เวลาเราปฏิบัติ มันไม่เบาใจ
เพราะ จะเอาท่าเดียว 
ลองปรับใหม่ ปฏิบัติไม่เอาอะไร 
เดิน.. รู้ตัวแบบไม่เอาอะไร 
นั่ง.. รู้ตัวแบบไม่เอาอะไร 
พอใจไม่เอาอะไรๆ มันก็จะคลายจากตัณหา 
ตัณหาจางคลายใจก็จะเริ่มเบาขึ้น 
แต่ที่มันหนักเพราะ จะเอา 
ยิ่งเอา ก็ยิ่งหนัก ยิ่งผลัก ก็ไม่พ้น 
ต้องทำใจกลางๆ ว่างๆ ไม่มีตัวไม่มีตน 
จึงหลุดจึงพ้นจึงถึงนิพพาน 

พระอาจารย์สุรศักดิ์ เขมรังสี

Image by monicore from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา



 

คนเราสามารถเข้าถึงจิตบริสุทธิ์ในตัวเอง


คนเราสามารถเข้าถึงจิตบริสุทธิ์ในตัวเอง
และสามารถเข้าถึงพลังงานบริสุทธิ์ในตัวเองได้ง่ายมาก
แค่การรู้จักรักษาจิตใจของตัวเองให้เป็นกลาง
และให้อยู่ในความเป็นธรรมชาติไว้เสมอ..
จะช่วยให้เชื่อมต่อพลังธรรมชาติได้สูงมาก..
จะยิ่งช่วยเสริมส่วนดีของชีวิตให้กล้าแกร่ง..
_____________________
จิตใจที่มีความปกติมักมีความนิ่ง เบิกบาน
สำรวม มีพลัง และสว่างไสวในตัวเอง..
ความปกติของจิตใจเป็นแบบนี้
ยิ่งเจออะไรดีดีก็ยิ่งต่อยอดได้ง่าย
มีความสุขความเจริญในตัวเองได้ง่าย..
ดังนี้ จึงเป็นเหตุผลที่ว่า
ทำไมเราจึงต้องรักษาจิตใจให้อยู่
ในคลื่นพลังงานบวกเสมอๆ
เพื่อที่เราจะได้ไม่พลาดสิ่งดีดีไป
ในตอนที่ยังสามารถรับได้

ตื่นทางปัญญา จิตกลับสู่เดิมแท้
(อิโตมิ จัง)

Image by monicore from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

อย่าให้จิตไปติดในสิ่งที่เกี่ยวข้องนั้น


มันมีของที่เกิด 
และของที่ทำลายไป 
มีสิ่งที่เกิดขึ้น
แล้วก็มีสิ่งที่มาทำลายไป 
อันนี้เป็นธรรมชาติ 
.
พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้แก้ไขธรรมชาติ 
พระพุทธเจ้าทรงสอนให้แก้จิตแก้ใจ 
แก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นในจิตในใจ 
อย่าให้มันเกาะอยู่ในจิตได้ 
.
... สิ่งที่จิตไปเกี่ยวข้อง จะเป็นสิ่งใดๆ ก็ช่าง 
อย่าให้จิตไปติดในสิ่งที่เกี่ยวข้องนั้น 
ถ้าหากว่าจิตไปติดในสิ่งที่เกี่ยวข้อง 
สิ่งนั้นๆ ทั้งหมดเป็นของที่เกิดมา
 แล้วก็เป็นของเกิดมาแก่ 
เกิดมาเจ็บ เกิดมาตาย แล้วก็มาทุกข์
... จิตไปติดสิ่งที่เกิดมาทุกข์ เราก็ทุกข์ไปด้วย 
ถ้าหากว่าจิตเป็นอิสระ
ไม่ไปเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดมาทุกข์ 
จิตก็ไม่ทุกข์

หลวงปู่แบน ธนากโร
 
Image by PavanPrasad_IND from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา



 

คนนั้นแหละเขาเรียกว่า ‘โกรธเป็น’


โกรธเป็นไหม
คนไหนโกรธแล้ว ‘ไปเป็น’ กับความโกรธ
คนนั้นเขาเรียกว่า ‘โกรธไม่เป็น’
แต่คนไหนโกรธเป็นนะ โกรธแล้วรู้ความโกรธ
แล้วไม่ได้ไปโกรธกับความโกรธ
คนนั้นแหละเขาเรียกว่า ‘โกรธเป็น’
เห็นความโกรธ แต่เราไม่ได้ไปเป็นกับความโกรธ
เราเป็นคน‘ผู้รู้’ เป็น‘คนดู’มันเป็น
ไม่ใช่ ‘เรา’ เป็น

พระอาจารย์กระสินธุ์ อนุภัทโท

Image by PavanPrasad_IND from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

มีปัญญา ก็คือ ผู้ที่รู้ ละ วางได้


เราเกิดมาเพื่อสิ่งใด?
ก็เพื่อฝึกฝน ขัดเกลาตนเองไง
ลอกความหนัก ความหนาออกไป
วางของหนัก ของร้อนลงไป
จนจิตใจคลี่คลาย
เกิดเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานขึ้นมา
จนสามารถหลุดจากการยึดมั่นถือมั่นทั้งปวง
ปัญญาอันสูงสุด คือ...ความไม่มี
วางทุกอย่างลง จนมันดับสนิท 
ไม่มีส่วนเหลือเลย
....ปราศจากราคะ
....ปราศจากโทสะ
....ปราศจากโมหะ
คืนสู่ความเป็นธรรมชาตินั่นเอง
เพราะฉะนั้น สิ่งนี้ค่อย ๆ เพียรฝึกฝนปฏิบัติไป
ความก้าวหน้ามันวัดกันตรงนี้นะ
ไม่ได้วัดว่าต้องไปรู้เห็นอะไรหรอก
ไม่ต้องไปละเอียดอะไรมากมายหรอกนะ
ถ้าเราไปหลง เราไปติดข้อง
แล้วเราวางไม่ลงนั่นแหละ...ขาดปัญญา!
มีปัญญา ก็คือ ผู้ที่รู้ ละ วางได้นั่นเอง
อยู่กับปัจจุบันได้
ไม่กังวล ไม่ยึดมั่นถือมั่น

พระมหาวรพรต กิตฺติวโร

Image by Henryphoto from pixabay

 ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา



 

หลุดพ้นเสียจากความหลุดพ้น


ถ้าหลุดพ้นโดยไปหมายมั่นว่า
เราจะเป็น "ผู้หลุดพ้น" 
มันหลุดพ้น ไปติดอยู่กับความหมาย
ของคำว่า หลุดพ้น 
มันต้อง "หลุดพ้นเสียจากความหลุดพ้น" 
หลุดพ้นเสียจาก "ความยึดมั่นถือมั่น" 
เป็นความหลุดพ้นของตัวกู 
ต้องทำลายตัวกู ที่จะหลุดพ้นนั้นเสีย
จึงเป็นความหลุดพ้น ที่แท้จริง

ท่านพุทธทาสภิกขุ

Image by geralt from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

ชีวิตย่อมมีคุณค่าในตัวของมันเอง


อย่าฝากคุณค่าชีวิตตน
ไว้กับการมองหรือความคิดของคนอื่น
ชีวิตย่อมมีคุณค่าในตัวของมันเอง
ไม่ผ่านการสมมุติของใครๆ แม้แต่เราเอง
เมื่อตระหนักในคุณค่าของชีวิตตน
จงทำประโยชน์ตนและประโยชน์ส่วนรวม
ด้วยความไม่ประมาท

พระอาจารย์ครรชิต อกิญจโน

Image by hubertngo from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา
 

นั่นแหละเป็นตัวจริงสมาธิ


สมาธิ กาย วาจา 
ตา หู จมูก ลิ้น สงบ
นั้นเป็นแค่เพียงเงา 
คือ กายนั่งนิ่ง 
ปากปิดไม่สนทนาปราศรัย 
จมูกไม่สนใจกลิ่น 
ตาหลับไม่สนใจรูป เหล่านี้เป็นต้น
ถ้าจิตตั้งมั่น เป็นอัปปนาจิต 
แม้ยืน เดิน นั่ง นอน 
ก็ไม่หวั่นไหว  นั่นแหละเป็นตัวจริงสมาธิ

ท่านพ่อลี ธัมมธโร

Image by No-longer-here from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา



 

แม้แต่ห้องน้ำก็จะกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์


การฝึกสตินี้ ต้องการเพียงความรู้สึกตัวเท่านั้น
ไม่ได้ต้องการอย่างอื่น
ไม่ต้องการความรู้ระดับดอกเตอร์
ไม่ต้องการความจำอะไรได้มากมาย
ไม่ต้องการการพูดเก่ง
ต้องการเพียงความรู้สึกตัวในการทำกิจต่างๆ
จะเดิน ยืน นั่ง นอน อาบน้ำ ฯลฯ
ทำอะไรก็ให้รู้สึก
เมื่อเราปฏิบัติไปเรื่อยๆ แม้แต่ห้องน้ำที่เราเข้าอยู่ทุกวัน
ก็จะกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
เพราะฝึกให้เราเป็นผู้มีสติ เป็นพุทธะ
ตามปกติ เราจะคิดว่า ที่ศักดิ์สิทธิ์คือห้องพระ
แต่ความจริงแล้ว สถานที่ใดที่ทำให้จิตใจของเรา
ตื่นขึ้นเป็นพุทธะได้
ที่นั้นคือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

อ.สุภีร์ ทุมทอง

Image by felix_merler from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา



 

เห็นตถาคต คือ การเห็นจิตที่บริสุทธิ์


ความเป็นกลาง ความสะอาด ความบริสุทธิ์นั้น
ก็หมายถึง จิตดวงนี้เอง
ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต ซึ่งก็คือ
การเห็นจิตที่บริสุทธิ์ ณ ปัจจุบันนั่นเอง
จิตที่บริสุทธิ์ จึงเป็นจิตที่อยู่นอกเหตุเหนือผล
เหนือสมมติ เหนือบัญญัติ
เหนือเกิด เหนือดับ
เรียกว่า เป็นวิมุติ
หมดภาระ หมดสิ้นการงาน
หมดคำพูด จึงหยุด
แล้วปล่อยคำว่าหยุดลงเสียด้วย

ลุงหวีด บัวเผื่อน

Image by rombout67 from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา




 

ทุกผัสสะ ละความเพลิน


ที่จุดเกิดทุกข์ และ จุดพ้นทุกข์
อยู่ตรงจุดเดียวกันตรงผัสสะ
ทุกขณะในสังสารวัฏมีผัสสะ
ทำให้เกิดเวทนา นับจำนวนไม่ได้
การเจริญสติ เห็นความจริง
ขณะผัสสะ ไม่มี “เรา” และไม่ได้เป็นของใคร
ไม่ทุกข์ใจ ถ้าไม่สร้าง ราคะ โทสะ โมหะ
ทุกผัสสะ ละความเพลิน

พระอาจารย์อำนาจ โอภาโส
ที่มา: หนังสือ “ประณีต”

Image by jplenio from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

ถ้าเรารู้จิตตัวเองแล้ว เราก็จะรู้จิตผู้อื่น


ที่พวกโยมมาเจริญภาวนากันนี้..ก็เรียกว่าจะได้เจโต
เจโตนี้..ต้องกำหนดรู้จิตตัวเองให้ได้ก่อน 
คือเท่าทันอารมณ์ของจิตตัวเอง 
เมื่อเท่าทันจิตของตัวเองได้ 
ก็สามารถกำหนดรู้จิตผู้อื่นได้อย่างนี้ 
พูดง่ายๆ ว่าควรเพ่งโทษดูจิตตัวเองให้มากนั่นเอง 
ถ้าเรารู้จิตตัวเองแล้ว
เราก็จะรู้จิตผู้อื่น
ญาณทัศนะทั้งหลายก็จะบังเกิดขึ้น..

สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี

Image by Darkmoon_Art from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา




 

เพียงแต่เปลี่ยนทุกข์เป็นปัญญาได้ทัน


การมีใจเดินทางธรรม 
ใช่ว่าจะไม่พบทุกข์
เพียงแต่เปลี่ยนทุกข์เป็นปัญญาได้ทัน
ทุกข์ทางใจจึงดับลงไป 
ความสว่างทางปัญญาเข้ามาแทนที่..
.
ปุ๋ยจำเป็นต่อการเติบโตของต้นไม้เพียงใด
ความทุกข์ประจำชีวิตก็จำเป็น
สำหรับการเติบโตทางจิตญาณมากเท่านั้น..
.
ครูบาอาจารย์ ท่านมักเข้าหาทุกข์ 
เพื่อประจักษ์ชัดตรงต่อความจริง 
ความทุกข์ของผู้มีสติปัญญามักแปลง
เป็นปรีชาญาณได้ทัน
.
ส่วนนักเดินทางปฎิบัติที่แท้จริง 
เวลาเจอทุกข์มักไม่ปริปากบ่น 
อีกทั้งรีบเอาเพชรออกจากหัวคางคกจนได้ 
ไม่ยอมปล่อยให้ทุกข์เกิดฟรี
โดยไร้การเกิดตามของปัญญาทางธรรม(รู้แจ้งเห็นจริง) 
.
ส่วนคนที่เจอทุกข์แล้วมักคร่ำครวญกับชีวิต 
ให้รู้ไว้ การเดินทางยังมีอีกมาก 
ลดความสำคัญตนลง 
 แล้วเป้าหมายจะชัดขึ้นทันใด

ตื่นทางปัญญา จิตกลับสู่เดิมแท้
(อิโตมิ จัง)

Image by EvgeniT from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา



 

ทางลัดสั้นคือไม่เอาอะไรเลย


'จิต' มันเป็นตัวดู ดูอยู่เฉยๆ 
ตัวมันเองมันเป็นอนัตตา
ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเราหรอก 
มันเป็นจิต เราไม่อยากให้มันคิด มันก็คิด 
ไม่อยากให้มันไปยึดไปติดไปข้องอะไร
มันก็ไปยึดไปติดไปข้อง 
หัดทิ้งมันซะบ้าง เฉยเลย ไม่ต้องไปสนใจมัน...
ทางลัดสั้นคือไม่เอาอะไรเลย 
มันจะคิด คิดไปเลย! 
มันจะเอาอะไร เอาเลย!
แต่เราไม่ไปยุ่งกับมัน ไม่ไปเอากับมัน

พระอาจารย์ครรชิต สุทธิจิตโต

Image by Ylanite from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

ต้องสามารถรู้แจ้งด้วยใจเอง ในธรรมชาติแท้ของตัวเอง


การที่ใครจะบรรลุอนุตรสัมโพธิได้นั้น
ผู้นั้นจะต้องสามารถรู้แจ้งด้วยใจเอง
ในธรรมชาติแท้ของตัวเอง
หรือที่เรียกว่าจิตเดิมแท้
อันเป็นสิ่งที่ใครสร้างขึ้นไม่ได้ 
หรือทำลายให้สูญหายไปก็ไม่ได้
ชั่วเวลาขณะจิตเดียวเท่านั้น  
ผู้นั้นสามารถเห็นแจ้งจิตเดิมแท้
ได้โดยตลอดกาลทั้งปวง
ต่อจากนั้น
ทุกๆ สิ่งย่อมจะเป็นอิสระจากการถูกกักขัง
กล่าวคือจะเป็นวิมุติหลุดพ้นไป

ท่านเว่ยหล่าง

Image by Krisatu from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

น้ำ ไหล นิ่ง


น้ำ ไหล นิ่ง
ผู้ใดเห็นความสงบในความเคลื่อนไหว
เห็นความว่างในความมี
ใจจะสุขสงบนิรันดร์
นั ต ถิ สั น ติ ป ะ รั ง สุ ขั ง
“สุขใดเหนือกว่าใจที่สงบ เป็นไม่มี"

หลวงตาณรงศักดิ์ ขีณาลโย

Image by TheOtherKev from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

อยากได้จะไม่ได้ อยากเป็นจะไม่เป็น


อยากได้จะไม่ได้ อยากเป็นจะไม่เป็น 
อยากเห็นจะไม่เห็น
ไม่อยาก มันก็อยาก ใจนี้มันของยากที่สุด
ตั้งใจให้ดี หน้าที่ของใจ
คือ กำหนดภาวนา 
เต็มใจทำ ตั้งใจทำ พากเพียรของตน
จะได้ - ไม่ได้
จะเป็น - ไม่เป็น ก็สุดแต่เหตุ
หน้าที่ของเรา ตั้งใจเท่านั้น

หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ

จากหนังสือ ตำนานผู้เฒ่า เรื่องเล่าเด็กน้อย 
โดย พระธมฺมธโร ครูบาแจ๋ว

Image by adege from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

ความสงบจากความเข้าใจ.. ไม่ทำก็มี


ความสงบที่ได้มาจากการ “ทำ”  
ต่างจากความสงบที่ได้มาจาก “ความเข้าใจ” 
ดูเปลือกนอกเหมือนจะเหมือนกัน 
แต่ภายในต่างกัน  
ความโปร่งโล่งก็ต่างกัน 
ความสงบจากการทำ.. ไม่ทำก็ไม่มี 
ความสงบจากความเข้าใจ.. ไม่ทำก็มี  

การเดินทาง แห่งจิตวิญญาณ  

Image by DeltaWorks from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

ปล่อยวางเรื่อยๆ ทำให้ชำนิชำนาญ


ในขณะที่เราอยู่กับคนเยอะๆ
เรากำหนดปล่อยวาง ปล่อยวาง
เห็นอยู่ แต่เราไม่ยึด
ทำจิตของเรา โปร่งๆ ว่างๆ ไปเรื่อยๆ
อย่าไปคิดว่า
เราจะทำกลางคืน หรือตอนเช้า
อย่าคิดอย่างนั้น
.
คิดสิว่า 
กิเลสมันทำงานกับเรา 
มันไม่เลือกเวลา
มันมาเวลาไหน 
ขอให้พยายามสกัดมันไปเรื่อยๆ
ปล่อยวางเรื่อยๆ  ทำให้ชำนิชำนาญ
ต่อไป เห็นอะไร ผัสสะอะไร ก็เฉยๆ
ถ้าทำได้อย่างนี้ จิตเราก็สบายไปเรื่อย
.
พอเวลาไปนั่งพัก 
ทำสมาธิ มันก็ลงง่าย
เพ่งไปสู่ความเกิด ความดับ 
ทำงานไปเรื่อยๆ
อย่าไปรอว่า
จะต้องตอนเช้า ตอนค่ำ
เมื่อเรารู้ว่าอะไรเข้ามาสู่ใจ 
ก็ปฏิบัติตอนนั้น 
สลัดมันออก สลัดมันทิ้ง ตอนนั้นเลย
มันจะสงบของมันเอง
ไม่มีอะไรในโลก โปร่ง วาง
เพียงแต่พออะไรเข้ามา 
เราก็รู้ และรู้สึกไว
เหมือนผ้าขาว 
อะไรเปื้อนนิด มันก็รู้แล้ว
จงฝึกจิตให้หัดปล่อยวางมากๆ นะ
ไม่ใช่เอาแต่ความสงบอย่างเดียว
พระครูเกษมวรกิจ
(หลวงพ่อวิชัย เขมิโย)

Image by Vectorxue from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

นำเราไป สู่...ความสุข ที่ไร้ทุกข์เจือปน


ความร่ำรวย ชื่อเสียง 
ความเพลิดเพลินในรูป รส กลิ่น เสียง
ดูดึงดูดเย้ายวน  เมื่อเริ่ม...
แต่จะจบลงด้วยความผิดหวังที่ขมขื่น
ในทางตรงข้าม ยาขม
กลับทำให้หายป่วย
การฝึกจิตอาจยากเย็น 
และมีอุปสรรคทั้งกายทั้งจิต
แต่นำเราไป สู่...ความสุข
ที่ไร้ทุกข์เจือปน

ตุลกู ดิลโก รินโปเช

Image by Netti_Nu_Nu from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา




 

จงอยู่กับการรู้ตัว


จะไม่สามารถเห็นสัจจธรรมได้
หากเธอมัวไหลเพลินอยู่ใน
กระแสความคิดตามสมมุติ
จะเห็นแต่เรื่องราวที่มีเราไปเป็น
ตัวละครของความคิด และมีแต่ความรู้สึกได้ดั่งใจ 
ไม่ได้ดั่งใจ สลับสับเปลี่ยนอยู่อย่างนั้น
ในทุกขณะของการเคลื่อนไปของชีวิต
จงอยู่กับการรู้ตัว แค่รู้ ให้มากให้ถี่ที่สุด
สัจจธรรมจะปรากฏตามกำลังสติ 
ที่เข้มแข็งขึ้นนั้นเอง

อาจารย์ปู่ เอกธาตุ

Image by Chuotanhls from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


 

สติปัฏฐาน 4


การภาวนา
เท่าที่ได้ข้อมูลมานี่ง่ายที่สุด
ไม่ต้องไปนึกอะไร
อย่างดีก็ พุทโธ ธัมโม สังโฆ ๓ จบ
แล้วทำสติกำหนดรู้จิตเฉยอยู่
พอจิตว่างอยู่ ปล่อยให้ว่าง
ถ้าจิตคิด ปล่อยให้คิด
เอาสติตามรู้ ทีนี้ถ้าหากว่า
จิตยังไม่มีพลัง พอคิดปั๊บ
เรากำหนดรู้ เขาจะหยุดคิด
มันก็เป็นความว่าง
ว่างแล้วเราก็รู้อยู่ที่จิต
.
- การรู้อยู่ที่จิต เป็น จิตตานุปัสสนา
- เมื่อจิตคิดขึ้นมา เรากำหนดรู้
ก็ ธัมมานุปัสสนา
- พร้อมๆ กันนี้ สุขทุกข์ก็เกิดขึ้น
จิตของเราก็รู้เองโดยไม่ได้ตั้งใจ
ก็เป็น เวทนานุปัสสนา
- กิริยาอาการที่กำหนดหมายรู้สิ่งต่างๆ ได้
มันเกิดจากประสาททางสมอง
ก็เป็นเรื่องของ กายานุปัสสนา"

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
cr.เพจลูกศิษย์ท่านพ่อลีฯ

Image by vietnguyenbui from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา