การไร้ตัวตน ก็ไม่มี


พระพุทธองค์
กล่าวว่า ตัวตน นั้นเป็นโทษ
แล้วทรงสอนเรื่อง การไร้ตัวตน
พระองค์ทรงสอนอีกว่า
ตัวตน ก็ไม่มี
การไร้ตัวตน ก็ไม่มี

ท่านนาคารชุน 
มูลมัธยามกะการิกา
----------------------------
The Buddhas impute a ‘self’, teach ‘selflessness’, 
and teach that there is neither self nor selflessness.

NAGARJUNA

*Mulamadhyamakakarika

เพจ มหายานธิเบต

Image by KIMDAEJEUNG from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

การวางใจที่ถูกต้อง


การฝึกปฏิบัติธรรม
ไม่ว่าจะอยู่ในระดับไหนก็ตาม
ระดับเบื้องต้น ระดับท่ามกลาง
หรือระดับที่สุด
สิ่งสำคัญที่สุด คือการวางใจที่ถูกต้อง
.
การวางใจที่ถูกต้อง เป็นอย่างไร?
ก็คือ เดินอยู่ในเส้นทาง ที่เรียกว่า
ทางสายกลาง นั่นเอง
.
เส้นทางสายกลาง เพื่อกลับคืนสู่
ความเป็นกลางของธรรมชาติ
นั่นคือ การวางใจที่ถูกต้อง
ละความพอใจ ไม่พอใจในโลก
.
เวลามีสิ่งที่ดีเกิดขึ้น
เราก็มักเกิดความรู้สึกที่พอใจขึ้นมา
ก็รู้เท่าทัน ละความพอใจในโลก
.
เวลามีสิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้น
เกิดความรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา
ก็ละ รู้เท่าทัน ละความไม่พอใจในโลก
.
ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
มีความเพียร มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อม
มีสติ ละความพอใจ ไม่พอใจในโลก
อันนี้คือหลักการของการฝึกปฏิบัติ
ตลอดเส้นทางที่จะนำไปสู่
ความหลุดพ้นจากวัฏสงสาร
เส้นทางที่เส้นเดียว
ทางสายเดียวก็คือ ทางสายกลางนั่นเอง
เพื่อกลับคืนสู่ความเป็นกลางของธรรมชาติ
.
ธรรมชาติที่บริสุทธิ์ มีความเป็นกลางอย่างยิ่ง
ไม่มีความพอใจ หรือความไม่พอใจใดๆ ในโลก
ดำรงไว้ซึ่งความเป็นกลางของธรรมชาติ
เพราะฉะนั้น เราจะเข้าถึงความเป็นกลางที่แท้จริง
ก็คือ คืนสู่ความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ...

พระมหาวรพรต กิตฺติวโร

Image by KIMDAEJEUNG from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา



 

การปฏิบัติธรรมทุกระดับต้องมีอุเบกขา


การปฏิบัติธรรมในทุกระดับ
ไม่ว่าจะเป็นทาน เป็นศีล เป็นภาวนา
ถ้าเรามีไม่มีอุเบกขา
โอกาสที่จะก้าวหน้าก็เป็นไปโดยยาก
.
ในเรื่องของการให้ทาน
ถ้าเราไม่มีอุเบกขาในการให้ทาน
ให้แล้วบางคนก็ยังตามไปตรวจว่า
ของที่ทำไปท่านได้เอาไปใช้เอาไปฉันจริงหรือเปล่า?
นั่นคือลักษณะของการขาดอุเบกขาในการให้ทาน
ทำแล้ว ให้คนอื่นไปแล้ว
แต่ยังไม่ขาดจากใจตัวเอง ยังยึด ยังเกาะอยู่
โอกาสที่จะติดอยู่แค่กามาวจรภูมิก็มีมาก
.
ในการรักษาศีล เมื่อเราล่วงละเมิดศีลโดยไม่ได้เจตนา
ถ้าเรามีอุเบกขา ก็คือปล่อยวาง
แล้วตั้งหน้าตั้งตาชำระศีลให้บริสุทธิ์ใหม่
แต่ถ้าหากเราไม่มีอุเบกขา
เราก็จะไปเศร้าหมองอยู่ตรงนั้นว่า
เรารักษาศีลมาได้ตั้งนานแล้ว
ไม่น่าที่จะบกพร่อง
ลักษณะอย่างนั้น ถ้าเราตายตอนนั้น
สภาพจิตเศร้าหมองจะนำเราไปลงอบายภูมิ
.
ส่วนในเรื่องของการภาวนานั้น
สมาธิทุกระดับจะมีตัวอุเบกขาอยู่เสมอ
ตั้งแต่อุเบกขาของปฐมฌาน
อุเบกขาของฌานที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕
ตัวที่ ๕ นี่ชัดเจนที่สุดเลย
ก็คือเหลือแต่อารมณ์อุเบกขาล้วน ๆ
เรียกว่า ปัญจมฌาน
สำหรับบุคคลที่มาสายพระโพธิสัตว์
จะเข้าถึงตรงจุดนี้ได้
ฉะนั้น...ถ้าเราขาดตัวอุเบกขา
ซึ่งปนอยู่ในเอกัคตารมณ์
ก็คืออารมณ์ที่ตั้งมั่นเป็นหนึ่งเดียว
เราก็ไม่สามารถที่จะเข้าถึงสมาธิภาวนา
ในแต่ละระดับได้อย่างแท้จริง
.
ส่วนอุเบกขานั้นในวิปัสสนาญาณนั้น
ก็คือการเลิกการปรุงแต่ง ตาเห็นรูป
หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส
กายสัมผัส ใจไม่นำมาคิด
สักแต่ว่าเห็น สักแต่ว่าได้ยิน
สักแต่ว่าได้กลิ่น สักแต่ว่าได้รส
สักแต่ว่าสัมผัส เมื่อใจไม่คิด
ความดีความชั่วก็ไม่เกิด
กุศลกรรมและอกุศลกรรมไม่เกิด
ในเมื่อสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ไม่เกิด
เพราะขาดการปรุงแต่ง
คำว่า "ไม่เกิด" ก็คือ "ดับ" นิโรธ
คือความดับก็ปรากฏขึ้น
โอกาสที่เราจะเข้าถึงพระนิพพานจึงจะมีได้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. (หลวงพี่เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน จ.กาญจนบุรี
Image by Pexels from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

กรรมขวางบุญ


เราเป็นพุทธศาสนิกชนที่เข้าวัดทำบุญสร้างกุศลกัน
เพียงหวังปรารถนาให้ชีวิตของตนดีขึ้น
และเป็นไปอย่างที่ใจเราต้องการ
หรือทำเพื่อความสบายใจ ทำตามที่เขาทำๆกันมา
ซึ่งการเข้าวัด ย่อมมีการทำบุญ และเกิดการขวางบุญเป็นธรรมดา
.
ขอยกตัวอย่างพอประมาณ ดังนี้ :-
.
เขาจะเดินเข้าไปในโบสถ์วัด...เราก็ไปขวางทางเดินเขา
บางครั้งเขาไหว้พระอยู่...เราก็คุยกันเสียงดัง
เกิดเป็นกรรมขึ้นมา
.
ไม่เฉพาะในวัดเท่านั้น แม้แต่เวลาจะมีการให้ทานเช่น
                                                          แม่ลูกเดินไปเจอขอทาน
แล้วลูกจะให้ทานแก่ขอทานนั้น
แต่แม่มาปรามไว้ว่า...อย่าให้
เพราะกลัวขอทานเป็นมิจฉาชีพ
ซึ่งถึงขอทานนั้นจะเป็นมิจฉาชีพจริงหรือไม่
.
มีซองผ้าป่ามาที่บ้าน
แฟนกำลังใส่เงินทำบุญไป 100 บาท
แต่เราไปบอกแฟนว่า 20 ก็พอ
เพราะแทนที่แฟนจะได้สร้างกุศลในปัจจัย 100 บาท
กลับถูกขวางให้เหลือ เพียง 20 บาทเท่านั้น
.
ไปหลอกเขาว่านี่น้ำเก๊กฮวย แต่ที่จริงเป็นเหล้า
เป็นการขวางไม่ให้เขารักษาศีลได้สำเร็จ
ทั้งยังไปทำลายศีลเขาอีกด้วย
.
มีผู้ฟังธรรมหรือแสดงธรรมอยู่
ก็ไปทำให้ผู้ฟังเขาไม่สนใจฟัง
โดยคุยเรื่องอื่นๆ ขึ้นมาแทรก
และควรระวังควบคุมถ้านำบุตรหลานท่านไป
.
เขานั่งสวดมนต์อยู่ ก็ไปชวนคุยออกนอกเรื่อง
เพราะแทนที่เขาจะได้สวดมนต์สร้างกุศลต่อ
กลับต้องมาหยุด เพราะคำพูดของเรา
.
เขานั่งสมาธิอยู่ เราเปิดเพลงเสียงดัง
คุยโทรศัพท์เสียงดัง จนทำให้เขาต้องหยุดนั่งสมาธิไป
หรือนั่งได้ลำบากยิ่งขึ้น
.
และอาจเป็นกรรมที่เราคาดไม่ถึง ซึ่งสรุปได้ว่า..
ทุกสิ่งที่เป็นการสร้างกุศล
แต่มีผู้ที่มาลดทอน ก่อกวนให้สร้างไม่สำเร็จนั้น
ย่อมเรียกว่า การขวางบุญ
.
จะสำเร็จได้ยาก เหมือนมีอะไรที่เป็นอุปสรรค
เข้ามาขวางตลอดเวลา
อาจตาบอด หูหนวก ปางแหว่ง มีปัญหาทางช่องปาก
เป็นผู้ที่เขลาเบาปัญญา
เกิดมาเตี้ยผิดปกติ หรือที่เรียกว่าคนแคระ
.
ที่สุดแล้วต้องไปชดใช้กรรมในอบายภูมิ
อย่างแสนสาหัสยาวนานต่อเนื่อง
เพราะการขวางบุญ เหมือนเราไปขวาง
ทางสว่างของชีวิตผู้อื่น
เมื่อเราขวางทางสว่างของผู้อื่น
เราย่อมรับผลของกรรมนั้นเช่นเดียวกัน
.
วันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๔ เวลา ๐๗.๐๓ น. :-
การบรรยายธรรมจากการกราบสมเด็จองค์ปฐมในสมาธิ
บันทึกธรรมโดย ธรรมรัตน์

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

เพื่อให้เห็น "จิตแท้" ของตนเอง


...ปฏิบัติธรรม เพื่อให้เห็น "จิตแท้" ของตนเอง.
....."ศีล สมาธิ ปัญญา" นั้น...... 
ยังไม่ใช่แก่นศาสนา หรือตัวศาสนา 
......แต่เป็นหนทางนำไปสู่ตัวศาสนา
......"ศีล สมาธิ ปัญญา" เป็น “มรรค” 
อันแปลว่า "หนทาง"
......ตัวศาสนา คือ "ความสงบระงับ" 
อันเกิดจาก "ความรู้เท่าในความเป็นจริง".... 
ในธรรมชาติของความเป็นจริง.....ที่เกิดอยู่เป็นอยู่......

หลวงปู่ชา สุภัทโท

Image by anaterate from pixabay

จากเพจ พุทธมหาเจดีย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ภูผาแดง

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา




 

ไม่ควรรอเวลาให้ความตายมาถึง


ถ้ารู้ความจริง ความตายไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว 
สิ่งที่น่ากลัวจริงๆ คือการที่ต้องกลับมาเกิด
______________________________________

ความตายเป็นสิ่งที่ทุกๆ คนต้องเจอ 
หนีไม่พ้น เมื่อรู้ว่าจะต้องตายแน่นอน
ก็ไม่ควรประมาท เร่งปฎิบัติเรียนรู้ กาย-ใจ 
จนวาง กาย-ใจ นี้ได้ 
แล้วจะถือว่าเราได้เตรียมตัวก่อนตายแล้ว 
หลังความตายก็จะไม่กลับมาเกิดอีก 
เพราะจิตได้คลายความยึดมั่นแล้วจากธาตุ 4 ขันธ์ 5 
.
นี่คือสิ่งที่ต้องเตรียมตัว จริงๆ ต้องเตรียมตัวก่อนตาย 
ไม่ควรรอเวลาให้ความตายมาถึง
รีบเรียนรู้กายเรียนรู้ใจ จนปล่อยวางได้จริงๆ
เมื่อถึงเวลานั้น ความเป็นความตายจะมาถึง
ก็ไม่ได้สนใจแล้ว เพราะรู้แล้วว่าอะไรตาย
อะไรไม่ตาย ที่ตายเป็นเพียงร่างกายของจิต 
.
จิตไม่ได้ตาย ถ้าจิตเข้าสู่อริยมรรค 
อย่างน้อยพระโสดาบัน
ภพชาติที่ยังเหลือ ก็ไม่เกิน 7 ชาติ 
ถ้าโชคดีเข้าสู่พระอรหัตตผล 
เมื่อถึงตอนนั้น การเสียชีวิต ก็ไม่เสียดายแล้ว
กับร่างกายเน่าๆ นี้ 
.
ให้ฝึกฝนเรียนรู้ สังเกต
และชำเลืองรู้ จนรู้หายสงสัยและอิสระขึ้นนะ
.
พระอาจารย์ชานนท์ ชยนนฺโท

Image by anaterate from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา




 

จงหันเข้ามาที่ความรู้สึก


จงหันเข้ามาที่ความรู้สึก อย่าคิดออกไปไกลตัว
ความรู้สึกตัวและรู้จักใจ 
ความรู้สึกนี้แผ่กระจายกลายเป็น
ความสว่างสบายไปในทุกๆ ส่วน
 ไม่ยึดถือแต่กลับทรงอยู่ได้ดี 
ไม่ได้ทำอะไรมาก กลับได้ผล
ไม่พยายามจะแยกแยะคิดพิสูจน์อะไร 
กลับรู้กลับเห็นได้โดยตรง..
 .
หายใจเป็นความรู้สึก 
ความรู้สึกสัมพันธ์กับลมหายใจ 
คิดนึกไปเช่นไรรู้ได้เอง
คิดเอง ตัดเอง เข้าใจเอง ในตัวนี่เอง 
อย่างนี้เรียก อาตมวิทยา (Self Knowledge) 
ซึ่งได้โดยตรง ไม่ต้องคิดคล้อยตาม
หรือนึกตามแนวทฤษฎี
.
มีได้โดยอาการอย่างนี้ 
คือต้องรู้อาการจึงรู้สมุหฐาน 
เห็นอาการของตัวเอง 
กายและจิตมีปฏิกิริยากันเช่นไร
ตามที่มันเป็นอยู่เอง ตามกฎ ตามศีล(ปรกติ) 
ตามธรรมของมัน ก็จะรู้สมุหฐาน
.

ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ไปแต่งตั้งหรือใครบันดาล 
เรียกว่าการกระทำของธรรม กิริยาของธรรมชาติ 
กฎแห่งความสัมพันธ์สืบต่อกัน 
หาใช่ใครหรืออะไรแต่อย่างใดอย่างหนึ่ง
ยืนอยู่ในฐานะผู้กระทำหรือผู้ถูกกระทำ
.
ไม่มีกฎแห่งการกระทำ 
ไม่เกี่ยวกับได้หรือเสียนั้น เนื่องแต่คนไปยึดถือเอา
โดยเข้าใจผิดต่อกฎมูลฐานนี้ 
ชอบจะจดจำ ชอบจะหยุดอยู่ 
เลือกสรรบางสิ่งที่ตนชอบ 
เห็นเช่นนั้นมันเลิกยึดเอง เรียกว่าเห็นกรรมก็รู้เองว่า
ได้กระทำผิดต่อตนเองมาอย่างไร 
ที่ตรงนี้จะหน่าย คลายละวางเอง

ท่านเขมานันทะ
............................................................................

จาก แรมรายคืน 
บันทึกการเดินทางระหว่างปี ๒๕๒๒-๒๕๒๕ ครั้งไปเยือนอิตาลี สิงคโปร์ 
อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย ขณะนั้นท่านยังครองสมณเพศ

Image by jggrz from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา



 

คนที่ไม่รู้จักตัวเอง


ความเพียรคือการทำความรู้สึกตัว
ว่าจิตใจของเราปกติไหม
เอนเอียงไปทางไหนไหม
เอนเอียงไปทางชอบ 
เอนเอียงไปทางไม่ชอบไหม
หนักไปทางโลภไหม 
หนักไปทางโกรธไหม 
หนักไปทางหลงไหม
รับรู้อยู่โดยไม่ได้ถือว่า
ตัวเราเป็นอย่างนั้นจริงๆ 
สักแต่ว่ายอมรับว่าสิ่งเหล่านี้มีอยู่
ประคับประคองความรู้ตัวอย่างนี้ไว้เรื่อยๆ 
แล้วปล่อยสิ่งที่ควรปล่อย 
สนับสนุนสิ่งที่ควรสนับสนุน 
จิตใจจะเข้มแข็งขึ้นโดยลำดับ
โดยเฉพาะต่อความรู้สึกของคนอื่น
คนที่ไม่รู้จักตัวเอง 
มักแสวงหาความมั่นคง
จากความรู้สึกของคนอื่น 
เราอาจจะเคยก็ได้ 
คนรอบข้างชอบหรือมีความสุข
ก็สบาย 
มีใครไม่ชอบก็
ไม่สบาย 
ต้องพยายาม
ทำให้ทุกคนรัก ให้ทุกคนชอบ 
ดิ้นรนที่จะเป็นที่รักของคนทุกคน 
ถ้าอยู่ในออฟฟิศ
หรืออยู่ในที่ๆ มีสักสิบคน 
รู้สึกว่าเขาชอบเราเก้าคน 
มีคนเดียวไม่ชอบ 
ก็แทบจะอยู่ไม่ได้ 
ทุกข์
สงสัยว่าเรามีอะไรเขาจึงไม่ชอบ 
มีใครเข้าใจเราผิดหรือโกรธ
จะมีความรู้สึกว่าตัวเรา 
ตัวตนของเราถูกกระทบอย่างแรง
--------
#เกิดมาทำไม 

พระอาจารย์ชยสาโรภิกขุ

Fb.Achara Klinsuwan

Image by jggrz from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา




 

รู้แจ้งสัจจะ


รู้แจ้งสัจจะ
.
เธอไม่สามารถใช้ตามองเห็น 
เพื่อรับรู้กลิ่นอาหารในจานเบื้องหน้า
เธอไม่สามารถใช้การบอกเล่า 
ตำรา คำสอน เพื่อเข้าถึงความรู้แจ้ง
เธอไม่สามารถใช้สมอง 
คิดค้นหาความจริงแห่งสัจจะ
มีเพียงหัวใจซึ่งศิโรราบให้สัจจะได้สิ้นแล้ว 
จึงจะประจักษ์แจ้งในความรัก ความงามแห่งความจริงนั้นได้
.
ดินสอแท่งหนึ่ง

รศ.นพ.ธวัชชัย กฤษณะประกรกิจ

Image by JanBaby from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา




 

เรามารักษาจิตของเราต่างหาก


เรามาอยู่โรงพยาบาลรักษาตัว 
ถ้าเข้าใจเพียงแต่เท่านี้ก็ชื่อว่าเข้าใจผิด 
ต้องทำความเข้าใจว่า 
เรามาทำจิตปลงสังเวชบำเพ็ญสมณธรรม 
อันจะนำตนให้พ้นไปจากความทุกข์ทั้งปวง 
ให้ถือเสียว่าเรามารักษาจิตของเราต่างหาก 
เพราะเราไม่ใช่หมอ เราไม่ต้องไปยุ่งกังวล
กับเรื่องของร่างกายให้มากนัก 
ทำจิตให้เสียกำลังไปเปล่าๆ 
ตัวเราผู้ป่วยมีหน้าที่ต้องใช้สติรักษาจิต
ของตัวอย่างเดียวเท่านั้น มันจะเป็นมากน้อย 
จะตาย จะหายอย่างไร 
ไม่ใช่ธุระของเราทั้งสิ้น 
ต้องตั้งจิตของตนอย่างนี้จึงจะเป็นการถูกต้อง

ท่านพ่อลี ธัมมธโร

Image by JanBaby from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา




 

เมื่อพิจารณาเห็นชัดในสิ่งใด


การพิจารณาเพื่อจะแก้
จุดที่ตนผูกมัดตนนั้นแล
ท่านเรียกว่าปัญญา
เมื่อพิจารณาเห็นชัดในสิ่งใดแล้ว
จิตย่อมปล่อยไปเป็นระยะๆ

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

Image by geralt from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

แท้จริงแล้ว "ความสุข" ก็คือ "ความทุกข์"


แท้จริงแล้ว
"ความสุข" ก็คือ "ความทุกข์" ชนิดหนึ่ง
ยามไม่มี มันก็โหยหา ยามมี มันก็รู้สึกว่า
….. ไม่เคยมากพอ …..
"เห็น" เหมือนกัน แต่ .... "คิด" ไม่เหมือนกัน
จึง ทุกข์และสุข …. ต่างกัน

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

Image by geralt from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา