แค่รู้เฉยๆ ก็เป็นการปฏิบัติธรรมที่สมบูรณ์


เคล็ดลับของการปฎิบัติคือ 
อย่าเข้าไปเป็น ให้เป็นผู้รู้ เป็นผู้ดู 
อย่าเข้าไปเป็นมัน 
ถ้าเข้าไปเป็นมัน ไม่ใช่นักปฏิบัติ 
เพราะเวลาเราไม่ปฏิบัติ 
เราก็เข้าไปเป็นอยู่แล้ว
.
เวลาเกิดความโกรธ เราก็โกรธ 
เวลาเกิดความรัก เราก็รัก 
แต่นักปฏิบัติจะต้องเห็น เห็นความโกรธ 
เห็นความรัก เห็นความเบื่อ 
เห็นความขี้เกียจ 
แต่ไม่ได้เข้าไปเป็นผู้ขี้เกียจด้วย 
นี่ปลอดภัยแล้ว
.
ทุกข์จะเกิดขึ้นที่กายมากน้อยแค่ไหน 
แต่ใจเป็นผู้เห็น ความคิดจะปรุงแต่ง
ให้ใจเราเศร้าหมองแค่ไหน 
ใจเราก็ไม่ได้ไปเศร้าหมองด้วย 
เป็นแค่ผู้เห็น ปลอดภัยแล้ว
.
ถ้าเราฝึกบ่อยๆ เจริญสติบ่อยๆ 
รู้สึกบ่อยๆ บริกรรมในความรู้สึกบ่อยๆ 
ต่อไปจิตจะรู้เอง 
สติจะเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ 
ต้องทำบ่อยๆ แล้วเขาก็จะเกิดขึ้นเอง 
เหมือนเราสอนให้เขารู้สึกตัว 
ต้องอาศัยความเพียร ความอดทน 
จึงจะเห็นผล แล้วต้องต่อเนื่องด้วย
.
ไม่ใช่ขณะปฏิบัติเอาจริงเอาจัง 
แต่พอออกไปทานข้าว ฟุ้งเหมือนเดิม 
ต้องให้ต่อเนื่อง จะได้ประโยชน์มาก 
เหมือนเราตำน้ำพริก ตำครั้งเดียวก็ยังกินไม่ได้ 
ต้องตำหลายๆ ครั้ง จึงจะกินได้ 
ทานข้าวคำเดียวก็ยังไม่อิ่ม 
ต้องทานหลายๆ คำ
.
การปฏิบัติก็เหมือนกัน 
ต้องรู้บ่อยๆ รู้บ่อยๆ จึงจะได้ผล 
เรื่องธรรมะไม่ใช่เรื่องยากเย็น 
เรื่องยากคือความคิด ปฏิบัตินี่ไม่ยากหรอก 
มันยากตอนที่จะไม่ได้ปฏิบัติ
.
ง่ายๆ แค่รู้สึก 
เวลากายเคลื่อนไหวก็รู้ เวลาใจคิดก็รู้ 
แค่รู้เฉยๆ 
ก็เป็นการปฏิบัติธรรมที่สมบูรณ์แล้ว 
จบลงที่ความรู้สึกตัวเท่านั้น

อ.กำพล ทองบุญนุ่ม

Photo by Eneko Uruñuela on Unsplash

ที่มา  เพจมนษิธาร  Monsitharn

        (บ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา เดิม)


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น