ความสุขทางโลกเป็นของชั่วคราว




         ...สิ่งทั้งปวงในโลกนี้มิใช่ว่าจะอำนวยแต่ความทุกข์เท่านั้น บางทีก็อำนวยความสุขให้เหมือนกัน ดังนั้นคนจึงติดมัน แต่บรรดานักปราชญ์ผู้มีปัญญาทั้งหลายท่านพิจารณาเห็นว่า มันเป็นความสุขชั่วคราวไม่ยั่งยืน ถ้าพิจารณาโดยสรุปแล้ว ก็เป็นทุกข์นั่นแหละ มากกว่าความสุข อันความสุขที่ว่านี้ มันเป็นเพียงเหยื่อล่อให้ติดอยู่ในทุกข์เท่านั้น ไม่ใช่เป็นสุขยั่งยืนแต่อย่างใด...

                                                                                                หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

จิตตนเองเป็นของเห็นยาก




         บั้งไฟพญานาค มันก็ขึ้นของมันทุกปี ไม่เห็นจะน่าอัศจรรย์ตรงไหน ปีหน้ามาดูก็เห็นอีก มานั่งภาวนากับหลวงปู่สิ มาดูจิตของตนเองสิ มันน่าอัศจรรย์ยิ่งกว่านะ การเห็นจิตตนเองเป็นของหายาก ยากกว่าเห็นบั้งไฟพญานาคเสียอีก

                                                                                               หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ


จิตที่ฝึกฝนดีไม่หวั่นไหวต่อกิเลส




เรือที่นายช่างต่อดีแล้วอย่างแข็งแรง 
เมื่อถูกคลื่นกระทบแล้ว ไม่เสียหายฉันใด 
จิตของบุคคลใด เมื่อฝึกฝนให้ดีแล้ว 
คลื่นของกิเลสกระทบเข้า ย่อมไม่หวั่นไหวก็ฉันนั้น

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

ธรรมะ เป็นสิ่งประเสริฐ



          ..ธรรมะ เป็นสิ่งประเสริฐ หากแม้นธรรมะประดิษฐานอยู่กลางดวงจิตดวงใจของผู้ใดแล้ว ผู้นั้นจะได้รับความอบอุ่นใจ มีที่พึ่งอันถาวรสมบูรณ์ทุกประการ จะไม่มีสิ่งใดๆในโลก ที่จะให้ความอบอุ่นยิ่งกว่า ธรรมะ..

                                                                                     หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

บุญนั้นเป็นแก้วสารพัดนึก




บุญนั้นเป็นแก้วสารพัดนึก 
ความทุกข์บางอย่าง..
ถ้าไม่มีบุญแล้วช่วยไม่ได้จริงๆ

หลวงปู่หลุย จันทสาโร


หลวงปู่หลุยพูดถึงในหลวง




          อยู่หัวหิน อยู่ใกล้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถแล้ว มักจะเกิดธรรมแปลก ๆ เป็นอัศจรรย์เป็นเพราะทั้งสองพระองค์ทรงมีพรหมวิหารอยู่ในน้ำพระทัยของพระองค์ ทั้งสองพระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์และพระราชินีที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ไม่ทรงทิ้งธรรม เป็นคนมีบุญเสด็จอวตารมาจากสวรรค์มาเกิด มาบริหารชาติ มาทำนุบำรุงศาสนาให้เจริญ ประเทศไทยไม่สิ้นจากคนดี นี้เป็นอัศจรรย์ประการหนึ่งของประเทศไทย

                                                                                               หลวงปู่หลุย จันทสาโร

ผู้เจริญภาวนาละกิเลสอย่างเดียวกัน



          ผู้เจริญภาวนาใช้อารมณ์ธรรมต่างๆ กัน แต่ละกิเลสอย่างเดียวกัน ดุจเสนาม้า เสนารถ เสนาเดินด้วยเท้า เพื่อทำสงคราม แต่เอาชัยชนะอย่างเดียวกัน

                                                                                        หลวงปู่หลุย จันทสาโร

มุ่งดีในทางโลกีย์


           
                     ...มุ่งดีในทางโลกีย์ เป็นทางวนเวียน มุ่งดีในทางโลกุตตระ เป็นทางพ้นทุกข์..

                                                   
                                                             หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต

มองตัวเองจึงเป็นคนดี




มองตัวเองให้มาก 
จึงจะกลายเป็นคนดีได้
มัวแต่มองผู้อื่นแล้วไซร้
ก็กลายเป็นคนพาลไปไม่รู้ตัว
เพราะนิสัยคนพาล
ย่อมเพ่งโทษผู้อื่นเป็นวัตร

หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต

เหตุที่ภาวนาพุทโธ



          ที่ให้ภาวนาพุทโธนั้น เพราะพุทโธ เป็นกิริยาของใจ ซึ่งเมื่อจิตภาวนาพุทโธแล้ว มันสงบวูบลงไป นิ่ง สว่าง รู้ตื่น เบิกบาน พอหลังจากนั้นคำว่า พุทโธ มันก็หายไป แล้วทำไมมันจึงหายไป เพราะจิตมันถึงพุทโธแล้ว จิตกลายเป็นพุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เป็นคุณธรรมที่ทำจิตให้เป็นพุทธะเกิดขึ้นในจิตของท่านผู้ภาวนา

                                                                          หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล

ยามใดท้อถอยกับการปฏิบัติ...




          หากยามใดท้อถอย เหนื่อยหน่ายต่อการปฏิบัติ ก็ให้ระลึกถึงภัยข้างหน้าที่จะมีมา ต้องตระหนักว่าขณะนี้เรายังอยู่ในมรสุม อยู่ท่ามกลางคลื่น ภัยนั้นมีอยู่รอบด้าน เอาไว้ให้ถึงฝั่งเสียก่อน อย่ามัวเที่ยวเก็บ เที่ยวชมดอกไม้ มืดค่ำแล้ว เดี๋ยวจะหาทางออกไม่พบ

                                                                                หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ

ความสุขมีที่ไหน ความทุกข์ก็มีที่นั่น




          เวลาความสุขมาถึงเข้า เราจะไปเอาความสุขในความสรรเสริญเยินยอ มั่งมีศรีสุขอย่างเดียว แต่เราหารู้ไม่ว่า "ความสุขมีที่ไหน ความทุกข์ก็มีที่นั่น"

                                                                                   หลวงปู่สิม พุทธาจาโร

มรณกรรมฐานเป็นยอดกรรมฐาน




          มรณกรรมฐานนี้เป็นยอดกรรมฐาน คนเราเมื่ออาศัยความประมาท มัวเมาไม่ได้มองเห็นภัยอันตรายจะมาถึงตน คิดเอาเอง หมายเอาเอง ว่าเราคงไม่เป็นไรง่ายๆ เราสบายดีอยู่ เรายังเด็กยังหนุ่มอยู่ ความตายคงไม่กล้ำกรายได้ง่ายๆ อันนี้เป็นความประมาท มัวเมา.....ถ้ามองเห็นความตายทุกลมหายใจเข้าออก สบายไปเลย กูก็จะตาย สูก็จะตาย จะมากังวลวุ่นวายกันทำไม

                                                                                    หลวงปู่สิม พุทธาจาโร

รู้ภายนอกไปทำไม



                                  รู้ภายนอก รู้ไปทำไม รู้ภายใน รู้กาย รู้จิต ของตัวเองดีกว่า

                                                          หลวงปู่สิม พุทธาจาโร

กิเลสมีอุบายหลายอย่าง



          กิเลสมันมีอุบายหลายอย่าง ที่จะเอาชนะคนผู้จะปราบมันเสมอ แทนที่จะปราบมันลง กลับถูกมันปราบเอา 

          ฉะนั้น วันคืนล่วงไป อย่าให้ล่วงไปเปล่า ต้องประกอบความเพียรภาวนา อย่าเห็นแก่กินแก่นอนเป็นใหญ่ ให้มุ่งชำระกิเลส เป็นของจำเป็น เป็นหน้าที่สำคัญ

                                                                                 หลวงปู่สิม พุทธาจาโร



บุญภายใน




          ให้ทานข้าวของ วัตถุภายนอกก็เป็นบุญ แต่ยังไม่ลึกซึ้ง ให้ทำบุญภายใน ใจให้เป็นบุญอยู่เสมอ ภาวนาพุทโธ นึกน้อมเอาคุณพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งอยู่ภายใน นี่แหละ บุญภายใน 

                                                                              หลวงปู่สิม พุทธาจาโร

จิตอยู่เหนือน้ำ




          ภาวนาให้ได้ทุกลมหายใจเข้าออก เมื่อมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น จิตของผู้ภาวนาก็สูง คำว่าสูง ก็เหมือนกับเรือที่ลอยลำอยู่ในแม่น้ำ ลำคลองหรือที่มหาสมุทรสาคร ก็คือ จิตมันอยู่เหนือน้ำ 

         จิตอยู่เหนืออารมณ์ เหมือนเรืออยู่เหนือแม่น้ำ มันก็ไม่ทุกข์ไม่ร้อน จึงจำต้องฝึกอบรมตัวเองให้มีความอดทน

                                                                                     หลวงปู่สิม พุทธาจาโร

กายกับใจคือที่ภาวนา



กายกับใจอยู่ที่ไหน 
ก็ที่นั่นแหละ
เป็นที่ปฏิบัติบูชาภาวนา 
อยู่บ้านก็ภาวนาได้ 
อยู่วัดก็ภาวนาได้ 
บวชไม่บวชก็ภาวนาได้ทั้งนั้น

หลวงปู่สิม พุทธาจาโร


การภาวนาไม่ใช่ของหนัก



          การภาวนา ไม่ใช่เป็นของหนัก เหมือนแบกไม้หามเสา เป็นของเบาที่สุด นึกภาวนาบทใดข้อใด ก็ให้เข้าถึงจิตถึงใจ จนจิตใจผ่องใสสะอาด ตั้งมั่นเที่ยงตรงคงที่อยู่ภายในจิตใจของตน ใจก็สบาย นั่งก็สบาย นอนก็สบาย ยืนไปมาที่ไหนก็สบายทั้งนั้น ในตัวคนเรานี้ เมื่อจิตใจสบาย กายก็พลอยสบายไปด้วย อะไรๆ ทุกอย่างมันก็สบายไป มันแล้วแต่จิตใจ 

                                                                           หลวงปู่สิม พุทธาจาโร

อย่าใส่ใจลมปากมนุษย์




         ลมปากมนุษย์ มันพอใจมันก็ว่าให้ดี ...มันไม่พอใจ มันก็ด่าให้ ว่าให้ อย่าไปเป็นทุกข์เป็นร้อน ทำใจของเราให้วางเฉย พุทโธ อยู่ในดวงใจให้จิตใจเย็นสบาย เป็นเครื่องอยู่เครื่องอาศัยภายในใจของเรานี่เอง 
          ......ลมแรงนั้นนานๆ จึงจะพัดมาทีหนึ่ง แต่ลมปากมนุษย์มันพัดอยู่ทุกวันเวลา ใครไม่ภาวนาก็เป็นทุกข์เป็นร้อน 

        ถ้าเขาสรรเสริญเรา ก็ไม่ควรดีใจ ถ้าเขานินทาว่าร้ายป้ายสี ก็ไม่ควรเสียใจ เพราะความสรรเสริญนินทานี้ ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน ความเที่ยงแท้แน่นอนมันอยู่ในจิตใจทุกคน ตั้งจิตตั้งใจให้มั่นคง

                                                                                             หลวงปู่สิม พุทธาจาโร


กบเฝ้ากอบัว




          กบไม่รู้อะไร ผู้ไม่ภาวนา แม้คุณพระพุทธเจ้าก็ไม่รู้ คุณพระธรรมก็ไม่รู้ คุณพระสงฆ์ก็ไม่รู้ แล้วก็นั่งเฝ้ากอบัวคือ นั่งเฝ้าธาตุทั้งสี่ ขันธ์ห้า นั่งเฝ้าตู้พระธรรมก็ว่าได้ ตัวเรานี้แหละเป็นตู้พระไตรปิฏก กาย วาจา จิต พระสูตร พระวินัย พระปรมัตถ์ กบก็คือจิต เราไม่ภาวนา ไม่สงบจิตสงบใจ มานั่งเฝ้ากอบัวอยู่ นั่งเฝ้าดอกไม้ของหอมอยู่ แต่ไม่รู้ เกิดมาแล้วก็มีตา ก็ดูไป มีหูก็ฟังไป มีจมูกก็ดมกลิ่นไป มีลิ้นก็ลิ้มรสกินอาหารไป มีร่างกายก็กระทบเย็นร้อนอ่อนแข็งไป เมื่ออารมณ์ทั้งห้าผ่านมาแล้ว ก็เป็นอารมณ์อยู่ในจิต สิ่งใดชอบใจก็หลงไป สิ่งใดไม่ชอบใจก็โกรธขัดเคืองในจิตในใจ ไม่ให้อภัยแก่ใครทั้งนั้น 

         คือว่าไอ้กบนั่งเฝ้ากอบัวคือเราทุกคนนี่แหละ

                                                                                 หลวงปู่สิม พุทธาจาโร

อุปสรรคคือเครื่องเสริมบารมี




คนเราโดยมากมักถืออุปสรรคเป็นเครื่องบั่นทอน กำลังใจ
เลยท้อแท้ที่จะแก้ไขปรับปรุง หรือดำเนินกิจการให้รุดหน้าต่อไป
ส่วนผู้ที่มีความเข้มแข็ง หรือจะทำจิตใจของตนให้เข้มแข็งต่อไป 
จะต้องถืออุปสรรคอันตรายต่างๆ เป็นสิ่งที่จะช่วยสร้างเสริมบารมีของตนให้เพิ่มขึ้น

หลวงปู่สิม พุทธาจาโร

อภัยทานเป็นทานอันสูงส่ง





อภัยทานเป็นทานอันสูงส่ง
เมื่อผู้อื่นล่วงเกินเรา ต้องเตรียมใจให้อภัยแก่เขาที่ไม่รู้
คนไม่รู้เขาก็ทำ-คิดไป 
ตามความไม่รู้ของคนไม่ได้ปฏิบัติบูชาภาวนา
ใจเราผู้ภาวนาต้องให้อภัย 
ไม่ต้องไปทำความเดือดร้อนต่อกันไปอีก
เรียกว่า อโหสิกรรม

หลวงปู่สิม พุทธาจาโร

ปฏิบัติบูชาเป็นเครื่องดำรงพระศาสนา


          การบูชาพระพุทธเจ้าหรือพระรัตนตรัยด้วยอามิสทาน แม้ด้วยการสร้างมหาวิหาร หรือมหาเจดีย์อุทิศถวาย แต่ย่อหย่อนหรือขาดการปฏิบัติบูชาแล้ว ย่อมไม่อาจดำรงพระศาสนาไว้ได้ ส่วนการบูชาด้วยการศึกษาสัมมาปฏิบัติ โดยทาง ทานกุศล ศีลกุศล และภาวนากุศล ให้เจริญขึ้นเป็นศีล สมาธิ ปัญญา ให้ถึง อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา ปฐมมรรค มรรคจิต มรรคปัญญา อันเป็นเหตุปัจจัยให้ถึง ธรรมโคตรภู พระโสดา พระสกิทาคามี พระอนาคามี พระอรหัต และ/หรือ ถึงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า อันเป็นการสร้างพระในใจตน เป็นต้นเท่านั้น ที่จักดำรงพระพุทธศาสนาไว้ได้ พระพุทธองค์จึงทรงสรรเสริญการปฏิบัติบูชา ยิ่งกว่าแต่เพียงการบูชาด้วยอามิสเท่านั้น 

                                                                       หลวงปู่สด วัดปากน้ำภาษีเจริญ

ใจที่สงบเย็นด้วยสมาธิธรรม




          ถ้าใจยังไม่มีความสงบเย็นทางสมาธิธรรมแล้ว อย่าเข้าใจว่าตนจะได้รับความสุขเย็นใจที่ไหนๆ เลย แต่จะเจอเอาแต่ความรุ่มร้อนที่แอบแฝงไปกับหัวใจที่ไม่มีความสงบนั้นนั่นแล ...

         ใครเพียร ใครอาจหาญ ใครอดทน ในการต่อสู้กับกิเลสตัวฝืนธรรมอยู่ตลอดเวลา ผู้นั้นจะเจอร่มเงาแห่งความสงบเย็นใจในโลกนี้ ในบัดนี้ และในดวงใจนี้ ไม่เนิ่นนานเหมือนการท่องเที่ยวที่เจือไปด้วยสุข ด้วยทุกข์อยู่ทุกภพ ทุกชาติ ไม่มีวันจบสิ้น


                                                                                 หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ศีล สมาธิ ปัญญา อยู่ในกาย วาจา จิต




ผู้มาปฏิบัติพิจารณา พึงรู้อุปมารูปเปรียบดังนี้
อันบุคคลผู้ทำนา ก็ต้องทำลงไปในแผ่นดิน
ลุยตม ลุยโคลน ตากแดดกรำฝน จึงจะเห็นข้าวเปลือก 
ข้าวสาร ข้าวสุก มาได้ และได้บริโภคดื่มสบาย
ก็ล้วนทำมาจากของมีอยู่ทั้งสิ้น ฉันใด
ผู้ปฏิบัติก็ฉันนั้น
เพราะศีล สมาธิ ปัญญา
ก็มีอยู่ในกาย วาจา จิตของทุกคน

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ให้แก้ปัจจุบัน...



          ให้แก้ปัจจุบัน เมื่อแก้ปัจจุบันได้แล้ว ภพ ๓ นั้นหลุดหมด ไม่ต้องส่งอดีต   อนาคต ให้ลบอารมณ์ภายนอกให้หมด จึงจะเข้าอารมณ์ภายในได้ เพ่งนอกเป็นตัวสมุทัย เป็นทุกข์ และเป็นตัวมิจฉาทิฐิ เพ่งใน เป็นตัวสัมมาทิฐิ เพ่งในตัว เป็นสัมมาทิฐิ

                                                                                        หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ความไม่ยั่งยืน




ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอน
ความยิ่งใหญ่ คือความไม่ยั่งยืน
ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วย
ทาน ศีล เมตตา และกตัญญู
ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ 
แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ 
ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเท่านั้น

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ผู้มีปัญญา...




ผู้มีปัญญา ไม่ควรให้สิ่งที่ล่วงแล้วตามมา 
ไม่ควรหวังในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
ผู้มีปัญญา ได้เห็นในธรรมซึ่งเป็นปัจจุบัน 
ควรเจริญความเห็นนั้นไว้เนืองๆ 
ควรรีบทำเสีย
ผู้มีปัญญา ซึ่งมีธรรมเป็นเครื่องอยู่ 
มีความเพียรแยกกิเลสให้หมดไป
จะไม่เกียจคร้าน ขยันหมั่นเพียร
ทั้งกลางวันและกลางคืน

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

อย่าเป็นคนประเภทใบลานเปล่า




          ....ท่านทั้งหลายจงอย่าทำตัวเป็นตัวบุ้งตัวหนอน คอยกัดแทะกระดาษแห่งคัมภีร์ใบลานเปล่าๆ โดยไม่สนใจพิจารณาสัจธรรมอันประเสริฐที่มีอยู่กับตัว แต่มัวไปยึดธรรมที่ศึกษามาถ่ายเดียว ซึ่งเป็นสมบัติของพระพุทธเจ้า มาเป็นสมบัติของตน ด้วยความเข้าใจผิดว่าตนเรียนรู้และฉลาดพอตัวแล้ว  ทั้งที่กิเลสยังกองเต็มหัวใจยิ่งกว่าภูเขาไฟ มิได้ลดน้อยลงบ้างเลย จงพากันมีสติคอยระวังตัว อย่าให้เป็นคนประเภทใบลานเปล่าๆ เรียนเปล่าและตายทิ้งเปล่า ไม่มีธรรมอันเป็นสมบัติของตัวอย่างแท้จริงติดตัวบ้างเลย

                                                                                               หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต



พระอรหันต์มาจากใจของปุถุชน




พระอรหันต์ไม่ได้ผุดขึ้นมาจากไหน... เกิดมาจากหัวใจของปุถุชน 
มาจาก ราคะ โทสะ โมหะ
ถ้าหากใจของปุถุชนนั้น พยายามบากบั่นฝึกปรือตน 
ให้เดินตามมรรคาสัมมาปฏิบัติ
พระอรหันต์ก็มาจากที่นั่น 
กลั่นกรองมาจากที่นั่น
เหมือนดอกบัวมาจากขี้ตมขี้โคลนเน่าๆ เหม็นๆ
แต่พอพ้นน้ำ รับแสงอาทิตย์ ใครก็อยากได้อยากชม

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

อัธยาศัยคนยังกำหนดในกาม



          อัธยาศัยของคนโดยมากยังกำหนัดอยู่ในกาม เห็นว่ากามารมณ์ที่ดีเป็นสุข ส่วนที่ไม่ดีเห็นว่าเป็นทุกข์ จึงได้ปฏิบัติในบุญกริยาวัตถุ มีการฟังธรรม ให้ทาน รักษาศีล เป็นต้น หรือภาวนาบ้างเล็กน้อย เพราะความมุ่งเพื่อจะได้สวรรคสมบัติ มนุษยสมบัติ เป็นต้น ก็คงเป็นภูมิกามาพจรกุศลอยู่นั่นเอง เบื้องหน้าแต่กายแตกตายไปแล้ว ย่อมถึงสุคติบ้าง ไม่ถึงบ้าง แล้วแต่วิบากจะซัดไป เพราะไม่ใช่นิยตบุคคล คือยังไม่ปิดอบาย เพราะยังไม่ได้บรรลุโสดาปัตติผล

                                                                                         หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต