สำหรับพุทธศาสนา
ชีวิตที่สูงส่ง คือชีวิตที่กอปรด้วย
.
ปัญญา คือความรู้ความเข้าใจ
ความจริงของชีวิต
จะเป็นอิสระจากความผันผวน
ปรวนแปรของโลกได้
ส่วนกรุณา คือความรักความปรารถนาดี
ต่อสรรพชีวิต โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง
และไม่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนตน
อุดมคติดังกล่าวมักถ่ายทอด
ผ่านพระพุทธรูปซึ่งเป็นตัวแทน
ของบุคคลที่พัฒนาตนจนถึงอุตมภาวะ
อย่างเต็มศักยภาพแห่งความเป็นมนุษย์
.
วิหารอานันทะในเมืองพุกาม ประเทศพม่า
เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูป
เก่าแก่ที่มีอายุนานนับพันปี
หนึ่งในสององค์นั้นนักท่องเที่ยวชาวไทย
เรียกว่า “พระยิ้ม - บึ้ง”
เนื่องจากหากมองไกล
จะเห็นพระพักตร์แย้มยิ้ม
แต่ถ้าเดินเข้าไปใกล้ๆ จะพบว่า
รอยยิ้มแปรเปลี่ยนไป
ตามสายตาของคนส่วนใหญ่
ภาพที่เห็นคือพระพักตร์ที่ “บึ้ง”
.
แท้จริงหากมองอย่างพินิจ
พระพักตร์ที่มองจากมุมใกล้นั้น
หามีอาการบึ้งไม่
หากเป็นพระพักตร์ที่สงบต่างหาก
จะถูกต้องกว่า หากเรียกพระพุทธรูปองค์นี้ว่า
“พระยิ้ม - สงบ”
เหตุใดพระพุทธรูปองค์เดียว
จึงมีสองลักษณะเมื่อมองจากต่างมุม
คำตอบน่าจะเป็นเพราะช่างโบราณนั้น
ประสงค์ที่จะแสดงพุทธคุณสองประการ
อันเป็นอุดมคติของมนุษย์ ได้แก่
พระกรุณาคุณ และพระปัญญาคุณ
.
พระกรุณาคุณนั้นแสดงออกด้วย
พระพักตร์ที่แย้มยิ้ม
เปี่ยมด้วยความรักต่อสรรพชีวิต
ใครที่รอนแรมจากที่ไกล
เมื่อได้เห็นย่อมรู้สึกอบอุ่นใจ
ใครที่มีความทุกข์ใจ
ย่อมมีความหวังว่าจะได้รับ
การปกปักรักษาจากพระองค์
.
ส่วนพระปัญญาคุณนั้นแสดงออก
ด้วยพระพักตร์ที่สงบนิ่ง
เมื่อมองจากมุมใกล้
เป็นอาการของผู้รู้แจ้งความเป็นไปของโลก
จึงไม่หวั่นไหวในสุขหรือทุกข์
โลกธรรมไม่ว่าบวกหรือลบ
จึงไม่สามารถทำอะไรพระองค์ได้
.
ผู้ใดที่พินิจพระพุทธรูปพระองค์นี้
ด้วยใจที่ใคร่ครวญ
ย่อมตระหนักชัดว่า
สิ่งที่พึงยึดถือเป็นอุดมคติของชีวิตนี้
ก็คือการบ่มเพาะปัญญาและกรุณา
ให้เจริญมั่นคงในใจ
เพราะเราจะพ้นทุกข์ได้ก็ต่อเมื่อ
มีปัญญารู้แจ้งความจริงของชีวิตว่าไม่เที่ยง
เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
จึงไม่ยึดติดในโลกหรือสังขารทั้งปวง
และเมื่อพ้นทุกข์ ละวางตัวตน
ไร้ซึ่งความเห็นแก่ตัวทั้งปวง
จึงมีจิตกรุณาต่อสรรพสัตว์
ไม่มีที่สุดประมาณ
ปรารถนาช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
ชมภาพ "พระในวิหารอนันดาหรืออานันทะ"
ที่มา : เพจมนษิธาร Monsitharn
(บ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา เดิม)
15 ก.ย..68

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น