ทุกข์ท่วมหัวก็ยังมองไม่เห็น


ทุกข์เกิดมากมายมหาศาล
เพราะเราไม่มีตาปัญญา
ที่จะมองเห็นทุกข์เท่านั้นเอง
เจ้าชายสิทธัตถะพอมีโอรสองค์แรก 
ท่านก็มองเห็นทุกข์ทันที แล้วท่านก็หนีเลย
แต่พวกเราบางคนได้ลูกคนหนึ่งก็ยังไม่รู้สึก 
ลูกสองก็ยังไม่รู้สึก ลูกสามก็ยังไม่รู้สึก 
ลูกสี่คนก็ยังไม่รู้สึก
ทุกข์ท่วมหัวก็ยังมองไม่เห็น 
แต่กว่าจะรู้สึกก็สายเสียแล้ว 
ก็เลยตามเลยไป ก็ตายแล้วตายอีกไม่รู้จบ

หลวงพ่อมหาดิเรก พุทธยานันโท

Image by patryklatko74 from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา



ต้องมีเป้าหมายเพื่อออกจากทุกข์


การที่อบรมจิตว่า “มันไม่ใช่ของเรา”
เดี๋ยวก็ตายแล้วเนี่ยก็เพื่อให้มีสัมมาทิฏฐิ
เป็น “สัมมาทิฏฐิแนวโลกียะ”
เพื่อจะให้มีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข
ทำบุญ ทำทาน ทำความดีเพื่อที่จะไปเกิดดี
เริ่มต้นก็ต้องเอาแนวเนี้ยไปก่อน
เพราะว่าปฏิบัติยังไม่ถึงขั้น
มันก็เลยเป็นไปเพื่อให้อยู่ในโลกได้
โลกเราก็จะได้มีความสุขอยู่กันแบบสงบร่มเย็น
มันก็เลยเป็นระบบศีลธรรมระบบจริยธรรมไป
.
แต่ถ้าหากว่ามันลึกเข้ามา มันต้องอีกระดับหนึ่งแล้วนะ
เป็น “สัมมาทิฏฐิแนวโลกุตตระ”
สัมมาทิฏฐิระดับนี้ต้อง “เห็น”
#เห็นพระไตรลักษณ์ #เห็นว่ามันไม่ใช่ของเรา
#ปฏิบัติจิตเพื่อให้จิตรู้ความจริงเท่านั้น
จึงจะเป็นทางออกเพราะมันออกจากกรรมได้
สัมมาทิฏฐิแนวโลกียะมันยังวนเวียนอยู่
ในการเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในระบบของกรรม
แต่ระบบโลกุตตระเนี่ย “ออกจากกรรม”
อะไรโผล่มา... ก็ไม่เอา สละ ละ วาง
รู้แล้วก็เห็นมันเกิดเห็นมันดับนี่ใช่เลย
.
ทำอะไรก็ตามต้องมีเป้าหมายเพื่อออกจากทุกข์
รักษาศีล... ก็เพื่อออกจากทุกข์
เพื่อละกิเลสตัณหาอุปาทาน
ปฏิบัติ... ก็เพื่อออกจากทุกข์
ไม่ใช่ลูบๆ คลำๆ ปฏิบัติ
เพื่อให้มีบุญไปเวียนว่ายตายเกิด
.
พระอาจารย์ครรชิต สุทฺธิจิตโต

Image by EvgeniT from pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา