เราปฏิบัติเพื่อรู้จัก "สิ่งที่เราเป็นอยู่แล้ว"


นี่เป็นความย้อนแย้งอันยิ่งใหญ่ของวิถีพุทธ
เราปฏิบัติเพื่อรู้จัก "สิ่งที่เราเป็นอยู่แล้ว"
ดังนั้น จึงไม่มีการบรรลุสิ่งใด
ไม่ได้อะไรมา ไม่ได้ไปที่ไหน
เราแสวงหาเพื่อเปิดเผย
สิ่งที่อยู่ตรงนั้นเสมอมา
ท่านมิงจูร์ รินโปเช
“This is the great paradox of the Buddhist path:
that we practice in order to know what we already are,
therefore attaining nothing, getting nothing, going nowhere.
We seek to uncover what has always been there.”
– Mingyur Rinpoche
ภาพ Pinterest

ที่มา  เพจมนษิธาร  Monsitharn

        (บ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา เดิม)

15 ต.ค.68 



 

เพราะพวกเขาไม่ได้แสวงหาความจริง


ทำไมคนส่วนใหญ่จึงไม่ไปถึงจุดสิ้นสุด
แห่งจิตวิญญาณ?
เพราะพวกเขาไม่ได้แสวงหาความจริง
แต่แสวงหาความสงบและความสุขเท่านั้น..
" ...Why do most people not go to the end of spirituality ?
Because they are not in search of truth, but only peace and happiness..

☕
~ Nisargadatta Maharaj ~

ที่มา  เพจมนษิธาร  Monsitharn

        (บ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา เดิม)

15 ต.ค.68 


สมาธิอันสูงสุด


มนตร์อันสูงสุดคือการไม่โกหก
ยาอันสูงสุดคือการมีตัณหาน้อย
สมาธิอันสูงสุดคือการไม่ยึดติด
ท่านมิลาเรปะ
The highest mantra is to be without deception.
The highest medicine is to have few desires.
The highest meditation is not to be attached.
Milarepa
ภาพ Pinterest

ที่มา  เพจมนษิธาร  Monsitharn

        (บ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา เดิม)

15 ต.ค.68 


 

เป็นรูปแบบของปัญญาขั้นสูงสุด


เมื่อใดเธอเห็นว่าไม่มีสิ่งไหนคงอยู่ถาวร
การเห็นและการรับรู้เช่นนั้นแหละ
เป็นรูปแบบของปัญญาขั้นสูงสุด
เป็นปัญญาซึ่งไม่ใช่ของใคร
ไม่ใช่ของเธอหรือของฉัน
แต่เป็นนิรันดร์
และจากจุดนั้น จิตใจจะไร้ขอบเขต
เพราะไม่ยึดติดกับสิ่งใด
ไม่แสวงหาสิ่งใด ประสบการณ์ใดๆ อีกต่อไป
จิตใจเป็นแสงสว่างในตัวมันเองอย่างสมบูรณ์
และดังนั้นจึงเป็นนิรันดร์
ท่านกฤษณมูรติ
And when you see there is nothing permanent,
that very observation, that very perception is the highest form of intelligence.
And intelligence, which is not personal, which is not yours, or mine, is the everlasting.
And from there the mind becomes infinite, because it is no longer caught in attachment,
it is no longer seeking anything, any experience.
It is completely a light to itself and therefore eternal.
Jiddu Krishnamurti
ภาพ Pinterest

ที่มา  เพจมนษิธาร  Monsitharn

        (บ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา เดิม)

15 ต.ค.68 



 

ความหลงที่น่ากลัว คือ เข้าไปเป็น


เป็นเช่นนั้นเอง
“ความหลงที่น่ากลัว คือ เข้าไปเป็น
"ความไม่หลง" คือ
เห็นธรรมดาๆ .. เป็นเช่นนั้นเอง
ทุกข์ในอริยสัจ คือ เข้าไปเป็น
เวทนา.. มีอยู่ตามธรรมชาติ
ร้อนหนาว.. มีอยู่ตามธรรมชาติ
แต่เมื่อ.. เข้าไปเป็นนั้น
จึงจะเรียกว่าทุกข์
ถ้าเห็นมันสุข เห็นมันทุกข์
นั่นก็ปลอดภัยแล้ว
แต่ถ้าเป็นผู้สุขเป็นผู้ทุกข์
นั่นอันตราย
จะเป็นภพเป็นชาติ
เวียนว่ายตายเกิดอยู่ร่ำไป
ถ้าเห็นตามธรรมชาติ
ก็เรียกว่าเห็นธรรมก็ได้”
โอวาทธรรม
หลวงพ่อคำเขียน สุวัณโณ
ภาพ Pinterest

ที่มา  เพจมนษิธาร  Monsitharn

        (บ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา เดิม)

15 ต.ค.68 



 

ความคิดของคุณทำให้คุณไม่มีความสุข


ความทุกข์มากมายเกิดขึ้น
เมื่อคุณถือเอาความคิดที่ผุดขึ้นในหัว
มาเป็นเรื่องจริง
สถานการณ์ต่างๆ ไม่ได้ทำให้
คุณไม่มีความสุข
มันอาจทำให้คุณเจ็บปวดทางกาย
แต่มันไม่ได้ทำให้คุณไม่มีความสุข
ความคิดของคุณทำให้คุณไม่มีความสุข
การตีความของคุณ
เรื่องราวที่คุณเล่าให้ตัวเองฟัง
ทำให้คุณไม่มีความสุข
"ความคิดที่ฉันกำลังคิดอยู่ตอนนี้
ทำให้ฉันไม่มีความสุข"
การตระหนักรู้เช่นนี้จะทำลาย
การรับรู้ในจิตใต้สำนึกของคุณ
เกี่ยวกับความคิดเหล่านั้น
Much suffering, much unhappiness arises
when you take each thought that comes into your head for the truth.
Situations don't make you unhappy. They may cause you physical pain,
but they don't make you unhappy. Your thoughts make you unhappy.
Your interpretations, the stories you tell yourself make you unhappy.
"The thoughts I'm thinking right now make me unhappy."
This realization breaks your unconscious identification with those thoughts.
Eckhart Tolle

ที่มา  เพจมนษิธาร  Monsitharn

        (บ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา เดิม)

15 ต.ค.68 



 

อะไรไม่ใช่ของเธอ จงทิ้งเสีย


ภิกษุ ทั้งหลาย. !
สิ่งใด ไม่ใช่ของเธอ, สิ่งนั้น จงละมันเสีย;
สิ่งนั้น อันเธอละเสียแล้ว
จักเป็นไปเพื่อประโยชน์และ ความสุขแก่เธอ.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! อะไรเล่า ที่ไม่ใช่ของเธอ ?
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! จักษุ ไม่ใช่ของเธอ เธอจงละมันเสีย;
จักษุนั้น อันเธอละเสียแล้ว
จักเป็นไปเพื่อประโยชน์ และ ความสุข แก่เธอ
(ในกรณีแห่ง โสตะ ฆานะ ชิวหา กายะ และ มโน
ก็ได้ตรัสต่อไปด้วย ข้อความอย่างเดียวกัน).
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! เปรียบเหมือน อะไรๆ ในแคว้นนี้
ที่เป็นหญ้า เป็นไม้ เป็นกิ่งไม้ เป็นใบไม้
ที่คนเขาขนไปทิ้ง หรือ เผาเสีย หรือทำตามปัจจัย;
พวกเธอรู้สึก อย่างนี้ บ้างหรือ ไม่ว่า คนเขาขนเราไป
หรือเผาเรา หรือ ทำ แก่เราตาม ปัจจัยของเขา?
“ไม่รู้สึก อย่างนั้นเลย พระเจ้าข้า !”
เพราะเหตุไรเล่า ?
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ !
เพราะเหตุว่า ความรู้สึกว่า ตัวตน (อตฺตา) ของตน (อตฺตนิยา)
ของข้าพระองค์ไม่มีในสิ่ง เหล่านั้น พระเจ้าข้า !”
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! ฉันใดก็ฉันนั้น :
จักษุ...โสตะ...ฆานะ...ชิวหา...กายะ...มโน
ไม่ใช่ของเธอ เธอจงละ มันเสีย
สิ่ง เหล่านั้น อันเธอละเสียแล้ว
จักเป็น ไปเพื่อ ประโยชน์
และ ความสุขแก่เธอ แล.
สฬา. สํ. ๑๘/๑๖๑/๒๑๙.
ภาพ Pinterest

ที่มา  เพจมนษิธาร  Monsitharn

        (บ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา เดิม)

15 ต.ค.68