มีกายที่ยังไม่ตายก็คือมีศีลแล้ว




ศีล คือ กาย มีกายที่ยังไม่ตายก็คือมีศีลแล้ว 
เพียงพอแล้วที่จะเป็นต้นทุนในการศึกษา
รูป นาม กาย ใจ ให้รู้จริงตามที่มันเป็นจริง 
ไม่ต้องหาอะไรมาเพิ่มอีก 
เพียงแค่ดูลงไปที่ “กาย”ในปัจจุบัน 
มันก็มี “รู้” ในปัจจุบันแล้ว 
แต่ถ้ากายนี้ตายแล้วก็เป็นซากศพ 
มันไม่มีศีลแล้ว หมดทุนแล้ว

หลวงพ่อไพฑูรย์ ขันติโก

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

การทำเพื่อตัวเองก็คือ ทาน ศีล ภาวนาเท่านั้น




ชั่วชีวิตที่เกิดมา 
มัวแต่มุ่งหน้าทำมาหากินอยู่ตลอด
..ไม่ได้ทำเพื่อตัวเองเลย ทำเพื่อกายเท่านั้น
เพื่อกายพ่อ เพื่อกายแม่ เพื่อกายพี่ เพื่อกายน้อง
ไม่ได้ทำให้เราเองเลย ทั้งที่เหนื่อยแสนเหนื่อย...
การทำเพื่อตัวเองก็คือ ทาน ศีล ภาวนาเท่านั้น
ที่จะทำให้เราหมดภพหมดชาติ
ไม่ยึดถือภพไม่ยึดถือชาติ...


ลุงหวีด บัวเผื่อน

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

ไม่หลงยินดียินร้ายไปกับโลก




ไม่หลงยินดียินร้ายไปกับโลก
ก็จะอยู่เหนือโลกได้
เมื่อเห็นว่าโลกไม่มีอะไรเป็นที่พึ่งได้
ก็จะได้ที่พึ่งอันแท้จริง

อ.สุภีร์ ทุมทอง


ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

ความคิดนั่นแหละคือต้นเหตุให้ทุกข์



ความคิดนั่นแหละคือต้นเหตุให้ทุกข์
เจ้าความคิดนี่แหละนะ พระพุทธเจ้าถึงเรียกว่า "อวิชชา"
คือตัวไม่รู้ ตัวความคิดนี่แหละ เป็นเหตุให้ใจเราลุ่มหลง...
ถ้าดับความคิดได้ ก็ดับกิเลสได้...
ทีนี้ก็วิชชาเกิดขึ้น ความรู้เกิดขึ้น
สิ่งที่ไม่ได้รู้ ก็รู้ สิ่งที่ไม่ได้เห็น ก็เห็น
นั่นเขาเรียกว่า "วิชชา" รู้แจ่มแจ้งโลก..

หลวงพ่อฉลวย อาภาธโร

***การดับความคิดไม่ได้หมายถึง การห้ามใจไม่ให้คิด แต่หมายถึง การ "เห็น" และ ไม่เข้าไป "เป็น" ในความคิด เรียกว่า รู้เท่าทันความคิด ความคิดจึงไม่มีอิทธิพลเหนือจิตใจ***  

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

การเห็นจิตตัวเองเป็นกุศลและมหากุศล



คนเราโดยมากไม่ค่อยรู้ใจตัวเอง ไม่รู้จิตตัวเอง 
เพราะจิตตัวเองอยู่แต่อารมณ์ภายนอก
โดยมาก จะไปมองข้างนอกหมด 
จะไปสนใจเรื่องจิตคนอื่น 
เห็นคนโน้นเป็นอย่างนั้น เห็นคนนี้เป็นอย่างนี้ 
การที่เราจะรู้จิตตัวเองได้ เราต้องรู้จักคำว่า "ภาวนา" 
การที่เห็นจิตตัวเองนั้นเป็นกุศลและมหากุศล ...

หลวงพ่อสนอง กตฺปุญโญ

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

ความรู้เกี่ยวกับโลกที่ลึกซึ้งที่สุด




ถ้าจะฟังเทศน์ แต่ความจริงล้วน ๆ
พระจะต้องพูดแต่คำว่า “เกิด-ดับ ๆ ๆ ๆ”
คงไม่มีใครอยากฟัง ฟังไม่กี่ครั้งก็เบื่อ
ผู้แสดงจึงต้องหาอะไรมาประกอบการอธิบาย
เพื่อให้มันน่าฟัง... แต่แท้ที่จริงแล้ว
ความรู้เกี่ยวกับโลกที่ลึกซึ้งที่สุด
ก็สักแต่ว่าเข้าใจเรื่องการเกิดและการดับเท่านั้น

พระอาจารย์ชยสาโรภิกขุ

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

การรักษาจิตคือการบำรุงสติ




..ทำข้อวัตรหรือทำงานอะไรอยู่ก็ควรมีสติกำกับคำบริกรรม 
หรือมีสติสัมปชัญญะอยู่กับตัว 
ไม่ปล่อยใจให้ส่ายแส่ไปตามอารมณ์ต่างๆ 
ตามนิสัยของจิตที่เคยต่ออารมณ์...
การรักษาจิตได้แทบทุกครั้งหรือได้ทุกเวลานั้น 
เป็นการบำรุงสติและจิตเพื่อควรแก่งานทางด้านสมาธิภาวนา
และงานอื่นๆ ได้ดี..


หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

บารมีเกิดแต่สิ่งกระทบกระทั่ง



การสร้างบารมี มันก็อาศัยเหตุภายนอกมากระทบกระทั่ง 
เป็นเหตุให้อดให้ทน การที่มีเหตุภายนอกมากระทบกระทั่ง 
มาได้อดได้ทน ได้ละความยินดียินร้ายต่างๆ นั้น 
อันนั้นแหละเป็นบารมี ถ้าอยู่เฉยๆ ไม่มีเรื่องอะไรมากระทบกระทั่ง 
จิตมันก็เฉยๆ ไปอย่างนั้นแหละ มันก็ไม่เป็นบารมี 
เพราะฉะนั้นผู้ปฏิบัติทั้งหลาย ท่านจึงไม่โทษสิ่งต่างๆ ในโลก 
สิ่งต่างๆ ได้ชื่อว่ามันช่วยให้ผู้มีปัญญานั้นเบื่อหน่าย 
ถ้าไม่มีสิ่งนี้มากระทบกระทั่ง มันก็ไม่เบื่อหน่าย 

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


ความโกรธดับเพราะสังเกต



          เราจะไม่จัดการกับความโกรธ โดยหันเหความสนใจไปที่สิ่งอื่น หรือเก็บกดความโกรธเอาไว้ที่ส่วนลึกของจิต...เมื่อเราเฝ้าสังเกตเวทนาอย่างมีอุเบกขา ก็จะพบว่า ความโกรธที่เกิดขึ้นนั้น ค่อยๆ อ่อนกำลังลงเรื่อยๆ จนดับไปในที่สุด

                                                                                           ท่านอาจารย์โกเอ็นก้า

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

รู้จิตใจที่ปรุงแต่ง ความปรุงแต่งจะสลายตัว



          จิตนี้เหมือนกัน เกิดเป็นทุกข์ เกิดโทษ เกิดภัย เกิดความเดือดร้อน เกิดราคะ โทสะ โมหะขึ้นมา เพราะมีการปรุงแต่งเกิดขึ้นในจิตใจ คือ การตรึก การนึก สร้างสรรค์ ผลิต ถ้าหากไปดูทัน รู้ตรงเข้าไปถึงจุดของจิตใจที่กำลังปรุงแต่งอยู่ ความปรุงแต่งก็จะสลายตัว เมื่อสลายไป ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น..

                                                                                    พระอาจารย์สุรศักดิ์ เขมรังสี

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

อย่าหลงคาบเหยื่อ




... ไม่ว่าจะเป็นอาการของกายของใจใดๆ ที่มันเกิดขึ้น
จะพึงพอใจใดๆ ก็ตาม จะไม่พอใจขนาดไหนก็ตาม 
จะชื่นชอบหรือไม่ชื่นชอบขนาดไหนก็ตาม 
รับรู้อารมณ์นั้น และวางอารมณ์นั้นลง 
ฝึกวางด้วยการกลับมารู้สึกตัว 

พอเรากลับมารู้สึกตัวปุ๊บ มันจะหลุดทันทีในตัวของมันเอง


พระอาจารย์ครรชิต อกิญจโน

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

เห็นผีในตน พบหนทาง




ผีภายนอก ไม่เห็นตัว กลัวกันมาก 
อสุภซาก อยู่ภายใน ไม่ใคร่เห็น
ทั้งผีสาง อยู่ในร่าง ของคนเป็น 
ถ้าใครเห็น จะประสบ พบหนทาง



พระบรมครู ให้พิจารณา ดูในกาย 
เพื่อทำลาย ความเห็นผิด จิตสว่าง
รีบกำจัด ตัวกามฉันท์ เครื่องกั้นกาง 
พบหนทาง ภายในตน ทุกคนเอย


หลวงปู่เปลื้อง ปัญญวันโต

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

จิตหลุดพ้นจากกายใจ หลุดพ้นโลก




การที่เรา “ดูแลรักษาจิต” อยู่กับปัจจุบัน
พิจารณาเห็นความจริงอยู่เสมอ จะเห็นว่าอารมณ์ทั้งหลายที่เข้ามา
ดับไปเป็นธรรมดา คือเป็นธรรมดาที่ต้องดับ
ทุกข์ที่เกิดขึ้น..ก็ดับไปเป็นธรรมดา เพราะทุกข์..ก็ไม่เที่ยง
เมื่อเข้าใจอย่างนี้ ..จึงอยู่กับเรื่องราวของโลก 
แต่อยู่เหนือเรื่องราวเหล่านั้น
เพราะโลกนี้..พระพุทธองค์บัญญัติไว้เพียง กายกับใจ
จิตที่หลุดพ้นจากกายและใจ จึงหลุดพ้นจากโลกนี้เช่นกัน


พระอาจารย์ธัมมทีโป

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

ญาณทัสนะเป็นพิเศษ



ญาณทัสนะเป็นพิเศษนั้น
คือ เห็นตามเป็นจริงในขณะนั้น 
รู้ตามเป็นจริงในขณะนั้น
ไม่สำคัญตัวว่าเป็นเรา เขาในขณะนั้น 
อุปาทานก็แตกกระเจิงไปเอง
ไม่ได้ต้องทำท่าทำทางให้แตก 

หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

ถ้าไม่ยอมตายจะไม่พบเห็นธรรม




การปฏิบัติที่จะพ้นทุกข์จะต้องเสี่ยงกับตาย 
คือจะต้องตายก่อนตาย ให้อหังการ มมังการ 
ตัวกูของกู มันตายนั่นเอง
ถ้าไม่ยอมตายจะไม่พบเห็นธรรม 
และไม่มีทางพ้นทุกข์ได้เลย

หลวงพ่อกนฺตสิริ (กนฺตสิริ ภิกฺขุ)


ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

สัมมาทิฏฐิ คือรู้สักแต่ว่ารู้




ความรู้ความเห็นที่ถูกต้อง
ซึ่งเรียกว่าสัมมาทิฏฐินั้น
จิตจะสำคัญมั่นหมายเพียงแค่ว่า 
จิตมีสิ่งรู้ สติมีสิ่งระลึก 
รู้อะไรสักแต่ว่ารู้ 
รู้แล้วก็ปล่อยวางไป.. 

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย 

ขอกำลังใจ 1 like ที่  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

จงอย่าใช้ความอยากไปดับความทุกข์




ถ้าเฉยแล้วทุกข์มันก็จะดับ
แต่ถ้าอยากให้มันดับ มันจะไม่ดับ
ความลับมันมีแค่นี้แหละเธอ
จงอย่าใช้ความอยากไปดับความทุกข์
เพราะความทุกข์มันเกิดมา
จากความอยากนั่นแหละ
ฝึกจิตรู้ผัสสะซื่อๆ เฉยๆ 
ความอยากมันก็หยุดเองแหละ

หลวงตาสุริยา วัดป่าโสมพนัส
ขอกำลังใจ 1 like ที่  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

เมื่อความคิดถูกมรรคปัญญาควบคุม




ความคิดเป็นเสมือนต้นตอของชีวิต
ทุกชีวิตมิได้มีความเป็นเอกภาพแห่งตัวเอง
จะต้องตกอยู่ในอิทธิพลของความคิด
เมื่อความคิดถูกมรรคปัญญาควบคุม
สังขารตัวปรุงก็จะถูกขจัดไป
จะเหลือเพียงเนื้อแท้แห่งความผุดผ่อง
ของความคิดฝ่ายสัมมาทิฐิล้วนๆ


หลวงพ่อมนตรี อาภัสสโร

ขอกำลังใจ 1 like ที่  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

ความสงบเป็นผลพลอยได้เพราะเกิดปัญญา




คนจะล่วงทุกข์ไปได้ด้วยปัญญา พระพุทธเจ้าท่านสอนอย่างนั้น
ไม่ใช่ว่าคนจะล่วงทุกข์ได้เพราะไปนั่งสงบ
ความสงบนั้นมันเป็นผลพลอยได้เพราะเกิดปัญญา 
เมื่อเกิดปัญญารู้แจ้งเห็นจริง
ตามความเป็นจริงแล้ว มันก็สงบ


หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ

ขอกำลังใจ 1 like ที่  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

เมื่อเกิดสัมมาทิฏฐิ ก็จะเห็น “มรรค” อยู่ตรงหน้า



เมื่อใดที่จิตตั้งมั่น จะเห็นกายตามความเป็นจริง 
จะเห็นใจตามความเป็นจริง เห็นทุกสรรพสิ่งตามความเป็นจริง 
จิตแบบนี้ จึงเป็นจิตที่มีคุณภาพ เป็นสัมมาทิฏฐิ 
เมื่อเกิดสัมมาทิฏฐิ ก็จะเห็น “มรรค” อยู่ตรงหน้า

พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ

ขอกำลังใจ 1 like ที่  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

อยู่ตรงกลางๆ นี่ล่ะ เราจะได้เห็นธรรมะ




...เมื่อเห็นรูป เราต้องระมัดระวังไว้ 
พิจารณาไม่ให้จิตของเรายินดีหรือยินร้าย 
ตรงนี้ ตรงที่จิตไม่ยินดี แล้วก็ไม่ยินร้าย...
อยู่ตรงกลางๆ นี่ล่ะ 
เราจะได้เห็นธรรมะ เราจะรู้ธรรมะ......
เราจะบรรลุธรรมะ 

พระอาจารย์อนันต์ อกิญจโน

ขอกำลังใจ 1 like ที่  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

ยึดในความรู้ที่จริง ก็มีโทษ



เรื่องที่เรารู้จริง ก็อย่าไปยึดถือ เรื่องไม่จริง เราก็ไม่ยึด ไม่ถือเอา 
ยึดในความเห็นก็มีโทษ ยึดในความรู้ที่ไม่จริง ก็มีโทษ 
ยึดในความรู้ที่จริง ก็มีโทษ... 
รู้...ตัวนี้เป็น ทิฏฐิโอฆะ
ถ้าเข้าไปยึดก็ผิด รู้ก็ต้องสักแต่ว่ารู้ เห็นก็สักแต่ว่าเห็นเท่านั้น 
ไม่ต้องไปตื่นเต้น ชื่นชม ยินดี หรือโอ้อวดใคร

ท่านพ่อลี ธัมมธโร

ขอกำลังใจ 1 like ที่  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

ธรรมปรากฏขึ้นที่ใจ กิเลสจะสลายตัว




ดินฟ้าอากาศไม่เป็นข้าศึกแก่ใจ 
ใจที่ขาดการสำรวมนี่แหละเป็นข้าศึกแก่เรา 
เมื่อใจของเราได้รับการสำรวมดีแล้ว 
ศีลจึงไม่ต้องไปแสวงหา สมาธิก็ไม่ต้องไปแสวงหา 
ปัญญาก็ไม่ต้องไปแสวงหา เพราะเกิดขึ้นที่ใจ 
เมื่อธรรมปรากฏขึ้นที่ใจ กิเลสจะสลายตัวในขณะนั้น
เมื่อใจเราเป็นธรรมขึ้นทั้งดวง เป็นธรรมขึ้นทั้งใจ 
กิเลสตัณหาที่ซ่อนเร้นอยู่ในใจอยู่ไม่ได้
จิตว่างจากอารมณ์นั้นละ ทำให้เกิดความสว่างไสว...


หลวงปู่แบน ธนากโร

ขอกำลังใจ 1 like ที่  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

เบื้องหลังของมันก็คือ “มีเรา” อยู่




สติเราให้รู้เท่าทันจิตของเรา ให้รักษาจิตเอาไว้ให้เป็นปกติ 
เพื่อไม่ให้เรื่องราวต่างๆ ในชีวิตประจำวันของเรา
มาก่อเกิดเป็นทุกข์ขึ้นในจิต... 
ถ้าเรารู้เท่าทัน มันจะไม่มีอะไรเลย มันก็แค่กระทบกัน
แล้วธรรมชาติมันก็ก่อเกิดเวทนาขึ้นมา สุขบ้าง ทุกข์บ้าง ...
พอสุขเราก็ชอบใจ ก็อยากให้มันได้ดั่งใจเรา 
พอทุกข์มาเราไม่ชอบใจ เราก็อยากผลักต้าน อยากให้มันหาย 
มันก็เกิดความขัดข้องขึ้นในจิตเรา 
เบื้องหลังของมันน่ะ ก็คือ “มีเรา” อยู่
จริงๆ ไม่มีอะไรเป็นเราเลย เพราะเป็นเรื่องของธรรมชาติ



ที่มา : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

จิต..ดำเนินอยู่บนทางสายกลาง เห็นทุกข์ และดับทุกข์ได้



จิต..ดำเนินอยู่บนทางสายกลาง เห็นทุกข์ และดับทุกข์ได้ 
เพราะมีปัญญาเห็นความจริงว่า .. 
ทุกข์ที่เกิดขึ้น มีความดับไปเป็นธรรมดา 
จิตกับความคิดแยกจากกัน 
จิตจึงผ่องใส เป็นอิสระจาก ความคิดดีและไม่ดี 
ความคิดไม่ดี ละทิ้งไป ความคิดดีนำมาใช้ 
แต่ไม่ยึดมั่นว่าความคิดทั้งหลายเป็นเราเป็นของเรา 
จิตจึงหลุดพ้นจากความทุกข์ พบความสุขที่แท้จริงตลอดไป

พระอาจารย์ธัมมทีโป

ที่มา : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

เบื้องต้นให้จิตเป็นกลางด้วยสติก่อน



เราภาวนานะ เบื้องต้นให้จิตเป็นกลางด้วยสติก่อน
ต่อมาก็จิตเป็นกลางด้วยปัญญา 
จิตเป็นกลางด้วยปัญญานี่เป็นกลางของมันเอง 
ไม่ต้องไปยุ่งกับมันหรอก ตามรู้ตามดูความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ
ในที่สุดปัญญามันเกิด 
มันเห็นว่าทุกอย่างเป็นของชั่วคราว 
สุขก็ชั่วคราว ทุกข์ก็ชั่วคราว ดีก็ชั่วคราว ชั่วก็ชั่วคราว 
พอเห็นทุกอย่างเป็นของชั่วคราว จิตมันเป็นกลางเอง

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

ที่มา : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

จิตยอมรับความจริงของขันธ์ ไม่แบกรับทุกข์




เมื่อจิตมีสติตามระลึกรู้กายใจอยู่ทุกขณะ 
จิตจะเห็นความจริงในกายและในใจนี้ว่า
มันเป็นเพียงสภาวธรรมชาติที่เกิดดับ
เช่นเดียวกับธรรมชาติชนิดอื่นๆ ในโลก 
ไม่มีอะไรเป็นแก่นสารสาระ... ...
เมื่อจิตยอมรับความจริงของขันธ์แล้ว 
จึงไม่มีตัวตนเข้าไปแบกรับทุกข์อีกต่อไป 
จิตจะมีอิสระอยู่เหนือขันธ์ 
จึงปลอดโปร่งและผ่องใส


พระอาจารย์ชานนท์ ชยนนฺโท

ที่มา : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


การดูจิตนี้คือถูกต้อง




จิตของเราก็เช่นกัน เราก็ตามดูความคิดของเรา
คิดอะไรก็ตาม ดูไปเถอะ ให้มันจบสิ้นให้ได้...
ให้ตามดูใจตัวเองคิดนึกไปเรื่อยไปเลยทั้งวันทั้งคืน...
ภาวนาเรื่อยๆ ตามดูหนักเข้าๆ เราก็จะรู้ทันทีเลย 
คล้ายว่าตามจิตจน จนน่ะ พอจิตมันจนท่าแล้ว มันจะหยุด 
จะทำให้เรารู้เรื่องต่างๆ ภายในจิตหมด 
ฉะนั้น การดูจิตนี้คือถูกต้อง ไม่ต้องไปสงสัย


หลวงพ่อสนอง กตฺปุญโญ

ที่มา : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

สติเป็นกุศลกรรมนำไปสู่ความสิ้นทุกข์




การฝึกสติเพื่อให้กายกับใจรวมกันอย่างสนิทเรียกว่าปัจจุบัน 
สติก็เกิดอยู่ทุกๆ ขณะ จะมีการใคร่ครวญพิจารณา
อย่างรอบคอบก่อนทำ พูด คิดเสมอ 
เมื่อเป็นเช่นนี้ ความผิดพลาดบกพร่องก็มีน้อยมาก 
เป็นกุศลกรรมนำไปสู่ความสิ้นทุกข์
สิ้นปัญหาทุกๆ เรื่อง


หลวงพ่อมหาดิเรก พุทธยานันโท

ที่มา : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

เมื่อรู้สึกตัว จิตหยุดปรุงแต่ง




ยามใดที่เกิดความคิดปรุงแต่งขึ้นมา
ถ้าเรามีความรู้สึกตัว ความคิดจะหยุดปรุงแต่งทันที
เมื่อจิตปรุงแต่งต่อไปไม่ได้ จิตก็จะเป็นอิสระ
ถ้าเรามีความรู้สึกตัว 
ความคิดที่นำมาซึ่งราคะ โทสะ โมหะ จะเกิดขึ้นไม่ได้
ภาวะที่จิตเป็นปกติจะเกิดขึ้นทันที เมื่อมีความรู้สึกตัว 
นี่เป็นธรรมะที่ลัดสั้นกำมือเดียวจริงๆ

อ.กำพล ทองบุญนุ่ม

ที่มา : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

คาถา “ว่าง” คือคาถาที่ประเสริฐที่สุด



จะหมดทุกข์พ้นทุกข์ 
ก็อยู่ตรงที่ใจไม่ยอมรับเอาทุกข์เข้ามาอีก  
โดยพยายามทำความว่างให้เกิดขึ้นในใจตัวเดียว 
ไม่ต้องไปแสวงหาที่อื่น 
คาถา “ว่าง” คือคาถาที่ประเสริฐที่สุด 
ถ้าพวกเราสามารถทำได้ ก็จะปลอดจากทุกข์ทั้งปวง 
ไม่มีแก่ มีเจ็บ มีตาย

หลวงปู่คูณ สิริจันโท

ที่มา : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

จงยอมแพ้กิเลสผู้อื่น



จงยอมแพ้กิเลสผู้อื่นอย่างหมอบราบคาบแก้ว แต่จงอย่ายอมแพ้กิเลสของตัวเอง พระอาจารย์ชุมพล พลปญฺโญ

ที่มา : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

ถ้ามองจิตใจจนเห็นจิตในจิต...




ถ้าท่านกำลังชอบอะไรมากที่สุด
ขอให้ท่านหันกลับมามองจิตใจของตัวเอง 
ถ้าท่านไม่ชอบอะไรมากที่สุด
ก็ให้ท่านหันกลับมามองจิตใจของตัวเอง 
ถ้าท่านมองจิตใจของท่านจนเห็นจิตในจิตแล้ว

ท่านก็จะได้รู้ได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเป็นอยู่ตามเป็นจริง


พระอาจารย์ชายแดน สีลสุทโธ

ที่มา : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา
https://www.facebook.com/Jaturataweep/

จิตสงบ ไม่สงบ ก็สักว่ารู้



จิตสงบก็รู้ว่าจิตสงบ มันไม่สงบก็รู้ว่ามันไม่สงบ
รู้ว่ามันเป็นธรรมชาติของจิตที่จะต้องขึ้นๆลงๆอย่างนี้
เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา พอเข้าใจหลักนี้แล้ว
ต่อไปเวลาจิตจะสงบหรือไม่สงบก็ไม่วุ่นวายกับมัน ก็สักแต่ว่ารู้ไป
พอไม่วุ่นวายไปกับมัน จิตก็สงบ ใจก็สงบอย่างแท้จริง
เพราะไม่มีความอยากให้มันสงบหรือไม่สงบ
พอไม่มีความอยาก มันกลับสงบของมันเอง
แต่พอมีความอยาก มันกลับไปทำให้มันไม่สงบ
อันนี้ปริศนา ลองไปปฏิบัติดูแล้วจะเข้าใจ

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

ที่มา : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

https://www.facebook.com/Jaturataweep/

รักษาจิต อย่าให้มันก่อรูปความคิดใดๆ




...ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใดก็ตาม
จงรักษาจิต อย่าให้มันก่อรูปความคิดใดๆ ขึ้นมา
...จากจิตหนึ่งถึงจิตหนึ่ง ถ้าปราศจากรูปความคิดแล้ว
จากจิตหนึ่งถึงจิตหนึ่ง ย่อมไม่มีกรรม

หลวงพ่อมนตรี อาภัสสโร


ที่มา : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

ข้ามขึ้นให้พ้นเสียจากภูมิแห่งความคิด



...คำสอนของพุทธะทั้งหมด มีวัตถุประสงค์ข้อนี้เพียงข้อเดียว
คือพาพวกเราข้ามขึ้นให้พ้นเสียจากภูมิแห่งความคิด
บัดนี้ ถ้าเราหยุดความคิด
และหยุดความคิดของเราได้สำเร็จแล้ว...
คือหมายถึง สามารถปฏิบัติ...

จนหยุดพฤติของความคิดปรุงแต่งต่างๆ เสียได้
ไม่มีอะไรสามารถปรุงให้จิต
คิดไปตามอำนาจกิเลสตัณหาได้อีกต่อไป
เป็นจิตที่ว่างจากสิ่งปรุงแต่งและความคิดทั้งปวง
นั่นแหละเป็นตัว ธรรม หรือ พุทธะ หรือธรรมชาติเดิมแท้...

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
หนังสือ จิตคือพุทธะ

ที่มา : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา

เห็น “ทุกข์” เป็นมรรค




เมื่อเห็น “ทุกข์” แล้ว

ความเห็นทุกข์นั่นแหละเป็น “สัมมาทิฏฐิ”
เห็นทุกข์นั่นแหละ เรียกว่า ละ“สมุทัย”แล้ว
ละสมุทัยก็เป็น “นิโรธ” 
ความเห็นธรรมตัวเดียวนั่นแหละ 
เลยเป็นมรรคทั้งหมด
เรียกว่าเห็นธรรมในขณะจิตเดียว


หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

ติดตามหลักธรรมเพื่อการพ้นทุกข์อีกมากได้ที่ :
เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


เราไม่ได้ปฏิบัติวิปัสสนา ด้วยเจตนาดับตัวตน




เราไม่ได้ปฏิบัติวิปัสสนา
ด้วยเจตนาดับตัวตน
เพราะไม่เคยมีตัวตนให้ดับ
เราต้องการดับอุปาทานว่ามีตัวตน
อันเป็นปัจจัยแห่งการสืบสายทุกข์ต่างหาก


ท่านพ่อเฟื่อง โชติโก

ติดตามหลักธรรมเพื่อการพ้นทุกข์อีกมากได้ที่ :
เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา
https://www.facebook.com/Jaturataweep/