ถ้าสิ่งภายนอก...


🙏  ๓ สิ่งที่ไม่สามารถซ่อนไว้ในความมืด ...
พระอาทิตย์  พระจันทร์  
~  ความจริง  ~
.
🙏  ถ้าสิ่งภายนอกยังทำให้เราสั่นคลอนได้ 
นั่นแปลว่าเราได้มอบความสงบภายใน ให้เขาไปเสียแล้ว
.
🙏  ความโกรธ สร้างความเจ็บปวดให้เราเสมอ
เราพยายามปล่อยความโกรธใส่คนอื่น แต่ความจริงแล้ว 
เรากำลังทำร้ายตัวเอง ...
.
🙏 หากทุกข์เพราะความรู้สึกผิด
จงหารากของมันให้เจอ
แล้วละเหตุของมันเสีย
.
🙏 เจ้าจะไปที่ไหนก็ได้
แต่สิ่งที่ทำให้เจ้ากระสับกระส่ายที่นี่ 
มันจะทำให้เจ้ากระสับกระส่ายที่อื่นด้วย
.
🙏 เมื่อใดที่รู้สึกอยากล้างแค้น
จงคิดว่า นั่นคือการกำลังออกจากความจริงอันสูงสุด
.
🙏  การเอาแต่คิดถึงความกลัว มันน่ากลัว กว่าความกลัวเสียอีก
.
🙏  ปาฏิหารย์ไม่ใช่การเดินบนน้ำ หรือบนอากาศ
ปาฏิหารย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ การเดินบนโลก
ปาฏิหารย์เกิดรอบตัวของเราทุกวัน
แต่เรามองข้ามไป ...
.
🙏  การคุยถึงอดีตทำให้เราเสียใจ 
การคิดถึงอนาคตทำให้เราอ่อนแอ 
ฉะนั้น ... 
ควรอยู่กับปัจจุบันเถิด
.
🙏  จงเป็นตะเกียงของตัวเอง 
จงตื่นอยู่เสมอ 
จงอย่าเดินตามผู้อื่น
ทุกคนมีความไม่มั่นคง 
จงมั่นคงในท่ามกลางผู้อื่น
จงตั้งสัมมาสติให้มั่น
และ เดินไปตามทางของหลักธรรมที่ได้เรียนรู้ 
.
#พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลกHD

Image by ironhorse71 from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


26 ก.ค.67


 

ปัญญาญาณอัตโนมัติ


จิตนิ่ง ว่างจากการปรุงแต่ง ก่อเกิดความสงบ ..
ความสงบ..ก่อเกิดปัญญาญาณ ที่เหนือความคิด
ปัญญาที่เกิดจากการขบคิด ใคร่ครวญ
พิจารณา (วิปัสสนา) มีอยู่..
และปัญญาที่เกิดเองอัตโนมัติจากจิตนิ่งก็มีอยู่  
เป็นปัญญาธรรมชาติ ที่เหนือความคิด 
ไม่อาศัยความคิด 
เกิดจากการตัดรู้ต่างๆ ทิ้งไป 
ให้คงซึ่งความว่างของจิต 
ปัญญาญาณจะผุดมีขึ้นเองอัตโนมัติ 
ให้ฝึกมีจิตนิ่ง [จิตว่าง] จะเข้าถึงปัญญาญาณ 
ที่เป็นปัญญาของธรรมชาติ 
เป็นปัญญาที่บริสุทธิ์ล้วนๆ..
ปัญญา..พาหลุดพ้น..
หากปรารถนาจะไปถึงความหลุดพ้น 
จำเป็นต้องอาศัยปัญญา

อิโตมิ จัง

Image by TheOtherKev from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


26 ก.ค.67


 

มีเพียงทุกข์แต่ไม่มีผู้ทุกข์


ความทุกข์จะจรเข้ามา 
แต่ผู้มีสติ ย่อมไม่ปล่อยใจไปเป็น “ผู้ทุกข์”
หากเป็นเพียง  “ผู้เห็นความทุกข์”
ผู้มีสติย่อมไม่ตีอกชกหัว เพราะเข้าใจไปว่า
"ตนมีทุกข์” เหลือประมาณ 
หากเห็นความทุกข์นั้น
เป็นเพียงอาคันตุกะที่จรเข้ามา
หากไม่เอาตัวตน เข้าไปแบกรับ 
และปรุงแต่งต่อเติม 
มันย่อมจางหายไปในที่สุด

หลวงพ่อคำเขียน  สุวัณโณ 

ถ่ายทอดโดย  พระอาจารย์ครรชิต  อกิญจโน

Image by Holedulidu from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


26 ก.ค.67



 

ภัยใหญ่แห่งสังสารวัฏ ก็คือความสุข


| ทุ ก ข์ ใ น สุ ข  | 

ญาติธรรม  :  เรื่องของโยมเป็นเรื่องที่เล็กน้อยมาก 
แต่ โยมทุกข์เหลือเกินค่ะ! โยมมีลูกที่น่ารัก แต่เมื่อเราเริ่มยึดเค้า 
รักเค้า คาดหวังในตัวเค้า ไม่นึกว่าสิ่งนี้
จะทำให้โยมทุกข์ได้มากขนาดนี้ 
ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มีความสุขมาก .. (ร้องไห้).. 
โยมจะทำอย่างไรให้ไม่คาดหวังคะ? 
จะตัด จะวางก็ทำไม่ได้ .. 

#พระอาจารย์นวลจันทร์ฯ# : 

วางไม่ได้ ก็ไม่ต้องวาง!
เรามีหน้าที่ "เห็น" เท่านั้นนะ! 
เราไม่ได้มีหน้าที่วาง  
เห็นสังโยชน์ เห็นเครื่องร้อยรัด เห็นพันธนาการ
.
ภัยใหญ่ของสังสารวัฏ 
ก็คือ ความผูกพันนี่แหละ!!
ความผูก แล้วก็ พัน เป็นบทเรียน
ที่คุ้มค่าที่สุดที่จะเรียนรู้ แล้วผ่านมันไป
ดูบ่อยๆ เห็นบ่อยๆ จะเกิด นิพพิทา ขึ้นมา
ต่อเมื่อปัญญาแก่รอบ 
ก็จะกลายเป็น วิราคะ ในที่สุด!
.
คนที่ไม่ภาวนา จะไม่มีวัน "เห็น" เลย!!!
เพราะ สติ สมาธิ ไม่ตั้งมั่นพอ! 
เมื่อใดที่เห็นอุปาทาน 
เราจะได้ปัญญาจากอุปาทาน ..
ถ้าอริยมรรคยังไม่เกิด ยังตัดไม่ได้หรอก!
.
ตัวปัญหา จึงไม่ใช่ตัววัตถุ
 ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือ ยาง ใย 
เยื่ออุปาทานต่างหาก
การตัด การวาง จึงไม่ใช่หน้าที่ของเรา ..
เราทำได้เพียงสร้างเหตุใกล้
ให้ มรรค ได้มีกำลังหล่อหลอมเท่านั้น
.
เราก็ยังคงทำหน้าที่ทางโลกเหมือนเดิมนะ 
ยังคงเป็นแม่ที่ดี ยังคงดูแลในส่วนนี้ต่อไป 
แต่ก็ภาวนา เจริญมรรคไปด้วย
สุดท้ายเมื่อมรรคหยั่งลงมั่น 
มรรคจะทำหน้าที่ชำระ ตัด วาง เอง!!
.
ดีแล้วนะที่เห็น .. 
มีความสุข มีครอบครัวที่อบอุ่น 
หลายคนจะเพลินกับสิ่งนี้
แต่ผู้ที่มีปัญญา จะรู้ว่า 
ภัยใหญ่แห่งสังสารวัฏ ก็คือความสุข
เพราะมันเป็นตัวการทำให้เกิดความผูกพัน
 และความหลงได้เป็นอย่างดี
นี่ล่ะ! ความทุกข์ ในความสุข!!!
.
พระอาจารย์นวลจันทร์  กิตติปัญโญ
  
Image by storytelleradams from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


26 ก.ค.67


 

ความจริงของโลก..ความจริงของธรรมะ


ความจริงของโลก..ทำให้เรารู้แจ้งในธรรมะ..
ความจริงของธรรมะ...ทำให้เรารู้แจ้งโลก..
ความจริงของโลก..
หากเรารู้จักนำมาพิจารณาเป็นธรรม.. 
เราก็จะค้นพบความจริงอันยิ่งใหญ่เหนือโลก..
ความจริงของธรรม..
หากรู้จักน้อมนำมาพิจารณาทางโลก..
จักทำให้พ้นโลก (พ้นจากโลภ โกรธ หลง) ..
และอยู่กับโลกท่ามกลางโลกอย่างสุขร่มสงบเย็น..

อิโตมิ จัง

Image by Tho-Ge from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


18 ก.ค.67


 

วิปัสสนานั้น ไม่ต้องไปคิดอะไร


การปฏิบัติเจริญวิปัสสนานั้น
ไม่ต้องไปคิดอะไร
เพียงมีสติ ระลึกรู้เท่าทันต่อปรมัตถ์
ระลึกปรมัตถ์ที่เป็นปัจจุบันขณะ
มันก็ทำลายอกุศลธรรมลงไป
ได้ด้วยตัวของมันเอง
เมื่อกุศลเกิดขึ้นๆ อกุศลก็จางลง
กุศลมาแทนที่ในปัจจุบันธรรม
.
เหมือนกับเก้าอี้ตัวเดียว
ที่สองคนแย่งกัน
ระหว่างกิเลสกับกุศล
ถ้ากุศลเข้ามาแทนที่ 
อกุศลก็ตกไปจากเก้าอี้นั้น
แต่การจะนั่งก็นั่งได้แป๊บเดียว
ถึงจะเป็นกุศลก็นั่งได้แป๊บเดียว
ถ้าไม่มีการเสริมมาอีก อกุศลก็เข้ามาอีก
ฉะนั้นถ้าหากว่า มีสติระลึก รู้อยู่
อกุศลก็จะละไปในตัว
.
เมื่อเพียรทำกุศลให้เกิดขึ้น
ก็เท่ากับว่าเพียรละอกุศลไปในตัว
อันนี้ก็เป็นการละในวิธีการของวิปัสสนา
คือมีสติรู้เท่าทันต่อ อกุศลธรรม และกุศลธรรม
.
แต่ถ้าเราจะละอกุศล
ด้วยวิธีการที่ไม่ใช่วิปัสสนาก็ละได้
ในลักษณะที่ไม่ได้ศึกษาความเป็นจริง
ละแบบใช้อุบายวิธี
เช่น เราคิดนึกสอนจิตใจของตัวเองว่า
ไม่ควรจะไปโกรธ ไปเกลียด
โดยให้เหตุผลอย่างนั้น อย่างนี้
ก็สามารถจะทำให้กิเลสที่มันเกิดขึ้นขณะนั้น
ถูกละไปได้ชั่วคราว คือ สงบระงับไปได้
แต่มันไม่ได้เป็นวิธีการของวิปัสสนา
.
เมื่อไม่ใช่วิธีการของวิปัสสนา
มันก็ไม่มีปัญญาในการที่จะละโดยเด็ดขาดได้
ไม่มีการสะสมเหตุและปัจจัย
เข้าไปสู่การละโดยเด็ดขาดได้
ที่เรียกว่า ประหารอนุสัยกิเลส
การที่จะเข้าไปสู่การละโดยเด็ดขาด
หรือ ประหารกิเลสโดยเด็ดขาด
ก็ต้องเจริญวิปัสสนา
ให้รู้แจ้งรูปนามตามความเป็นจริง

พระอาจารย์สุรศักดิ์ เขมรังสี

Image by AberrantRealities from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


18 ก.ค.67


 

ธรรมะไม่ใช่เรื่องตลก


ธรรมะไม่ใช่เรื่องตลก 
ที่เอามาพูดเล่นหัวให้ขำน่าติดตาม
พอผ่านไปก็ลืมๆ ไป 
การวนเวียนในสังสารวัฏต่างหาก..ที่น่าขำ
ขำว่า ทำไมเรามันถึงได้โง่
ปล่อยให้สังสารวัฏ มันปู้ยี่ปู้ยำเราอยู่ได้
เดี๋ยวก็ให้ไปเกิดเป็นนั่น เป็นนี่ 
เดี๋ยวก็ยัดเยียดสุขทุกข์ให้
ถูกจับโยนไปๆมาๆเหมือนลูกบอล
ต่อเมื่อมาเจอคำที่แสดงความจริงคือธรรมะ
จึงพอตาสว่าง พอที่จะกระเสือกกระสน
ออกจากสังสารวัฏกันบ้าง
แต่ธรรมะก็ไม่ใช่เรื่องเคร่งเครียด 
ในความจริงแล้ว ผู้ปฏิบัติได้ตรง
ทางใจก็จะมีความสุข ไปตามลำดับเอง
เห็นทุกข์มากขึ้น เห็นภัยในวัฏฏะมากขึ้น 
แต่มีทุกข์น้อยลง จนถึงวันที่บรรจบ 
พบธรรมที่พ้นทุกข์สิ้นเชิง

พระอาจารย์เจษฎา คุตฺตจิตฺโต

Image by shogun from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


18 ก.ค.67


 

พบใจ พบธรรม


ใจคือธรรม พบใจ พบธรรม 
ใจที่ว่างมีอยู่แล้วในตัวเรา 
เพียงแต่มองไม่เห็น 
เพราะความหลงยึดถือในขันธ์ห้า
เป็นอวิชชาที่บังใจอยู่
ปล่อยวางความหลงยึดถือสังขารทั้งปวง 
เมื่ออวิชชาดับ เปรียบดังม่านอวิชชา
ที่บังตาใจเปิดออก 
ก็จะพบใจที่ว่างเปล่าทันที

หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
หนังสือ จบซะที

Image by junfangsjs from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


18 ก.ค.67


 

ห้ามหมาไม่ให้เห่า


ห้ามหมาไม่ให้เห่า
กับเดินหนีไป อะไรง่ายกว่า
.
ห้ามปากคนไม่ให้พูด
กับไม่ต้องสนใจ อะไรง่ายกว่า
.
ห้ามความคิดคนอื่น
กับห้ามความคิดตัวเอง อะไรง่ายกว่า
.
ห้ามไม่ให้คนเกลียด
กับมองข้ามไป อะไรง่ายกว่า
.
ห้ามคนอื่นไม่ให้โกรธ
กับอย่าไปโต้เถียง อะไรง่ายกว่า
.
ห้ามคนอื่นทำเลว
กับห้ามตัวเองไม่ให้ทำชั่ว อะไรง่ายกว่า
.
บางอย่าง...
ห้ามไม่ได้ เปลี่ยนไม่ได้ แก้ไม่ได้
ถ้าคิดจะหยุดคนอื่น 
“หยุดตัวเอง” ให้ได้ง่ายกว่า

Cr.สามก๊ก

Image by SimonRei from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


16 ก.ค.67







 

ตายก่อนตาย


ปุจฉา : ขอเรียนถามท่านอาจารย์ว่า 
ตายก่อนตายนี้ต้องวางจิตอย่างไร? 
อ.กำพล ทองบุญนุ่ม วิสัชชนา : 
วางจิตอะไรไม่ได้หรอก 
คนที่จะตายก่อนตายได้นั้น 
ต้องเป็นคนที่ต้องเข้าใจเรื่องชีวิต 
เข้าใจเรื่องชีวิตเพื่อให้รู้ว่า
ชีวิตนี้มันไม่ใช่เรา 
ถ้ามันไม่ใช่เรา มันก็ไม่มีเรา
เมื่อไม่มีเราแล้วเวลาร่างกายมันจะตาย
แล้วจะเอาเราที่ไหนไปตาย มันต้องแบบนั้น 
เราจะไปวางจิตมันไม่ได้ ต้องฝึกให้เห็นว่า
ความจริงนั้นมันคืออะไร ชีวิตมันคืออะไร 
มันเป็นของเราจริงหรือเปล่า 
.
ถ้าเป็นของเรามันก็ต้องเชื่อเรา 
เมื่อมันไม่เชื่อ เราก็ต้องดูแลมันไป 
ถ้ามันไม่ใช่เราเมื่อไหร่ละก็ 
เราก็ไม่มี มันก็ไม่มีใครตาย 
นั่นล่ะเรียกว่า ตายก่อนตาย
มันอาจจะทำยาก 
ก็ต้องเริ่มจากการที่ฝึกจิตให้มันเข้มแข็ง 
มีสมาธิตั้งมั่น และจิตมันก็จะเกิดปัญญา 
เห็นความไม่ใช่เราในกายและในจิต 
เราต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ 
เราเคยเข้าใจผิด เมื่อเราเข้าใจถูก 
ยอมรับมันได้ มันก็ปล่อยวาง
ไม่ยึดมั่นถือมั่น ตรงนี้มันก็เป็น
ที่สุดของการปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนา
.
อ.กำพล  ทองบุญนุ่ม 
ชมรมเพื่อนคุณธรรม

Image by Pexels from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


16 ก.ค.67






 

เมื่อเข้าใจคำว่า พุทธ คำเดียว


จงตื่นเดี๋ยวนี้ !
คำว่า "พุทธ" ในภาษาจีน
บัญญัติขึ้นตามภาษาสันสกฤต
ออกเสียงว่าฝู (Budh)
เป็นคำประสมมีสองส่วน
ส่วนทางซ้ายมีสองขีด แปลว่า ตัวตน
ส่วนทางขวา แปลว่า ความไม่มี
.
เมื่อไม่มีตัวตน ก็ไม่มีการแบ่งย่อยเป็นบุคคล
ไม่มี ฉัน เธอ เขา พวกเรา พวกอื่น
ไม่จำแนกว่าเป็นสัตว์ต่างๆ พืชต่างๆ
ไม่แยกว่าเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต
.
เป็นการว่างจากความคิดปรุงแต่งทั้งปวง
เมื่อเข้าใจคำว่า พุทธ คำเดียว
ก็เหมือนเข้าใจศาสนาพุทธทั้งหมด
.
ในวัชรปรัชญาปารมิตาสูตร
ของศาสนาพุทธฝ่ายมหายาน
ได้ขยายความว่า
อัตตา บุคคล สัตว์ ชีวะ
ล้วนไม่มีอยู่จริงในปรมัตถสัจจะ
เป็นเพียงรูปและนามที่สมมติขึ้น
เพื่อการสื่อสารกันเท่านั้น
.
เมื่อเจาะลึกแยกแยะด้วยปัญญาแล้ว
ก็จะพบแต่ความว่างเปล่า
เหมือนลอกกาบกล้วยออกจนหมด
ก็ไม่พบแก่น มีแต่ภาวะที่
เสมือนว่ามี แต่ความจริงไม่มี
เรียกว่า อนัตตา
.
ที่สุดแม้กระทั่ง ทุกข์
ทุกขสมุทัย นิโรธ และ มรรค
ก็เป็นเพียงนามสมมติ
ที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติขึ้น
เพื่อใช้สอนสาวก
ถ้ายังติดสมมติ ยังคิดเป็นรูปคิดเป็นนามอยู่
ก็ชื่อว่ายังติดอยู่ในรูปภพและอรูปภพ
ยังมีอุปาทานที่ละเอียดแฝงอยู่
จึงยังไม่พ้นไปจากความทุกข์
.
ต่อเมื่อทิ้งความยึดมั่นถือมั่นเหล่านี้ลงเสียสิ้น
จึงจะออกจากความทุกข์ได้
เหมือนคนตื่นจากความฝัน ว่ามีตัวมีตน
มีความเป็นโน่นเป็นนี่
ในตอนจบของพระสูตรยังลงท้ายว่า
ให้เจริญสติ จนเกิดโพธิสวาหะ
แปลว่า ทำให้ตื่นขึ้นเดี๋ยวนี้

จากเพจศาสนาและวิทยาศาสตร์

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา



 

ธรรมชาติแท้จริงของเรา ตื่นรู้อยู่แล้ว


ใครๆ มักเข้าใจว่า 
การตรัสรู้คือการบรรลุภาวะจิตใหม่ 
ราวกับภาวะนั้นเป็นเป้าหมายให้เข้าถึง 
หรือเป็นสิ่งนอกกายที่ต้องขวนขวายให้ได้มา 
.
แต่พระพุทธเจ้าทรงเห็นว่า 
จิตที่ยึดมั่นถือมั่นของพระองค์
นั่นแหละคือปัญหา 
ที่ผ่านมาทรงมองเห็นความจริง
กลับหัวกลับหางไปหมด 
.
หลังจากพยายามควบคุมจิต 
และปฏิเสธความจำเป็นพื้นฐาน
ของร่างกายมาหลายปี 
พระองค์ทรงตัดสินพระทัยไม่พยายาม
ที่จะได้มาซึ่งการตรัสรู้ 
หากเพียงแต่นั่งมองจิตให้เห็นว่า 
จะเรียนรู้อะไรได้บ้างจากการสังเกต
สิ่งที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน 
พระองค์ทรงทำเยี่ยงนี้ขณะประทับอยู่ใต้ต้นโพธิ์ 
และได้พบว่า ธรรมชาติแท้จริงของเรานั้น
ตื่นรู้อยู่แล้ว บริบูรณ์อยู่แล้วอย่างที่มันเป็น 
และแท้จริงแล้วสิ่งที่ทรงแสวงหา
ก็มีอยู่แล้วในพระองค์เอง 
.
ปัญญาที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบ
เป็นสิ่งง่ายๆ แต่ยากที่จะรับได้ 
คำสอนของพระองค์ทำให้เรารู้ว่า 
มีส่วนหนึ่งของตัวเราซ่อนอยู่เงียบๆ 
โดยที่เราไม่รู้ นี่คือความย้อนแย้ง
อย่างยิ่งในวิถีพุทธ 
ที่ว่าเราฝึกฝนเพื่อจะได้รู้สิ่งที่มีอยู่แล้วในตน 
ดังนั้นจึงไม่ได้เข้าถึงสิ่งใด 
ไม่ได้ได้มาซึ่งสิ่งใด ไม่ได้ไปสู่ที่ใด 
เราแสวงหาเพื่อเปิดเผย
สิ่งที่มีอยู่แล้วตรงนั้นเสมอมา

ท่านมิงจูร์ รินโปเช
จากหนังสือ “รักโลก”

Image by oasis502 from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา






 

บุพกรรมของพระพุทธเจ้า



Admin เอาเรื่องนี้มาฝากก็เพื่อจะให้เห็นว่า ความผิดพลาดเป็นธรรมดาของทุกชีวิต 
ความสำคัญอยู่ที่ เราจะต้องพลิกจิตร้ายเป็นจิตดี และในที่สุด 
เป็นจิตที่ปล่อยวางได้ทั้งดีและร้ายเท่านั้น
....................

กรรมเก่าของพระพุทธองค์

- ได้ถวายผ้าแด่พระภิกษุรูปหนึ่งที่อาศัยอยู่ในป่า แล้วเริ่มตั้งความปรารถนา
เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต กรรมนั้นส่งผลให้ได้มาเป็นพระพุทธเจ้า
.
- เกิดเป็นคนเลี้ยงโค ต้อนโคไปสู่ที่เลี้ยง เห็นแม่โคตัวหนึ่งกำลังก้มดื่มน้ำขุ่น 
จึงได้ดึงเชือกไว้ไม่ให้ดื่ม แล้วตักน้ำใสมาให้ดื่ม เกิดมาชาตินี้ 
เมื่อคราวกระหายน้ำก็ไม่ได้ดื่มน้ำตามความปรารถนา
.
- เกิดเป็นนักเลงชื่อปุนาลิ ได้กล่าวตู่พระปัจเจกพุทธเจ้าชื่อสุรภี 
ด้วยวิบากกรรมนั้น ได้ตกนรกยาวนาน ด้วยเศษกรรมนั้น
ชาตินี้ได้ถูกกล่าวใส่ความเพราะเรื่องของนางสุนทริกา
.
- ได้กล่าวคำไม่จริงใส่ความพระสาวกของพระพุทธเจ้านามว่านันทะ  
ตกนรกอยู่หนึ่งหมื่นปี เศษกรรมนั้นได้ถูกชาวเมืองกล่าวใส่ร้ายด้วยคำไม่จริง
เพราะเรื่องของนางจิญจมานวิกา
.
- เกิดเป็นพราหมณ์ชื่อสุตวา มีคนเคารพสักการะบูชามาก เป็นอาจารย์สอนมนต์ 
ได้เห็นฤาษีผู้มีอภิญญามาสู่สำนักของตน จึงกล่าวใส่ร้ายพวกฤาษีนั้นว่าเป็นพวกเสพกาม 
ด้วยกรรมนั้นได้ถูกกล่าวใส่ร้ายเพราะเหตุแห่งนางสุนทริกา
.
- ได้ฆ่าน้องชายต่างมารดาเพราะเหตุแห่งทรัพย์ โดยล่อลวงไปที่ซอกเขา 
แล้วกลิ้งก้อนหินบดทับ ด้วยวิบากกรรมนั้น เทวทัตจึงกลิ้งก้อนหินใส่
.
- เกิดเป็นเด็กในเมืองหนึ่ง เล่นอยู่ตามถนนใหญ่ เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าเดินมา 
จึงแกล้งจุดไฟรอบๆหนทางไว้ไม่ให้ท่านเดินไปได้ ด้วยวิบากกรรมนั้น 
จึงถูกเทวทัตจ้างนายขมังธนูลอบทำร้าย
.
- เกิดเป็นนายควาญ ได้ไสช้างไปจับมัดพระปัจเจกพุทธเจ้ากำลังบิณฑบาตอยู่ 
ด้วยวิบากกรรมนั้น ช้างนาฬาคีรีตัวดุร้ายตกมัน ได้หลุดจากคอกวิ่งมาทำร้าย
.
- เกิดเป็นนายทหารราบ คุมทัพออกศึกฆ่าคนตายเป็นอันมากด้วยหอก 
ด้วยผลกรรมนั้น ได้ไปสู่นรกถูกไฟเผาไหม้อยู่ยาวนาน แม้ในชาตินี้ ก็ถูกไฟไหม้ที่หนังเท้า
.
- เกิดเป็นลูกของชาวประมง เห็นมีการจับปลาได้เป็นจำนวนมาก 
แล้วดีใจที่เขาจับปลาได้มาก ด้วยความยินดีในบาปของผู้อื่น กรรมนั้นทำให้ปวดศีรษะในชาตินี้
.
- ได้ด่าพระสาวกของพระพุทธเจ้านามว่าผุสสะ ห้ามการฉันอาหารที่ดี 
ด้วยกรรมนั้น ได้ฉันข้าวแดงอยู่สามเดือนที่เมืองเวรัญชา
.
- เกิดเป็นนายกรรมการ คอยห้ามมวยที่ขึ้นชก ด้วยวิบากกรรมนั้น ทำให้ปวดหลังในชาตินี้
.
- เกิดเป็นหมอยา ให้ยาถ่ายแก่ลูกเศรษฐีจนถึงแก่ความตาย 
ได้ป่วยเป็นโรคถ่ายเป็นเลือด(ปักขันทิกาพาธ)ก่อนจะปรินิพพาน
.
- เกิดเป็นพราหมณ์ชื่อ โชติบาล ได้กล่าวดูถูกพระพุทธเจ้านามว่ากัสสปะว่า 
ความเป็นพระพุทธเจ้าตรัสรู้ได้โดยยาก สมณะโล้นนี้จักเป็นพระพุทธเจ้าได้อย่างไร 
ผลกรรมนั้นทำให้ต้องบำเพ็ญทุกรกิริยาอยู่ถึงหกปีจึงบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณ
.
อ้างอิงจาก : พระไตรปิฎก พุทธปาทานปุพพกรรม
ปิโลติที่ ๑๐ เล่ม ๓๒ หน้า ๓๖๑ ฉบับสยามรัฐ
ถอดความโดย 
จารุวณฺโณ ภิกฺขุ
จาก fb.เขมจิตฺโต ภิกฺขุ
ภาพจากกลุ่ม AI พทธศิลป

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


12 ก.ค.67




 

เห็นใจที่หลุดพ้น



วัตถุมงคล ของขลังใดๆ
ก็ไม่ช่วยรอดจากคุก
คุกสังสารวัฏ
ของขลัง “ขัง” จริงๆ
ยิ่งทำให้จิตนั้นอ่อนแอ
ก้อนหิน ต้นไม้ รูปปั้น 
.
แต่เมื่อเห็นความเป็นจริง 
ใจที่กล้าหาญ เผชิญสิ่งที่ดีและร้าย
เห็นไปตรงๆ ไม่ร้องขอจากใครช่วย
เธอจะมีปัญญา หลุดพ้น 
ผ่านสิ่งที่ดีและ ร้าย 
และเห็นธรรม
.
มันก็เป็นโปรแกรม 
ถ้าเธอเชื่อสิ่งใด
มันก็ข้ามภพข้ามชาติ เกิดกี่ชาติๆ 
ก็ร้องขอลูกช้าง งู ก้อนหิน ต้นไม้ 
อะไรๆ ก็กราบหมด
สิ่งเหล่านี้จะมาช่วยเธอได้ไหม
.
ที่อาจารย์บอกก็อยากให้เธอ
เห็นความเป็นจริงว่า
ไม่มีอะไรช่วยเธอได้ 
แต่ที่ช่วยเธอได้ก็มาจากเธอ
บางคนอาจจะไม่ชอบ มันฝืนใจ 
ไม่ตรงใจหลายคน
.
ที่อาจารย์บอก ก็สะกิด
กระแสโลกมันแรง กระแสสังสารวัฏ
ถ้าเธอไม่เห็นภัยสังสารวัฏ
ก็จะเผลอไปเป็นนักเดินทางทันที
.
อุดส่าห์มีคนมาชี้ แต่ก็แพ้ความรู้สึกที่ผุดขึ้นมา 
อาจารย์อยากให้เห็นใจที่หลุดพ้น
จากอารมณ์ทั้งปวง อุปาทาน สิ่งที่เธอยึดถือ
นั้นยิ่งกว่า การมีของขลังใดๆ  
.
เวลาทุกข์ ก็ทุกข์จากไหนเล่า
ภพชาติเธอน้อยลง ใจไม่อ่อนแอ
ไม่ติดอยู่ในคุกสังสารวัฏ 
ก็มาจากจิตที่ไม่อ่อนแอ
ตอนก่อนจะตุย มันเศร้า ทุกข์ระกำทรวง 
ร้องขอ ช่วยลูกช้าง ลูกม้า ด้วย 
นึกถึงดวงจิตจะอ่อนแอขนาดไหน 
หรือ
ถ้ามีปัญญา  
รู้ว่ารูปนี้ นามนี้ อารมณ์นี้  
ความคิดนี้มิใช่เรา
ก็จะมีแรง อิสระจาก แรงดึงดูด แรงกรรม 
.
แต่จะเห็นแบบนี้ได้  ก็
อย่าเพิ่งทำอะไรตามใจ ตามความคิด
แต่เห็นใจ เห็นความคิด ที่มิใช่เรา
นั้นจึงเห็นธรรม
.
เมื่อเห็นธรรม “ของขัง” ในตัวจะหมดไป
แต่ที่ขังคุกนี้  ก็คือรูปนามกายจิต 
ก็เยอะพอแล้ว
แต่สิ่งที่ขังเธอ ก็ที่เธอคิดว่า มันขลัง
นั้นก็จะบดบัง มิให้เธอมาเห็นมาสนใจธรรม
มันไม่สนใจธรรม  ไม่สนการหลุดพ้น 
แต่มันจะเรียกร้องหาของขัง 
มันฝังไว้ในจิต ในดีเอ็นเอ 
ข้ามภพข้ามชาติเลย
เกิดมาไม่ต้องไปบอกมันก็เชื่อทันที 
วิ่งหาทันที  ใครบอกอะไรเชื่อหมด
แต่ถ้าใครสอนธรรม
มันทนฟัง 10 นาทียังไม่ได้เลย

พระอาจารย์ปกรณ์นันทน์ ฐิตธัมโม

Image by wal_172619 from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


12 ก.ค.67


 

ถอนเราออกจากตัวสมุทัยอยู่เสมอ


ถอนเราอยู่เสมอ
ถอนเราออกจากคำว่า “สังขาร” อยู่เสมอ
อย่าไปยึดสังขารเป็นความปรุงความแต่ง
ตัวสมุทัยนั้นอย่าไปยึด
ถอนเราออกจากสมุทัย
ถอนเราออกจากตัวสมุทัยอยู่เสมอ
ไม่มีอะไรเป็นสมุทัย
นอกจากตัวปรุงตัวแต่งตัวนี้ล่ะเป็นเหตุ
เหตุที่สมมุติกันว่าเป็นเหตุให้เกิดทุกข์
เปลื้องออกมาให้ได้
จิตที่เปลื้องออกมาได้นั้น
ไม่ต้องพูดว่าเป็น นิโรธ
ไม่ต้องพูดมันก็เป็น
เพราะเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์มันไม่มี

หลวงปู่แบน ธนากโร

Image by jggrz from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


12 ก.ค.67


 

คําว่าอนัตตา คือ...


..พระพุทธเจ้าสอนเราเรื่อง “อนัตตา”
อนัตตาไม่ได้แปลว่าไม่มีอัตตา
ไม่มีอัตตา เป็นคู่ตรงกันข้ามกับ อัตตา
แต่อนัตตาคือ เหนือทั้งไม่มีอัตตา
และมีอัตตา
คําว่าอนัตตา คือ ว่างจากความเป็นสัตว์ 
ตัวตน บุคคล เรา เขา
นี่คือสัมมาทิฏฐิโลกุตระข้อแรก
ในอริยมรรคมีองค์ 8…

Camouflage

จากหนังสือ มีใครอยู่ข้างในมั้ย?

Image by dimitrisvetsikas1969 from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา



 

รู้ซื่อๆ ดูเหมือนโง่แต่ที่จริงแล้วฉลาดที่สุด



ตัวรู้ซื่อๆ ตัวเดียว มันครอบคลุมทั้งหมด 
สักแต่ว่าเห็น สักแต่ว่าได้ยิน สักแต่ว่ารู้ 
โดยที่ไม่ปรุงแต่ง
 
บางคนถามว่าสักแต่ว่าเฉยๆ 
มันจะกลายเป็นคนโง่หรือไม่? 
อาตมาจึงให้ไปหาไม้มา 
อันหนึ่งตรง อันหนึ่งคด 
แล้วแทงลงไปในดิน 
ไม้ที่คดแทงไม่เข้าเพราะมันงอเสียก่อน 
อีกอันหนึ่งเป็นไม้ตรงๆ 
แทงลงไปในดินได้ลึกเลย 
ตรงๆ แบบนี้มันไปลึก 
ถ้าไม่ตรงมันไปไม่ลึก 

จิตที่คดเลยโง่ จิตที่ฉลาดจริงๆ 
จะแทงตรงได้ลึก 
จิตที่ซื่อๆ ตรงๆ เป็นคนฉลาดมาก 
ฉลาดแบบคมในฝัก 
คนคดฉลาดแบบนอกฝัก 
ยิ่งโชว์ก็ยิ่งเห็นว่ามันคด

ถ้าเราหาคำตอบจากความคิด 
ปัญญามันจะคด 
แต่ถ้าเราหาปัญญาจาก
การรู้ซื่อๆ ตรงๆ มันลึก 
เข้าใจอะไรได้ละเอียด 
แต่เราไม่แสดง รู้แต่ไม่พูด 
การรู้ซื่อๆ ตรงๆ ดูเหมือนคนโง่ 
แต่เป็นวิธีที่ฉลาดที่สุด

หลวงพ่อมหาดิเรก พุทธยานันโท

Image by CDD20 from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา