขึ้นแล้วดับไป
ไม่มีใครเป็นเจ้าของถูก และผิด 
จนผ่านสิ่งที่รู้ได้ วางความเห็นได้  ไร้มวลหนัก
นั้นถึงจะรู้ว่า มันคือ มายา 
มันเป็นสมมุติ
.
สิ่งที่ยาก  สำหรับปุถุชน
สอนยากคือ เชื่อว่า 
ตนเองเป็นแค่ปุถุชนคนธรรมดา
มิอาจรู้ธรรม  
เพราะสอนธรรม หรือ ชี้แนะเมื่อไหร่
มันก็จะคิดว่าทันที 
ว่าตนเองเป็นแค่ปุถุชนคนธรรมดา
มิอาจรู้ธรรม  
ขอให้ทนฟังอาจารย์ไปเรื่อยๆ 
.
ปุถุชน คนธรรมดา ก็ไม่มีอยู่จริง
อาจารย์สอนสิ่งที่ยากที่สุด คือ 
สลายความเชื่อ  
สลายอุปาทานที่มีมานับชาติไม่ถ้วน
มีใครไปขวางเล่าไม่ให้รู้ธรรม

พระอาจารย์ปกรณ์นันทน์ ฐิตธัมโม

Image by mkupiec7 from pixabay

ที่มา  เพจมนษิธาร  Monsitharn

        (บ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา เดิม)





 

สิบสิ่งที่ต้องเข้าใจ


สิบสิ่งที่ต้องเข้าใจ

จงเข้าใจว่า
สิ่งที่ปรากฏภายนอก
ไม่ใช่ของจริง
เพราะมันคือมายา

เข้าใจว่า
จิต นั้น ว่าง
เพราะมันไร้ตัวตนที่แท้

เข้าใจว่า
ความคิด คือ ชั่วขณะไม่ถาวร
เพราะมันเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย

เข้าใจว่า
กาย ก็ดี วาจา ก็ดี
ไม่จีรัง
เพราะล้วนเป็นไปตามเหตุปัจจัย

เข้าใจว่า
ผลของการกระทำเลี่ยงไม่ได้ 
เพราะสุข ทุกข์ ของสรรพสัตว์
เกิดจากกรรม

เข้าใจว่า
ทุกข์ คือ กัลยาณมิตรทางจิตวิญญาณ
เพราะทำให้เราละโลกย์

เข้าใจว่า
ความสุข ความพอใจ
คือ ปีศาจแห่งความยึดมั่น
เพราะมันเป็นรากเหง้าแห่งการเวียนว่ายตายเกิด

เข้าใจว่า
การเกี่ยวข้องในหลายๆ เรื่อง
คืออุปสรรคแห่งกุศล
เพราะมันขัดขวางการปฏิบัติธรรม

เข้าใจว่า
สรรพสิ่งมีธรรมชาติแท้เสมอกัน
เพราะสิ่งที่ปรากฏทั้งหลาย
ล้วนไร้ตัวตนที่แท้

ท่านกัมโปปะ 
ครูต้นสายธรรมสำนักกาคยู 
------------------

GAMPOPA
TEN THINGS TO UNDERSTAND

Understand that outer appearances are unreal
because they are illusions.

Understand that inner mind is empty
because it is devoid of self-entity.

Understand that thoughts are momentary
because they occur due to conditions.

Understand that your body and speech are impermanent
because they are conditioned.

Understand that the consequences of your actions are inevitable
because all the pleasure and pain of sentient beings result from karma.

Understand that pain is your spiritual friend
because it is the cause of renunciation.

Understand that pleasure and happiness are the demons of attachment 
because they are the roots of samsara.

Understand that many engagements are obstacles for merit
because they hinder spiritual practice.

Understand that enemies and obstructers are your teachers
because they are inspiration for spiritual practice.

Understand that everything is of equal nature
because all phenomena are ultimately devoid of self-nature.

These are the ten things to understand.

Image by taqiu from pixabay

ที่มา  เพจมนษิธาร  Monsitharn

        (บ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา เดิม)


 

ตราบใดที่ยังมีความต้องการ...


ตราบใดที่ยังมีความต้องการในตัวเธอ 
โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้ใครบางคน
หรือบางสิ่งมาทำให้เธอมีความสุข
ผลของมันตรงข้ามเลย
เพราะนี่เป็นวิธีที่แน่นอน
ที่จะทำให้เธอรู้สึกขาดและเป็นทุกข์

As long as there is a wanting in you, especially 
for someone or something to make you happy, 
paradoxically, this is a sure way to make yourself 
feel lacking and therefore miserable.

ท่าน Mooji

Image by Engin_Akyurt from pixabay

ที่มา  เพจมนษิธาร  Monsitharn

        (บ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา เดิม)


 

โลกรอบตัวเธอจะสวยงาม


โลกรอบตัวเธอจะสวยงามก็ต่อเมื่อ 
เธอพบความสงบในโลกภายในตัวเธอเท่านั้น

The world around you is only beautiful 
when you are at peace with the world within you. 

Unknown

Image by Trinh_Nghia from pixabay

ที่มา  เพจมนษิธาร  Monsitharn

        (บ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา เดิม)





 

ความคิดเป็นพาหะ


...ที่จริงความคิดนั้น
ไม่ใช่สิ่งที่ชั่วร้ายเลวทรามอะไร 
แต่ความคิดเป็นพาหะนำความโกรธ 
ความโลภ และความหลงมา 
ถ้าสามารถรู้ตัวได้ แล้วใช้ความคิดได้อย่างอิสระ 
ความโลภ ความโกรธ ความหลง 
ก็แยกทางไป ก็ดับไปตามกาลเวลาอันสมควร 
เพราะโดยพื้นใจของเรานั้นไม่มีอยู่แล้ว 
สิ่งแปดเปื้อนมลทินเหล่านั้น
ไม่มีอยู่จริงแท้และถาวร 
มันมีต่อเมื่อเราเผลอ 
พอเผลอก็คิดโลภ คิดโกรธขึ้นมา 
แต่ถ้าเรารู้ตัว ไม่มีความคิดโลภ คิดโกรธ 
คิดแล้วไม่รู้ตัว (หลง) เราก็มีปกติดี
.
แท้จริงจิตใจเป็นสิ่งบริสุทธิ์
ตามธรรมชาติอยู่แล้ว 
คนทุกชาติทุกภาษามีจิตใจเหมือนกัน 
แต่พอความคิดเกิดก็ต่างกัน 
พอความโลภ ความโกรธ ข้อจำกัดเกิดขึ้น 
ยึดมั่นในชาติพันธุ์ของตัว ในผิวพรรณ วรรณะ 
ในเพศ ในวัยของตัวเอง 
.
ดังนั้นถ้าเราทันท่วงทีขณะที่ความคิดเกิด 
ปัญหาที่แก้ยากที่สุด 
จุดที่สะสางยุ่งยากที่สุด 
ทั้งปัญหาส่วนปัจเจกและสังคมโลกก็จะถูกแก้ไข...

ท่านเขมานันทะ

Image by ferofero2002 from pixabay

ที่มา  เพจมนษิธาร  Monsitharn

        (บ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา เดิม)




 

“การตรัสรู้”


“การตรัสรู้” ไม่ได้เกี่ยวกับการไปยังสถานที่อื่นใด 
หรือการบรรลุบางสิ่งที่เราไม่ได้มีอยู่ในขณะนี้ 
การตรัสรู้ก็คือ เมื่อที่สิ่งบดบังทั้งหลาย
เริ่มหลุดออกไป 
เราก็จะเผยสภาวะอันแท้จริง 
หรือเผยธรรมชาติแห่งพุทธะ

ภิกษุณีเพม่า โชดรัน 

Image by  pr9203 from pixabay

ที่มา  เพจมนษิธาร  Monsitharn

        (บ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา เดิม)



 

สมาธิมิใช่เพื่อควบคุมความคิด


สมาธิมิใช่เพื่อควบคุมความคิด 
แต่คือการเรียนรู้ว่าทำอย่างไร 
จึงจะไม่ปล่อยให้ความคิดควบคุมเรา

Meditation is not for controlling thoughts. 
It’s about learning how to not let thoughts control you.

Unknown

Image by  Franz26 from pixabay

ที่มา  เพจมนษิธาร  Monsitharn

        (บ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา เดิม)



 

จึงเกิดการวาง


ถ้าเราเจริญสติถูกต้อง
จะเริ่มเห็นแล้วว่า
ความโกรธไม่ใช่เรา 
ความเกลียดไม่ใช่เรา
ความทุกข์ไม่ใช่เรา
ความปวดไม่ใช่เรา 
ความสุขก็ไม่ใช่เรา
ความดีใจก็ไม่ใช่เรา
จะเห็นได้เลยนะว่า
อารมณ์พวกนี้ไม่ใช่เรา
แล้วพอเราเห็นพวกนี้ว่าไม่ใช่เรา
ใจจึงไม่เข้าไปยึดไง
จึงเกิดการวาง 
ระยะห่างอันนี้ 
เราเรียกว่า  เห็นด้วย สติ 
ซึ่งเป็นพื้นฐานของ
การทำกรรมฐาน 
เรียกว่า วิปัสสนากรรมฐาน

พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล

Image by Michael_Fotofreund from pixabay

ที่มา  เพจมนษิธาร  Monsitharn

        (บ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา เดิม)


 

และนั่นคือนิพพาน


ผู้คนทนทุกข์เพราะติดอยู่กับความคิดของตัวเอง 
ทันทีที่เราปล่อยวางความคิดความเห็นเหล่านั้น 
เราก็เป็นอิสระและไม่ต้องทนทุกข์อีกต่อไป... 
เมื่อเธอหลุดพ้นจากความเห็น และคำพูดใดๆ
ความจริงก็เผยตัวออกมาให้เห็น 
และนั่นคือนิพพาน

People suffer because they are caught in their views. 
As soon as we release those views, we are free and we don’t suffer anymore… 
When you get free from views and words, reality reveals itself to you, 
and that is Nirvana.

ท่านติช นัท ฮันห์

Image by RelaxSphere from pixabay

ที่มา  เพจมนษิธาร  Monsitharn

        (บ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา เดิม)


 

สุข-ทุกข์.. ล้วนว่างเท่ากัน..


สุข-ทุกข์..
ล้วนว่างเท่ากัน.. 
และสุขก็ไม่ได้ดีไปกว่าทุกข์..
ส่วนทุกข์ก็ไม่ได้แย่เมื่อเทียบกับความสุข .
.ความอิสระไปจากสุข-ทุกข์คือเป้าหมายแท้จริง..
มิใช่การติดสุข

อิโตมิ จัง

Image by niki_emmert from pixabay

ที่มา  เพจมนษิธาร  Monsitharn

        (บ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา เดิม)



 

รู้อะไรขึ้นมา ในจิตก็ว่างๆๆ


ทําจิตให้ว่างให้หมด
ว่างจากความรู้สึกนึกคิด 
ทําจิตให้ตั้งมั่นในสุญญตสมาธิ
มีอนัตตาความว่างเป็นอารมณ์
สุญญตวิโมกข์หลุดพ้นด้วยความว่าง
จิตรับรู้อะไรขึ้นมาก็เตือนจิตว่าว่างๆๆ
ไม่ต้องไปรอ ไม่ต้องวิตกวิจาร
ไม่ต้องรอสังขารปรุงแต่ง

รู้อะไรขึ้นมา ในจิตก็ว่างๆๆ 
ต้องใช้ความว่างข่มมัน
หมายถึงว่าใช้ปากพูดไป เหมือนกับเราบ่นมันนันแน่ะ
ให้ว่างๆๆ เหมือนกับเราคนทั่วไปนั่นแหละ
อยู่เฉยๆ ใครมาบ่นให้เราฟังเราก็ไม่ชอบ
ฉะนั้นเมื่อมันโผล่ขึ้นมา เราก็บอกว่างๆๆ

ไอ้ความทีว่าเราพูดว่าว่างๆๆ ไปกระแทกใจมัน
มันก็อยู่ไม่ได้ มันก็รําคาญ มันก็ต้องออกไป
อารมณ์ทั้งหลายก็จะได้หมดไป สิ้นไป
เพราะฉะนั้น เราไม่ต้องไปห่วงใย
อาลัยอาวรณ์ใครทั้งหมด
ตายตอนนี้ ว่างเดี๋ยวนี้ ไปนิพพานเดี๋ยวนี้

พระอาจารย์นพพร อาทิจฺจวํโส

Image by FelixMittermeier from pixabay

ที่มา  เพจมนษิธาร  Monsitharn

        (บ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา เดิม)



 

ที่พึ่งแห่งจิตที่แท้จริง


จิตเป็นธาตุรู้ 
มีธรรมชาติรู้อารมณ์ 
สิ่งที่ถูกรู้ ไม่ใช่จิต
การอยู่กับผู้รู้ คือ 
ความรู้ตัวอยู่ เรียกว่า ผู้รู้
ความยินร้ายก็อยู่ที่จิต 
ความยินดีก็อยู่ที่จิต
ถ้ามีสติรู้ทันแล้ว
กิเลสจะเข้าครอบงำไม่ได้
.
ที่พึ่งแห่งจิตที่แท้จริง
คือใจที่ตื่นรู้อยู่ภายใน 
กับปัจจุบันขณะ
เรียนรู้สิ่งใดๆ ในโลก
ล้วนเป็นประโยชน์
แต่หามีประโยชน์ที่แท้จริง
เท่ากับการเรียนรู้กายและใจตนเอง
.
อารมณ์ภายนอกล้วนไม่เที่ยง
อารมณ์ภายในเสื่อมสลายทุกขณะดุจกัน
.
เราอาจจะคิดเรื่องความจริง...
แต่เราลืมความจริงว่าเรากำลังหลงคิด
.
สติจำเป็นในทุกที่ ในทุกเรื่อง 
กับทุกสิ่ง กับทุกอย่าง
เป็นธรรมะที่มีอุปการคุณมาก 
เพราะมันไม่ล่องลอย
ไม่ลืมใจ มันต้องมีที่ตั้ง 
.
ที่ตั้งของมัน คือกายและใจ
เมื่อใดที่เราคิดเบียดเบียน 
ปัญญาเราจะดับ
.
สมาธิมันเป็นกิริยาของจิต 
ไม่ใช่กิริยาของกาย
ร่างกายเป็นเพียงเครื่องมือ
ที่ใช้ในการสื่อสารกับโลกเท่านั้น
.
กายและใจเหมือนเหรียญสองด้าน
เมื่อไหร่เรารู้ที่กาย เราจะรู้ที่ใจด้วย
ทุกสิ่งไม่มีตัวตน
เพราะอาศัยสิ่งอื่นเกิดขึ้น
มีตัวกูขึ้นมาเมื่อไหร่บรรลัยเมื่อนั้น 
มีเราขึ้นมาเมื่อไหร่ บรรลัยเมื่อนั้น
.
เราชอบคิดเรื่องความจริง 
แต่ความจริง คือ กำลังหลงคิดอยู่
เราชอบปรุงแต่งเรื่องความรู้ 
แต่ไม่รู้ว่า กำลังปรุงแต่งอยู่
.
ไม่ไหลต่อเนื่องเป็นเรื่องราว
แต่รู้สึกเข้ามาตรงๆ 
ถึงความใสที่ไร้ตัวตน
ตามเห็นบ่อยๆ 
จะรู้ว่า...เกิด...ดับ...บังคับไม่ได้
.
พวกเราอย่าทิ้งสติ
ที่มีอยู่ในชีวิตประจำวัน
จากกายที่เคลื่อนไหว 
การรู้จักอิริยาบถใหญ่
รู้จักอิริยาบถย่อย 
เพื่อให้รู้จักสภาวะต่างๆ ของรูปธรรม
สักแต่ว่าอาศัยเป็นที่ตั้งแห่งรู้
เพื่อไม่เป็นที่อาศัยแห่งความไม่รู้
“ให้มีฉันทะในการปฏิบัติ
แต่อย่ามีตัณหาในผล”

“กวีธรรม”
พระอาจารย์อำนาจ โอภาโส

Image by congerdesign from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา



 

เราต่อสู้ดิ้นรนเพื่อสิ่งที่เราไม่ได้นำมา


เราเกิดมาโดยไม่ได้นำสิ่งใดมาสู่โลกนี้ 
เราตายโดยไม่ได้เอาอะไรไปด้วย 
และสิ่งที่น่าเศร้าก็คือในช่วงเวลา
ระหว่างชีวิตกับความตาย 
เราต่อสู้ดิ้นรนเพื่อสิ่งที่เราไม่ได้นำมา
และสิ่งที่เราเอาไปด้วยไม่ได้

We are born without bringing anything into this world. 
We die without taking anything with us. 
And the sad thing is that in the interval between life and death, 
we fight for what we didn’t bring and what we cannot take. 

Unknown

Image by Mollyroselee from pixabay

อย่าให้ต้องเสียดาย...เราให้น้ำหนักกับสิ่งที่เอาไปได้
คือบุญกุศลความดี น้อยจนไม่น่าให้อภัยจริงๆ

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

แทนที่จะถูกความคิดเหล่านั้นใช้


เมื่อเธอไม่เข้าใจธรรมชาติและที่มาของความคิด 
ความคิดของเธอก็จะใช้เธอ
เมื่อพระพุทธเจ้าทรงทราบธรรมชาติแห่งจิต
ของพระองค์แล้ว 
พระองค์ก็ทรงกลับด้านกระบวนการนี้ 
พระองค์ทรงแสดงให้เราเห็นว่า
เราจะใช้ความคิดของเราได้อย่างไร
แทนที่จะถูกความคิดเหล่านั้นใช้

When you don’t understand the nature and origin of your thoughts, 
your thoughts use you. When the Buddha recognized the nature of his mind, 
he reversed the process. He showed us how we use our thoughts 
instead of being used by them.
---
ท่านมิงจูร์ รินโปเช
Mingyur Rinpoche 

[From the book "The Joy of Living: Unlocking the Secret and Science of Happiness"]

Photo by Rui Xu on Unsplash

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

อย่ามัวเพ้อ หมกมุ่น กับความคิด


อย่ามัวเพ้อ หมกมุ่น กับความคิด
มันลากจิต ก่อภพ หาจบไม่
หากว่ารู้ รู้สึก อย่าหลงไป
จิตไม่ไหล ตั้งมั่น เห็นตามจริง
เห็นตามจริง คือเห็น ว่าไม่เที่ยง
เป็นแค่เพียง บางสิ่ง ที่เปลี่ยนผัน
ไม่มีเรา ภพชาติ ขาดลงพลัน
หลุดจากฝัน ตื่นรู้ เห็นตามจริง
.
พระอาจารย์เจษฎา  คุตฺตจิตฺโต

Photo by Prasad Jadhav on Unsplash

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

มัน “รับ” แต่มัน “ไม่เก็บ”


มนุษย์ที่สมบูรณ์แบบวางจิตใจของตน
ดั่งกระจกเงา 
กระจกไม่จับฉวยอะไรเลย 
กระจกไม่ปฏิเสธอะไรเลย 
มัน “รับ” แต่มัน “ไม่เก็บ”

จวงจื๊อ

The perfect man employs his mind as a mirror; 
it grasps nothing; it refuses nothing; it receives, but does not keep.

Chuang-tzu

Photo by Klara Kulikova on Unsplash

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา