คนเรามีความสุขเมื่อพอ



คนเราจะมีความสุขมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่า "มีเท่าไร"
แต่ขึ้นอยู่ที่ว่าเรา "พอเมื่อไร"

หลวงปู่ชา สุภัทโท

พระพุทธเจ้าสอนให้พิจารณากายกับจิตเท่านั้น



          พระพุทธเจ้าสอนให้พวกเราพิจารณากายกับจิตเท่านั้น นี่เป็นหนทางที่พวกเราจะหาทางพ้นทุกข์ หาก เราพิจารณาได้ชัดเจน เห็นความเป็นจริงแล้ว มันก็จะรู้ไปเอง เห็นไปเองน่ะ ความพ้นทุกข์ไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องไปถามใคร เราต้องถามเราเอง นี่มันพ้นอยู่ที่ไหน พ้นทุกข์นั่น มันก็พ้นอยู่ที่ตัวของเรานี่ หายความสงสัยอยู่ที่เรานี่ นี่หละให้พวกเราตั้งใจปฏิบัติกันจริงๆ

                                                                                                หลวงปู่บุญจันทร์ กมโล

อย่าหาธรรมะนอกตัว



อย่าหาธรรมะนอกตัว อย่ากลัวสมมติ
มองกายเนื้อเพื่อให้เห็นกายใน ดูกายเพื่อเห็นจิต 
หากต้องยกเครื่องชีวิต ต้องฝึกจิตเจริญวิปัสสนา

หลวงตาสุริยา วัดป่าโสมพนัส (ส.มหาปัญโญภิกขุ)

ทาน ศีล ภาวนา



การบำเพ็ญทาน เท่ากับหาทรัพย์ไว้ให้ตัวของเรา 
การบำเพ็ญศีลเท่ากับสร้างร่างกายของเรา ไม่ให้พิการง่อยเปลี้ยบอดใบ้ 
การบำเพ็ญภาวนา เท่ากับสร้างจิตใจของเราให้เป็นคนสมบูรณ์


ท่านพ่อลี ธัมมธโร

คนส่วนใหญ่กลัวความทุกข์ แต่ไม่กลัวความอยาก



          คนส่วนใหญ่กลัวความทุกข์ แต่ไม่กลัวความอยาก เหมือนกับเรากลัวการระเบิด แต่ไม่กลัวลูกระเบิด เราก็สั่งสมลูกระเบิดไว้เรื่อยๆ หรือวางระเบิดเวลาให้ตนเองโดยไม่รู้ตัว เมื่อใดเราเผลอไปสะกิดถูกกระเดื่องระเบิดเข้า เราโดนระเบิดของเราเอง แต่ก็เป็นเรื่องที่แปลกมาก ที่เรามักจะไปโทษคนอื่นว่า คนนั้นคนนี้โยนระเบิดใส่เรา ข้อเท็จจริงของทุกข์ทางใจก็คือว่า เราเผลอสติเมื่อใด เราก็สะดุดกับระเบิดที่ตนเองวางไว้อยู่เสมอๆ นั้นเอง

                                                                                        หลวงพ่อมหาดิเรก พุทธยานันโท

นักวิปัสสนาที่ต้องอาศัยความสงัดยังห่างไกลมรรคผล



          นักวิปัสสนาที่ยังต้องอาศัยเวลาที่สงัด ยังต้องยึดแบบนั้น ท่านว่ายังไกลต่อมรรคผลมาก นักวิปัสสนาที่เข้าระดับวิปัสสนาจริง ท่านเอาธรรมชาติที่ปรากฏเฉพาะหน้าเป็นเครื่องพิจารณา ขั้นแรกจงเข้าใจคำว่า " วิปัสสนา" เสียก่อน คำว่า "วิปัสสนา" แปลว่า รู้แจ้งเห็นจริงตามความเป็นจริง หรือจะพูดเป็นภาษาไทยแท้ก็ได้ความว่า "ยอมรับนับถือกฎธรรมดา" เมื่อได้ความอย่างนี้แล้ว การเจริญวิปัสสนาก็ไม่มีอะไรยาก 

                                                                                                      หลวงพ่อฤาษีลิงดำ


การมีหัวใจใหญ่ อัตตาเล็ก



การมีหัวใจใหญ่ อัตตาเล็ก
เป็นสิ่งที่มีคุณค่ามาก 
ทำให้เรามีความสุขและอยู่ในโลกนี้ได้ 
โดยไม่จำเป็นต้องประกาศตนถึงความยิ่งใหญ่ของเรา

พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล

จิตถึงธรรม ก็พ้นไปแล้ว



เกิดแก่เจ็บตาย ก็เป็นทุกข์แท้ๆ ไปข้องทุกข์ทำไม 
ไปแบกทุกข์ทำไม เกิดเป็นทุกข์ ตายเป็นทุกข์ 
ไปเกิดทำไม? ไปตายทำไม?..จิตถึงธรรม ก็พ้นไปแล้ว 
พ้นเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นนิพพานธรรม พ้นจากสัตว์โลก 
พ้นจากเกิด แก่ เจ็บ ตาย พ้นจากทุกข์..

หลวงปู่บุดดา ถาวโร

ให้เห็นโทษเห็นภัยในวัฏสงสาร



ให้เห็นโทษเห็นภัยในวัฏสงสาร
เห็นภัยในการเวียนว่ายตายเกิด
เหมือนคนจน
เห็นภัยของความยากจน

หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม

ผู้ปรารถนาจะเห็นทิศ คือ นิพพาน...



ผู้ปรารถนาจะเห็นทิศ คือ นิพพาน 
ควรทำจิตของตนให้มั่นคง
อย่าให้วอกแวกไปตามอารมณ์ 
ให้เหมือนคนประคองบาตร
อันเต็มเปี่ยมไปด้วยน้ำมัน 
โดยไม่ให้น้ำมันหกฉะนั้น

 ขุ.ชา.เอก. ๒๗/๓๑ 

ว่างทางพระพุทธศาสนา



ว่างของพระพุทธศาสนา
หรือสงบของพุทธศาสนานี่
ต้องว่างหรือสงบจากการรับรู้
ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย 
เห็น ได้ยิน
แล้วจิตใจไม่ปรุงแต่ง
นี่คือความสงบที่แท้จริง
เพื่อที่จะเป็นฐาน
ให้เกิดปัญญาญาณ 
นี่คือปัญญาของพุทธศาสนา
คือภาวนามยปัญญา หรือปรีชาญาณ 

หลวงพ่อโพธินันทะ

อย่าพยายามไปบังคับจิตให้หยุดคิด



อย่าพยายามไปบังคับจิตให้หยุดคิด 
หน้าที่ของเราคือ
ทำสติตามรู้ความคิดไป
ทำสติตามรู้ไป ความคิดนั่นแหละ
คือเครื่องรู้ของจิตเครื่องระลึกของสติ 
ความคิดเป็นฐานที่ตั้งอันมั่นคงของสติ
ตราบใดที่จิตยังมีความคิด สติยังมีความระลึก 
สิ่งที่เราจะพึงได้จากการภาวนาคือ
ความที่สติมีพลังแก่กล้าขึ้นจนเป็นมหาสติ 
เป็นสติที่มีฐานที่ตั้งอย่างมั่นคง แล้วกลายเป็นสติพละ
เป็นสติที่มีพละกำลังอันเข้มแข็ง 

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

ให้จิตรู้ที่สกลกาย



ให้จิตรู้ที่สกลกายนี้เอง 
ให้รู้ในร่างกายนี้เอง
คำว่า "รู้" ก็ให้รู้ว่าเป็นของกลาง 
ให้รู้ว่าก้อนกายจิตใจนี้มิใช่ของใคร
เพราะรู้อย่างนี้เองล่ะ
จึงออกจากโลกได้

หลวงปู่จาม มหาปุญโญ

ความทุกข์จะมี ก็ต่อเมื่อสติของเราอ่อนกำลัง




          เมื่อใดที่จิตของเราอยู่ด้วยความแจ่มแจ้ง อยู่ด้วยความโปร่งโล่ง ความทุกข์ก็จะไม่มี ความทุกข์จะมี ก็ต่อเมื่อสติของเราอ่อนกำลัง

                                         หลวงตาสุริยา วัดป่าโสมพนัส (ส.มหาปัญโญภิกขุ)

ทำจิตให้ว่างจากร่างกายและอารมณ์ เป็นทางพ้นทุกข์



         ผู้เพียรทำจิตให้ว่างจากร่างกาย หรืออารมณ์ต่างๆ แบบนี้ เป็นแบบของพระอริยเจ้า เป็นสมาธิเป็นวิปัสสนาญาณอยู่ด้วยกัน ทำได้ทุกเวลา ทุกอิริยาบถ นั่ง นอน ยืน เดิน ทำได้ทั้งที่อยู่คนเดียวและอยู่แบบหมู่คณะ เป็นทางหลุดพ้นทุกข์ได้อย่างแน่นอน เป็นทางลัดตรงไปสู่จุดหมายปลายทางคือ พระนิพพาน

                                                                                                            หลวงปู่ดาบส สุมโน

ยอดความสุขที่เป็นมิจฉาทิฐิ



ทุกวันนี้ปรากฏว่ามีชาวพุทธมากมายที่ถือว่าความร่ำรวย 
การมีอำนาจ ชื่อเสียง ยศฐาบรรดาศักดิ์ 
ความพรั่งพร้อมด้วยวัตถุ คือยอดความสุขของฆราวาส 
ความคิดอย่างนี้ท่านเรียกว่า "มิจฉาทิฐิ"
เพราะจะเป็นเหตุของการประพฤติที่เป็นพิษเป็นภัยแก่ตนเอง
ต่อสังคม และต่อสิ่งแวดล้อม มันไม่เป็นความจริง 
ความสุขดังกล่าวเป็นแค่ความสุขระดับล่าง 
ย่อมมีทุกข์ไม่มากก็น้อยเจือปนอยู่เสมอ 

ชยสาโรภิกขุ

ผู้มีสติย่อมไม่ปล่อยใจไปเป็น “ผู้ทุกข์”



           แม้ความทุกข์จะจรเข้ามา แต่ผู้มีสติย่อมไม่ปล่อยใจไปเป็น “ผู้ทุกข์” หากเป็นเพียง “ผู้เห็นความทุกข์” ผู้มีสติย่อมไม่ตีอกชกหัวเพราะเข้าใจไปว่าตน “มีทุกข์” เหลือประมาณ หากเห็นความทุกข์นั้นเป็นเพียงอาคันตุกะที่จรเข้ามา หากไม่เอาตัวตนเข้าไปแบกรับและปรุงแต่งต่อเติม มันย่อมจางหายไปในที่สุด

                                                                                            หลวงพ่อคำเขียน สุวัณโณ

สติมิใช่สมบัติของพระอริยเจ้าเท่านั้น



สติมิใช่สมบัติของพระอริยเจ้าเท่านั้น
หากเป็นสมบัติของทุกคน แต่เรามักละเลยกัน 
เพราะปรารถนาความสุขชั่วครู่ชั่วยาม 
เราปล่อยจิตให้ลิงโลดเมื่อประสบกับความสุข 
แต่ครั้นความทุกข์คุกคาม ก็ตื่นตระหนกจนช่วยตัวเองไม่ได้ 
ความรู้เท่าทันอารมณ์ทำให้เรา “ไม่มี ไม่เป็น” อย่างแต่ก่อน

หลวงพ่อคำเขียน สุวัณโณ

วิปัสสนา ท่านให้รู้ถึงธรรมชาติที่มีอยู่จริงๆ



การปฏิบัติธรรมเจริญวิปัสสนา 
ท่านให้รู้ถึงธรรมชาติที่มีอยู่จริงๆ 
เช่น เห็น ได้ยิน รู้กลิ่น รู้รส รู้สัมผัส คิดนึก
ว่าสิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่สัตว์บุคคล ตัวตนเราเขา 
เพื่อให้รู้ว่า สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเพียงธรรมชาติ ...

เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและดับไปตามธรรมดา
จะเรียกว่าเป็นสิ่งต่างๆ หรือธรรมชาติที่มันมี 
มันเป็นโดยอิงอาศัยกัน เพราะมีสิ่งนี้ จึงเกิดสิ่งนี้ 
เพราะสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จึงดับ ไม่ใช่เป็นตัวตน 
แห่งความเป็นของเรา ต้องการให้เห็นความจริงอย่างนี้

พระอาจารย์สุรศักดิ์ เขมรังสี

เมื่อสติไปถึงจิต



เมื่อสติไปถึงจิตเมื่อไร
เมื่อนั้นพวกกิเลสหรือนิวรณ์ทั้งหลายนี่
มันจะถอยหนีไปหมดเลย

หลวงปู่ศรี มหาวีโร

การดับทุกข์คือ การรู้เท่าทันทุกข์



การดับทุกข์คือ การรู้เท่าทันทุกข์ 
ไม่ยินดียินร้าย ต้องเด็ดเดี่ยว กล้าหาญ 
พยายามรักษาจิตให้เสมอ 
อย่าให้ขึ้นลงตามกิเลสที่มาก่อกวน
จิตนี้เมื่อเราปฏิบัติถึงจุดแห่งผล 
อานิสงส์จะหาประมาณมิได้

หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท

โลกใบนี้ ไม่เคยให้ความสมหวังกับใคร



โลกใบนี้ ไม่เคยให้ความสมหวังกับใคร
มีผู้หญิงคนไหนบ้าง ไม่ร้องไห้ ...
เผ็ดร้อน แสบสัน เจ็บปวด รวดร้าว 
แค่ไหนก็เจอมา ผ่านมาหมดแล้ว ... 
อย่าไปเสียเวลาอีกเลย ...
อุทิศตัวให้เป็นประโยชน์สูงสุด
ของการเกิดดีกว่า

หลวงปู่ท่อน ญาณธโร

ทานอันถูกต้อง



ทานนั้นมีอยู่สองประเภทด้วยกัน คือ

๑. วัฏฏมูลกทาน หมายถึงทานที่ทำให้เรายังคงเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏ 

๒. วิวัฎฎมูลกทาน หมายถึงทานที่ช่วยให้เราหลุดพ้นจากสังสารวัฏ ผู้มีเจตนาอันถูกต้องย่อมให้แต่ทานที่จะช่วยให้เขาได้หลุดพ้นจากสังสารวัฏ ไม่ใช่ผูกรั้งเขาไว้ในสังสารวัฏ

-จากหนังสือ เจตนารมณ์ที่ถูกต้องในการให้ทาน โดย ท่านอาจารย์โกเอ็นก้า-

รู้แล้วละ ธรรมะเกิด



สิ่งใดมากระทบ เราก็รู้ รู้แล้วละ ธรรมะเกิด 
รู้แล้วปล่อย รู้แล้ววาง คือนักปฏิบัติอันแท้จริง

หลวงพ่อวิชัย เขมิโย

ผู้ใดไม่เห็นทุกข์ ผู้นั้นไม่เห็นธรรม




ผู้ใดไม่เห็นทุกข์ ผู้นั้นคือผู้ไม่เห็นธรรม
ผู้ได้รับทุกข์ จนเหลือที่จะอดกลั้นแล้ว 
เมื่อหวนกลับเข้ามาถึงตัวนั่นแล
จึงจะรู้จักว่าทุกข์นั้นแลคือ ธรรม
ผู้เกลียดทุกข์เป็นผู้แพ้ 
ผู้พิจารณาทุกข์ คือ ผู้เจริญในทางธรรม

หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

ถึงฐีติจิตคือทำลายของปลอม



เมื่อเราทำจิตให้ถึงขั้นฐีติจิต(จิตเดิม)แล้ว
ชื่อว่าย่อมทำลายของปลอมได้หมดสิ้น
หรือว่าของปลอมย่อมเข้าไม่ถึงฐีติจิต
เพราะสะพานเชื่อมต่อถูกทำลายขาดสะบั้นลงแล้ว
แม้ยังต้องเกี่ยวข้องกับอารมณ์ของโลกอยู่...
ก็ย่อมเป็นดุจ น้ำกลิ้งบนใบบัว ฉะนั้น...

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

คนไม่สนใจสร้างเหตุของความสุข



คนเราทุกคนต้องการความสุข 
แต่ส่วนใหญ่ไม่สนใจสร้างเหตุของความสุข 
จะเอาแต่ผลอย่างเดียว 
แต่ถ้าเราไม่สนใจกับตัวเหตุ 
ตัวผลจะอยู่ได้อย่างไร

ท่านพ่อเฟื่อง โชติโก 

ถ้าอยากมีความสุข จงมองทุกข์ให้แลเห็น



ถ้าอยากมีความสุข จงมองทุกข์ให้แลเห็น 
พร้อมกับตรวจสอบพิจารณาสาเหตุแห่งความทุกข์นั้น 
แล้วทำลายสาเหตุแห่งทุกข์นั้นเสีย
โดยนัยนี้ความสุขก็จะเกิดขึ้นเอง

หลวงตาศิริ อินทสิริ

ยิ่งอยากได้ ก็ยิ่งสูญเสีย



ยิ่งอยากได้ ก็ยิ่งสูญเสีย
ยิ่งยึดมั่นเป็นเจ้าของก็ยิ่งกลับเป็นทาส
เมื่อสละไป กลับได้มา

เมื่อไม่ยึดมั่นเป็นเจ้าของสิ่งใด
สิ่งนั้นก็กลับมาเป็นของเรา
เมื่อคืนทุกอย่างให้แก่โลก
ทุกอย่างในโลกก็กลับเป็นของเรา

นี้คือความจริงของโลก
ที่ดูเหมือนเล่นตลกกับเรา

พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล

เนื้อหนังหุ้มโครงกระดูก



เนื้อหนังหุ้มโครงกระดูก
ก็นิยมกันว่าสวย รักกันอยู่ด้วยความหลงแท้ๆ
หลงว่าจะเป็นอย่างที่เห็นอยู่ตลอดไป ไม่ได้มองลึกลงไป
ไม่ได้เห็นแก่นแท้ว่ามีแต่กระดูก ไม่น่าอภิรมย์แต่อย่างใด
ทำไมจึงยังหลงใหลมัวเมากันอยู่ได้

ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต 

การนินทาและการสรรเสริญ



ดูกรอตุละ การนินทาหรือการสรรเสริญนี้มีมาแต่โบราณ 
มิใช่มีเพียงวันนี้ คนย่อมนินทาแม้ผู้นั่งนิ่ง 
แม้ผู้พูดมาก แม้พูดพอประมาณ ผู้ไม่ถูกนินทาไม่มีในโลก 
บุรุษผู้ถูกนินทาโดยส่วนเดียว หรือถูกสรรเสริญโดยส่วนเดียว
ไม่มีแล้ว จักไม่มี และไม่มีในบัดนี้

ธรรมบท ขุททกนิกาย โกธวรรค

จิตที่ยึดกับความคาดหวัง..



จิตที่ยึดกับความคาดหวัง
คือจิตที่พร้อมจะทุกข์ตลอดเวลา

พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล

คนมีความสุขคือต้องการน้อยที่สุด



          คนมีความสุข ไม่ใช่คนที่มีมากที่สุด แต่เป็นคนที่ต้องการน้อยที่สุด ยิ่งมีความต้องการน้อยลง สิ่งของที่มีอยู่ ก็จะดูเหมือนมีมากขึ้น

                                                                                            หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม

ยึดอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาทำไม



สิ่งที่พวกเรารู้อยู่ทั้งหมดที่มีอยู่ในโลกนั้น
 คือตัวอนิจจัง ตัวทุกขัง ตัวอนัตตา
 เมื่อพวกเรารู้แล้ว พวกเราจะไปยึดมันไว้ทำไม
 เพราะมันเป็นของที่พวกเราไม่ต้องการอยู่แล้ว

ให้ปล่อยวางไปให้หมด อย่ายึดเอาไว้เลย
เพราะว่ามันเป็นเหตุให้เกิดทุกข์แก่ตัวเราเองเปล่าๆ
เพราะยึดเอาไว้แล้วก็ไม่ใช่ของเรา 
ไม่เป็นเรา ไม่ใช่ของของพวกเราเลย

เป็นธรรมชาติของโลก ที่มีอยู่ประจำโลก
ไม่มีใครเป็นเจ้าของสิ่งเหล่านั้น
สิ่งเหล่านั้น ไม่มีอยู่ในตัวพวกเราเลย

ตัวพวกเราจริงๆ นั้น ไม่มีใครจะมาเป็นเจ้าของ
เพราะไม่มีตัวตนแท้จริงให้คนอื่นเห็นได้เลย
เป็นแค่เพียงว่า รู้อยู่ เท่านั้น

โอวาทธรรม หลวงปู่คูณ สิริจันโท


นิพพานถึงง่าย ถ้าอยู่กับปัจจุบัน



บางทีนิพพาน มันอยู่ไกลเหมือนกัน
ยิ่งเรียนมาก มันก็ยิ่งอยู่ไกล
ถ้าเรากลับมาหาตัวเรา กลับมาอยู่กับปัจจุบัน
รู้สึกว่ามันจะง่าย รู้สึกว่ามันจะใกล้เข้ามา
แล้วเราจะรู้วิธีดับทุกข์อย่างสบายๆ

หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม

สุขเป็นเหยื่อล่อให้ติดอยู่ในทุกข์


            สุขนี่แหละเป็นเหยื่อล่อให้ติดอยู่ในทุกข์ คนมองเห็นแต่ความสุขเล็กๆ น้อยๆ แล้วก็ติดใจอยู่ในความสุขเหล่านั้น เมื่อความสุขเหล่านั้นมันแปรผันไป ก็เสียใจ เพราะสุขเป็นของชั่วคราวไม่ยั่งยืน มันมีความแปรผันไปได้ เมื่อความสุขดับไป ความทุกข์ก็เกิดขึ้นแทน
     
                                                                                               หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

ความคิดเกิดขึ้น เห็นมันทันที



ใช้สติดูจิตใจ 
ไม่ว่าความคิดอะไรเกิดขึ้น เห็นมันทันที
และเราจะรู้ถึงความหลอกลวง รู้ทันเวลา
รู้การป้องกัน รู้การแก้ไข
รู้ถึงการเอาชนะความคิดปรุงแต่ง
ศีล จะเกิดขึ้นภายในจิตใจของเราเอง
ไม่ใช่คน ที่รักษาศีล แต่ศีลต่างหากที่รักษาคน

หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ

สุขย่อมคู่กับทุกข์



ไม่มีความสุขใดๆ ที่จะไม่มีความทุกข์แทรกซ้อนอยู่

ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ราชมานิต

โยนตำราเผาไฟทิ้งเสียก่อน



          โยนตำราเผาไฟทิ้งเสียก่อน ทางพระกรรมฐานทานสอนให้ปฏิบัติไป ภาวนาไป วันหนึ่งก็รู้เอง เห็นเอง มัวไปคาดว่าอย่างโน้น คาดว่าอย่างนี้ รู้ก่อนเกิด มันก็เลยไม่เกิดสักที

                                                                                                 หลวงปู่จวน กุลเชฏฺโฐ

ผู้ที่เวรระงับ



อกฺโกฉิ มํ อวธิ มํ 
อชินิ มํ อหาสิ มํ 
เข จ ตํ นูปนยฺหนฺติ 
เวรํ เตสูปสมฺมติ

ใครไม่คิดอาฆาตว่า 
"มันด่าเรา มันทำร้ายเรา 
มันเอาชนะเรา มันขโมยของเรา" 
เวรของเขาย่อมระงับ

พุทธวจนะ 

พระไตรลักษณ์ไม่ใช่หลักคิดเห็น



          แท้จริงหลักพระไตรลักษณ์นั้นไม่ใช่หลักคิดเห็น แต่เป็นหลักที่ผู้เจริญสติเห็นโดยไม่ต้องคาดคิด และเป็นการเห็นที่ตัวเองอย่างรู้ตัว เช่น สภาพไม่เที่ยงนั้นก็คือ การเคลื่อนไหวอิริยาบถแปรไปต่างๆ รวมถึงการกระพริบตา กลืนน้ำลาย ก้มเงย ทั้งในอิริยาบถใหญ่ คือ ยืนเดิน นั่งนอน และอิริยาบถย่อย คู้เข้า เหยียดออก รวมถึงการคิดนึก.....ผู้เจริญสติรู้เห็นเช่นนี้ จึงจะรู้จักทุกข์ตามความเป็นจริง ไม่ใช่เป็นเพียงคิดเอาว่าเป็นทุกข์

                                                                                                              ท่านเขมานันทะ

สติปัญญาอัตโนมัติ



          ...เวลาเราฝึกนานเข้าๆ สติกับปัญญานี้จะกลมกลืนเป็นอันเดียวกัน เป็นสติปัญญาอัตโนมัติ ฆ่ากิเลสโดยอัตโนมัติเหมือนกัน ...คือสติปัญญาอัตโนมัตินี้เป็นเองตลอด ตั้งแต่ตื่นนอนพับจับติดปุ๊บเลย ติดตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้กระทั่งหลับ นี่เรียกว่าสติปัญญาอัตโนมัติ ไม่ต้องตั้ง..เป็นเอง เสาะแสวงฆ่ากิเลสโดยอัตโนมัติ คุ้ยเขี่ยขุดค้นฆ่ากิเลสเป็นอัตโนมัติ เหมือนกิเลสทำลายเราแต่ก่อนเป็นอัตโนมัติของมัน

                                                                                           หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

ฝึกสมาธิต้องหัดพิจารณาความทุกข์



           การที่ทำจิตใจให้สงบอย่างเดียว แต่ไม่พิจารณาความทุกข์นั้น ถือว่าเป็นการฝึกสมาธิที่ยังไม่ถึงขั้น สมาธิภาวนา ถ้าจะเปรียบกับหลักสูตรการศึกษาทางโลก ก็ยังอยู่เพียงชั้นประถมศึกษาเท่านั้น ยังไม่เกิดปัญญาที่แท้จริง...ดังนั้นจึงต้องหันมาใช้ปัญญาด้วย ด้วยการหัดพิจารณาความทุกข์ เพื่อให้เห็นและเข้าใจเกี่ยวกับความทุกข์ จนจิตใจเริ่มปล่อยวาง แบบนี้หากเจอเหตุการณ์ความทุกข์อะไรขึ้นมา เราก็จะสามารถปล่อยวางได้ง่ายขึ้น เพราะมีการฝึกอบรมสติปัญญามาแล้ว

                                                                                                หลวงปู่บัวพา ปญฺญาภาโส

พระอริยเจ้ามุ่งดูอารมณ์จิต



 ...พระอริยเจ้าเบื้องสูง ท่านมุ่งดูอารมณ์จิตของตน 
รักษาจิตของตนไม่ให้ยุ่งกับจริยาของผู้อื่นเป็นสำคัญ
การพูด การคุยกับคนอื่น จิตท่านไม่หวั่นไหวไปกับกรรมของผู้อื่น
ไม่ปรุงแต่งธรรม อยู่กับธรรมภายในเป็นปกติ... 

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

เกิดเป็นมนุษย์ไม่ใช่ของง่าย



          คนเราก่อนจะเกิดมาได้เป็นมนุษย์ไม่ใช่ของง่าย ถ้าหากสร้างกรรมไม่ดี ไม่รู้เท่าไหร่ภพเท่าไหร่ชาติ ที่ไปเกิดเป็นสัตว์นานัปการ อยากเกิดเป็นคนมากเท่าไหร่ก็ตาม แต่ไม่ถึงระยะก็มาไม่ได้ แต่พอมาเป็นคนแล้ว ก็พยายามทำลายตัวเอง อยากลงไปทางต่ำอีก ถ้าพูดอย่างหนึ่งก็น่าสลดสังเวช น่าสงสารตัวเอง... 

                                                                                                         หลวงปู่ศรี มหาวีโร

สิ่งครอบงำผู้ประมาท



สิ่งที่ไม่น่ายินดี
ย่อมครอบงำคนผู้ประมาท
ด้วยอาการที่น่ายินดี
สิ่งที่ไม่น่ารัก
ย่อมครอบงำคนผู้ประมาท
ด้วยอาการที่น่ารัก
สิ่งที่เป็นทุกข์
ย่อมครอบงำคนผู้ประมาท
ด้วยอาการที่เป็นสุข

พุทธอุทาน

จิตปัจจุบัน



ถ้าเราทำจิตให้เป็นปัจจุบันได้นะ 
เราจะหาทุกข์มาจากไหน
นี่เรื่องเมื่อเช้า ก็เอามาคิดตอนเย็น
เรื่องตอนเย็นก็เอามาคิดตอนเช้า
แล้วเราจะอยู่กับปัจจุบันได้ยังไง
ธรรมะมันต้องลงที่ปัจจุบันนี่
เป็นปัจจุบันเท่านั้น ไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต 
นั่นถ้าจิตเป็นปัจจุบัน มันจะลงไปสู่ความว่างเองอัตโนมัติ
นั่นละธรรมถึงจะเกิดขึ้น
จิตที่มีธรรมที่แท้จริง คือ จิตปัจจุบันนี่ละ

หลวงพ่อเยื้อน ขันติพโล

รูป นาม ที่เรามองว่าสวย...



รูป นาม ที่เรากำลังมองว่าสวย นั่นแหละเรากำลังติดกับดักของกิเลสอยู่

หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ 

เป็นนักปฏิบัติสมาธิ อย่าไปติดวิธีการ


เป็นนักปฏิบัติสมาธิ อย่าไปติดวิธีการ
ถ้าเราไปติดวิธีการแล้ว เราจะเอาวิธีการนั้นมาฟัดกัน
เสร็จแล้วก็จะเกิดทะเลาะกัน
การทำสมาธิเป็นกิริยาของจิต
นั่งทำสมาธิได้ เดินทำสมาธิได้ นอนทำสมาธิได้
หรือใครจะแน่จริง วิ่งทำสมาธิก็ได้
ถ้าหากการปฏิบัติ เราไม่ยึดวิธีการเป็นใหญ่
เราเอาประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในจิตเป็นเครื่องตัดสิน
เราจะหมดปัญหาข้อสงสัย

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

ปัญญา เกิดจากการฝ่าฟันอุปสรรค


ปัญญา เกิดจากการฝ่าฟันอุปสรรค 
ยิ่งมีอุปสรรคมาก 
ยิ่งมีโอกาสที่จะสร้างปัญญามาก 
ฉะนั้น ผู้ที่มีอุปสรรคมากๆ 
เป็นผู้ที่มีบุญมาก น่าอิจฉา

ชยสาโรภิกขุ