..มองดูขันธ์ ๕ นี้ก็เห็นชัดเลย
ว่าเป็นของว่างเปล่าจากสัตว์จากบุคคล
ไม่ใช่เป็นตัวเป็นตนเป็นของตนจริงจังอะไร..
มองดูนอกขันธ์ ๕ นี้ออกไป
ก็มองไม่เห็นว่าอะไรจะเป็นแก่นสาร
เป็นของเที่ยงของยั่งยืน..
มีแต่ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้น
แล้วก็แปรปรวนแตกดับไปอยู่อย่างนั้น..
ถ้าเกิดความรู้ความเห็นขึ้นมาอย่างนี้เสมอๆไป
นั้นแหละท่านเรียกว่า “อนัตตานุปัสสนา”
แปลว่า เห็นแจ้งในธรรมทั้งหลาย
ในสรรพสิ่งทั้งหลายว่าเป็น “อนัตตา”..
นี่แหละ..มีพระธรรมหรือว่ามีคุณธรรม
เป็นวิหารธรรม-เครื่องอยู่ภายในจิตใจ..
เมื่อใจมันมั่นอยู่ในธรรมเหล่านี้เสมอๆ ไปมันก็ทิ้งโลกได้
อาศัยอยู่กับโลกแต่ไม่ติดอยู่กับโลก
เหมือนกับน้ำไม่ติดอยู่ในใบบัว
ธรรมดาใบบัวจะหนีน้ำไม่ได้เลย
ต้องแช่อยู่ในน้ำนั่นแหละ
แต่ว่าใบบัวหากไม่ติดอยู่ในน้ำ
น้ำไม่ซึมซาบเข้าใส่ในใบบัวได้
ฉันใดมุนีทั้งหลายก็ไม่ข้องอยู่ในอารมณ์ฉันนั้นแหละ
ไม่ข้องไม่ติดอารมณ์ทั้งหลาย
ไม่ได้ซึมซาบเข้าสู่จิตใจของมุนีผู้รู้ทั้งหลายก็ฉันนั้น
หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
ที่มา : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา