ให้ค้นหาในกายใจตน



คนเราทุกคน ค้นหามันในกายในใจของตัวตนเองนั่นล่ะ
อารมณ์ ตัวอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มันอยู่นั่นล่ะ
ไม่ได้อยู่ไกลเลย มันอยู่กับตัวเรานั่นล่ะ
ค้นเอา ดูเอา

 หลวงปู่บุญมา สุชีโว

ผู้ปฏิบัติธรรม ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นรู้



ผู้ปฏิบัติธรรม ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นรู้
เจ้าของรู้เจ้าของเอง
แก้เจ้าของ ดัดเจ้าของเอง

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน


ถ้าเศร้าโศกถึงคนตาย ควรเศร้าโศกถึงตนเอง



          ถ้าบุคคลจะเศร้าโศกถึงคนที่ไม่มีอยู่แก่ตนคือ คนที่ตายไปแล้ว ก็ควรจะเศร้าโศกถึงตนเอง ซึ่งตกอยู่ในอำนาจของพญามัจจุราชตลอดเวลาเช่นกัน

                                                                                                             พุทธภาษิต

สติพร้อม ไม่มีทุกข์



          ชีวิตมีค่าทุกวัน ทำน้อยได้น้อย ทำมากก็ได้มาก สตินี่ทำได้ทุกระยะ รู้นี่ สติพร้อม ไม่มีทุกข์ เป็นบุญพร้อม เป็นปัญญาพร้อม จิตผ่องใส จิตก้าวหน้าพร้อม จะไปมีปัญหาในชีวิตได้อย่างไร

                                                                                            หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต

Link to the photo

การปฏิบัติ ปัญญาไม่เกิดเพราะระลึกไม่ตรง



          การปฏิบัติเท่าไหร่ๆ มันก็เกิดปัญญาไม่ได้ เพราะว่าระลึกไม่ตรง มันก็ได้แต่สมถะ คือได้แต่สมาธิเท่านั้น ได้ความสงบ ทำไปแล้วก็ได้ความสงบ ความสุข ได้ความอิ่มเอิบจากสมาธิ หรือได้ฤทธิ์ ได้เดช ได้อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ต่างๆ เหล่านั้น แต่ว่าไม่ได้เกิดปัญญารู้แจ้งตามความเป็นจริง ก็ถอนกิเลสไปไม่ได้ ตัดกิเลสโดยเด็ดขาดไม่ได้ อย่างดีก็ได้แต่ข่มกิเลสเข้าไว้เรียกว่า วิกขัมภนปหาน ตราบใดที่ยังสมาธิอยู่ก็รู้สึกว่า จิตปลอดโปร่ง ไม่มีโลภโกรธหลง แต่นั่นไม่ได้หมายความถึงว่า ตัดกิเลสขาด เป็นเพียงแต่ว่ากิเลสนั่นถูกข่มเอาไว้เพราะมีสมาธิ แต่ถ้าหากว่าสมาธิคลายลง ได้รับอารมณ์ก็จะเกิดกิเลสขึ้นมาอีก ทำบาปทำกรรมก็มีวิบากกรรมต่อไป ไม่จบสิ้น ไม่พ้นทุกข์ ถ้ามีกิเลสก็ทำกรรม ถ้าทำกรรมก็มีวิบาก มีทุกข์ต่อไปไม่จบไม่สิ้น

                                                                                          พระอาจารย์สุรศักดิ์ เขมรังสี

การปฏิบัติมันไม่เป็นไปเหมือนในตำรา



การปฏิบัติธรรม จะว่าปล่อยก็ไม่ใช่ จะว่ายึด
ก็ไม่ใช่ จะว่าเดินก็ไม่ใช่ ถอยหลังก็ไม่ใช่
เพราะการปฏิบัติมันไม่เป็นไปเหมือนในตำรา

หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม

ทุกข์ ไม่ต้องไปแก้



           ความจริง ทุกข์ พระพุทธเจ้าท่านว่า ไม่ต้องไปแก้มันหรอก ทุกข์มันอยู่ที่ไหนมันก็อยู่ที่นั่น สุขมันอยู่ที่ไหน มันก็อยู่ที่นั่นแหละ สุขทุกข์มันกองอยู่เท่า ๆ กัน แต่มันทุกข์มากสุขน้อย มันเป็นที่อุปาทานขันธ์...

                                                                                                  หลวงปู่สิม พุทธาจาโร

เปือกตมคือกาม อันผู้ใดข้ามได้แล้ว...



เปือกตมคือกาม อันผู้ใดข้ามได้แล้ว 
หนามคือกาม อันผู้ใดย่ำยีได้แล้ว
ผู้นั้นเป็นผู้ถึงความสิ้นโมหะ 
ย่อมไม่หวั่นไหวในสุขและทุกข์

นันทสูตร

สิ่งใดไม่ควรผ่านเข้าไปหาจิต ท่านไม่ให้ผ่าน



          ก่อนจะส่งอารมณ์หรือความรู้ใดๆเข้าไปสู่จิต ควรพิจารณาให้รอบคอบ สิ่งใดไม่ควรผ่านเข้าไปหาจิต ท่านไม่ให้ผ่าน หรือถ้าบังเอิญผ่านเข้าไปแล้ว ท่านก็ปล่อยให้มันผ่านไปทางอื่นเลย ไม่ให้มันเข้าไปถึงจิต นี่แหละท่านให้รักษาจิตใจถึงขนาดนี้

                                                                                                หลวงปู่ศรี มหาวีโร

ธรรมะของเราอยู่ที่ตัวเอง



การที่พวกเราไปหาเรียนธรรมะ 
หรือว่าไปฟังธรรมะมาได้นั้น สิ่งที่เราได้
ก็คือสัญญาความจำไว้ได้เท่านั้น สิ่งเหล่านั้น
ไม่ได้ทำให้กิเลสตัณหาหมดออกไปจากใจได้เลย 
ถ้าเราไม่มาดูที่ตัวเราเองมาทำที่ตัวเอง 
มาเห็นขึ้นที่ตัวเองเสียก่อน
ธรรมะนั้นยังไม่ใช่ของเราเลย 
เพราะธรรมะของเราจริงๆ นั้น
มีอยู่ที่ตัวเราของเราเองเท่านั้น 
พวกเราจะไปนำเอาธรรมะของคนอื่น
มาเป็นของเราไม่ได้เลย

หลวงปู่คูณ สิริจันโท

ตัวรู้ก็คือสติ




ใครหา “ตัวรู้” เจอ คนนั้นก็ได้พบพระพุทธเจ้า
ตัวรู้ก็คือสตินั่นแหละ ถ้ารู้ตัวมาก จิตก็จะตื่น ใจจะเบิกบาน
คำที่ว่า พระพุทธเจ้าเห็นธรรมะ ก็คือตัวสตินี่เอง
ที่ไปเห็น ไปรู้จักอาการที่มีอยู่อย่างนั้น และเป็นอยู่ตลอดเวลา
ใครจะรู้ ก็เป็นอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ ก็เป็นอยู่อย่างนั้น

หลวงตาสุริยา

การปรุงแต่งของจิต...



          การปรุงแต่งของจิตอันเป็นผลมาจากประสบการณ์ในอดีตของเรา เป็นอุปสรรคขวางกั้นไม่ให้เรามองเห็นสรรพสิ่งทั้งหลายตามธรรมชาติที่แท้จริง

                                                                                                ท่านอาจารย์โกเอ็นก้า

ไม่ไปตามอารมณ์ ก็พ้นทุกข์



คนเราคิดไปตามอารมณ์ ตามความชอบใจ
...เอาความคิดมาปรุง มาแต่ง 
เป็นประโยชน์มั่ง ไม่เป็นประโยชน์มั่ง...
มันถึงทุกข์...จึงให้ค่อยๆ ดู ดูให้เห็น...
เมื่อใจยับยั้งได้ ไม่ไปตามอารมณ์...
มันก็พ้นทุกข์ได้..แค่นี้ล่ะ

หลวงปู่บุญมา สุชีโว

จิตเป็นสิ่งสำคัญที่สุด



จิตเป็นสิ่งสำคัญที่สุด การที่บุคคลจะทำจิตให้บริสุทธิ์ได้ จะต้องคลายความยึดถือในตัวตน...

ท่านพ่อลี ธัมมธโร

ผ้าขาวก็เป็นพระได้



          ไม่ใช่แค่หัวโล้นผ้าเหลืองจะเป็นพระนะ ผ้าขาวก็เป็นได้ ใจมันเป็นพระเอง นี่เราอยากได้เป็นพระอรหันต์ อยากนิพพาน แต่ไม่ทำเอา มันก็ไม่ได้ มันได้เท่าที่มันจะเป็นนั่นแหละ คือเป็นทุกข์ ไม่อยากเป็นก็ต้องเป็น...

                                                                                                      หลวงปู่คำบ่อ ฐิตปัญโญ

การเจริญสติ



การเจริญสติ
คือการพัฒนาศักยภาพสติปัญญาโดยแท้

หลวงตาสุริยา วัดป่าโสมพนัส

ธรรมอันพ้นทุกข์



พระพุทธเจ้าท่านสอนธรรมอันพ้นทุกข์ 
ธรรมอันพ้นทุกข์คืออะไร ? 
ธรรมอันพ้นทุกข์ท่านสอนไว้คือ ไม่มีอุปาทาน 
เมื่อตัวอุปาทานยังมีอยู่ จิตนั้นยังไม่พ้นทุกข์ 
ความทุกข์เกิดจากอุปาทาน ความยึดมั่นถือมั่น 
ถ้าจิตไม่มีอุปาทานแล้ว จิตนั้นก็ไม่ร้อน 
นี่แหละธรรมอันพ้นทุกข์ของพระพุทธเจ้า

หลวงปู่ผ่าน ปัญญาปทีโป

เราปฏิบัติธรรมเพื่อให้ฉลาดในการหยุดคิด



          เรามาปฏิบัติธรรมนี่เพื่อจะฝึกใจเราให้เกิดกุศโลบาย คือฝึกฝนให้ฉลาด ให้ฉลาดในการหยุดคิด เพื่อไม่ให้วุ่นวาย เมื่อเราภาวนาหนักเข้าๆ มันก็หยุดคิดได้ ฉลาดขึ้นมาได้ ตัดกรรม คือ ความทุกข์ใจได้ 
          ธรรมะก็มีเท่านี้เองที่จะทำใจเราให้เป็นกลาง ทำใจของเราให้เยือกเย็น ทำใจของเราให้เป็นกลางก็คือ ทำใจให้ว่าง ทำใจให้สว่าง ทำใจให้เฉย ให้สงบ..

                                                                                              หลวงพ่อสนอง กตฺปุญโญ

การปฏิบัติธรรม คือ การแยกจิตออกจากอารมณ์



"..ถ้าจะกล่าวโดยสรุป 
การปฏิบัติธรรม คือ การแยกจิตออกจากอารมณ์
วิธีการคือ อย่าส่งจิตออกนอก อย่าตามเงาของจิต 
ระวังผัสสะ กระทบปั๊บ ย้อนกลับ มีสติรู้ทัน 
ความคิดมันก็จะหยุด จิตหยุดคิด คือหยุดปรุงแต่ง
ระวังอย่าให้มันก่อรูปความคิด
ความคิดเป็นสังขาร (การปรุงแต่ง) ทั้งนั้นแหละ
สุขก็เป็นสังขาร ทุกข์ก็เป็นสังขาร
สังขารใดๆ ก็ตาม มันไม่เที่ยง เป็นทุกข์
กิจอื่นนอกจากความพ้นทุกข์ไม่มีอีกแล้ว
ทำบ่อยๆ ทำให้มาก ทำได้แล้วจะมีกำลัง
เป็นฆราวาสจะทำให้เกลี้ยง ทำให้ขาว
เหมือนสังข์ที่ขัด มันทำยาก.."

ใจความตอนหนึ่งจากธรรมเทศนา
พระอาจารย์มนตรี อาภสฺสโร
สวนพุทธธรรม ป่าละอู
วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน 2557

จงรู้เจริญพระกรรมฐานในทุกๆ ขณะจิต



                                                               คำสอนสมเด็จองค์ปฐม

          คนฉลาดในธรรม เขาเอากายทำงานทางโลก แต่เอาจิตทำงานทางธรรมไปด้วยพร้อมๆ กัน ไม่คิดว่าไม่มีเวลาปฏิบัติกรรมฐาน ตราบใดที่ลมหายใจยังมีอยู่ ไม่ว่าร่างกายจักอยู่ในสถานะใดๆ ก็ตาม จักต้องเรียกได้ว่ามีเวลาปฏิบัติตลอดเวลา ขณะจิตหนึ่งๆ ที่ระลึกได้นั้น จงหมั่นเจริญพระกรรมฐานให้เกิดขึ้นแก่จิต ถ้าหากทำอารมณ์ให้เกิดอย่างนี้จนชินเป็นปกติไม่ได้ ก็จักไปพระนิพพานในชาตินี้ไม่ได้ และจงอย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง ความตายเป็นของเที่ยง จงรู้เจริญพระกรรมฐานในทุกๆ ขณะจิต อันเป็นปัจจุบันธรรมเพื่อความไม่ประมาทในชีวิต

                                                           ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น
                                              รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน

ปรีชาญาณเกิดในมิติของจิตเหนือสำนึก



ทางสายกลางเป็นจุดเริ่มต้นของภาวะจิต
ที่อยู่เหนือจิตสามัญสำนึก 
เราจึงจะพัฒนาให้เกิดปรีชาญาณได้ 
ปรีชาญาณเกิดในมิติของจิตเหนือสำนึก 
ไม่ใช่มิติของจิตสามัญสำนึก 
ในมิติจิตสามัญสำนึก 
เป็นปัญญาระดับเหตุผลเท่านั้นเอง 
แต่ปรีชาญาณ หรือญาณทัศนะ หรือปัญญาญาณ 
หรือภาวนามยปัญญา มันเป็นธรรมชาติรู้ ที่อยู่ระดับจิตเหนือสำนึก 
ปัญญาระดับนี้แหละ ที่ทำลายความยึดถือต่างๆ ได้ 
การเรียนรู้ของเรา ต้องใช้ปัญญาระดับจิตเหนือสำนึกไปเรียนรู้ 
ไม่ใช่เรียนรู้ด้วยปัญญาระดับเหตุผล

หลวงพ่อโพธินันทะ

นักปฏิบัติพึงมีสติ เห็นกิเลสภายในใจ



ให้พวกเราทุกคนพยายามมีสติ เฝ้าดูจิตใจของเรานี้
ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ไม่ใช่ว่าไปดูบุคคลอื่น 
ว่าเขาทำอะไร หรือเขาพูดอะไร 
แล้วเอาสิ่งที่ไม่ดีมาเผาอารมณ์จิตใจของเรา 
ทำให้จิตใจของเรานั้นมีความทุกข์ใจ 
มีความไม่สบายใจ 
นักประพฤติปฏิบัตินั้นพึงมีสติ 
เฝ้าเห็นกิเลสภายในใจของเราอยู่เสมอ

พระอาจารย์อัครเดช (ตั๋น) ถิรจิตโต

ใจ มีอันเดียวไม่ได้มาก



ใจ มีอันเดียวไม่ได้มาก
ที่ว่ามากๆ นั้น
เป็นอาการของ ใจ ต่างหาก
ผู้ที่ไม่ได้ฝึกอบรม
ชำระอาการของใจ
ให้ยังเหลือหนึ่งแล้ว
สัจธรรมของจริง
จะไม่ปรากฏให้เห็นเลย
เห็นก็แต่อาการของใจนั่นแล

หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี


เห็นความจริงด้วยใจเป็นกลาง



เราต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับความจริง 
อย่าไปฝืน อย่าไปต่อต้าน หรือปฏิเสธความจริง 
แค่ เห็นความจริงด้วยใจเป็นกลาง ก็พอ 
การปฏิบัติโดยเฉพาะการเจริญสติและวิปัสสนา
มีหลักสำคัญอยู่ตรงนี้ ต้องวางใจ...
เหมือนคนที่ยืนอยู่ริมตลิ่งแล้วมองดูสายน้ำ 
สายน้ำจะไหลเร็วหรือช้า ใสหรือขุ่น ก็ช่างมัน
ไม่ต้องไปยินดียินร้าย หรือให้ค่ากับมัน 
หน้าที่ของเราคือ ดูมันอย่างที่มันเป็น เท่านั้น

พระไพศาล วิสาโล

เวลาเผาศพ ให้เผากิเลสในใจด้วย



         เวลาเผาศพ อย่าตั้งหน้าตั้งตาเผาเขา เวลาเราไปเผาศพ ก็เผากิเลสในใจของเราเสียด้วย กิเลสส่วนใด ที่มันสิงอยู่ที่เรา คิดว่า เราจะไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตายน่ะ เผามันเสียให้หมดไป เราคิดว่า วันนี้เราเผาเขา ไม่ช้าเขาก็เผาเรา คนเกิดมาแล้วตายอย่างนี้ เราจะเกิดมันทำไม ต่อไปข้างหน้า เราไม่เกิดดีกว่า เราไปพระนิพพานนั่นละ ดีที่สุด..

                                                                                           หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค






"มรณกรรมฐาน" เป็นยอดกรรมฐาน



          "มรณกรรมฐาน" นี้ เป็นยอดกรรมฐานก็ว่าได้ คนเรา เมื่ออาศัยความประมาทมัวเมา ไม่ได้มองเห็นภัย อันตรายจะมาถึงตน คิดเอาเอง หมายเอาเองว่า เราคงไม่เป็นอะไรง่ายๆ เราสบายดีอยู่ เรายังเด็กยังหนุ่มอยู่ ความตายคงไม่กล้ำกรายได้ง่าย อันนี้เป็นความประมาทมัวเมา..

                                                                                                      หลวงปู่สิม พุทธาจาโร

การภาวนาเป็นการควบคุมไม่ให้จิตตามอารมณ์



         ...ภาวนา เราต้องใช้ปัญญาควบคุมจิตใจของเรา ให้มีจิตได้ทบทวนตรวจค้นความรู้สึกสำนึกในจิตของเราอยู่เสมอ ไม่ให้มันล่วงเลยไปตามอารมณ์ คือไม่ตามใจ โดยมากคนเราไม่มีภาวนา ก็คือตามอารมณ์ คิดตามอารมณ์ พูดตามอารมณ์ ทำตามอารมณ์ แล้วแต่อารมณ์เป็นใหญ่

         การภาวนาจึงเป็นการควบคุมไม่ให้จิตของเราตามอารมณ์ เหมือนกันกับสำลีหรือนุ่นที่เป็นของเบา ก็ต้องมีอะไรครอบไว้รักษาไว้ ลมพัดมามันจึงจะไม่ไปตามลม จิตของเราก็เหมือนกัน เราก็ต้องควบคุมด้วยการภาวนา ตรวจค้นจิตของเรา จึงเรียกว่า โอปนยิโก น้อมเข้ามาในตน ทบทวนเข้ามาหาจิตของเรา ความรู้สึกนึกตรวจค้นอยู่เสมอ ทบทวนจิตของเราให้รู้ผิดรู้ถูก รู้ดีรู้ชั่วของจิต

                                                                                                  พระอาจารย์วัน อุตตโม

การฝึกทางโลกุตตระ คือทำให้หมดอุปาทาน



การฝึกทางโลกุตตระ คือทำให้มันหมดอุปาทาน
ปฏิบัติให้หมดอุปาทาน ให้พิจารณาร่างกายนี้แหละ
พิจารณาซ้ำแล้วซ้ำอีกให้มันเบื่อ
ให้มันหน่าย จนเกิดนิพพิทา ซึ่งเกิดได้ยาก
มันจึงเป็นของยาก ถ้าเรายังไม่เห็นก็ยิ่งดูมันยาก

หลวงปู่ชา สุภัทโท

กามคุณเปรียบภัย คือวังน้ำวน



กามคุณ ๕ อย่าง รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส 
เปรียบด้วยภัย คือ วังน้ำวน 
ใครหลงติดกามคุณทั้ง ๕ นี้  
ก็จะติดเหมือนลิงติดตังอยู่ในวังน้ำวน  
และมีแต่จะถูกกระแสน้ำดูดจมลงอย่างไม่ต้องสงสัย

หลวงปู่ชอบ ฐานสโม 

สุปฏิปันโนคือ ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ...



          คำว่า สุปฏิปันโน ก็คือ ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ด้วยการเอากายและใจเป็นหลักของอรรถของธรรม ทำจิตใจให้ผ่องใส... เอากายเราเป็นหลักธรรม เพื่อศึกษา พิจารณา ว่าธรรมะอยู่ไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร... กายเป็นเพียง "หลักธรรม" ต่อเมื่อได้ลงมือปฏิบัติ จึงจะเป็น "ธรรม" จริงๆ เรียกว่ามีปัญญามาปฏิบัติให้สมกับตน

                                                                                                 หลวงปู่คำบ่อ ฐิตปัญโญ

ยึดถืออุปสรรคเป็นอารมณ์กวนใจ เป็นความเขลา



โดยมาก อุปสรรคต่างๆ 
เป็นเรื่องหยุมหยิมเล็กน้อยไม่มีสาระ 
แต่มักจะรับเข้ายึดถือเป็นอารมณ์กวนใจ
ให้เดือดร้อนไปเอง จนถึงให้ทอดทิ้งความดี 
ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ไม่ใช่เป็นความฉลาด 
แต่เป็นความเขลาของเราเอง 
และทางพระพุทธศาสนาเรียกว่าเป็นผู้แพ้

ส่วนการชนะนั้น 
ก็มิได้ประสงค์ให้ชนะในทางก่อเวร 
แต่มุ่งให้เอาชนะตนเอง คือชนะจิตใจที่ใฝ่ชั่วของตน 
และเอาชนะเหตุการณ์แวดล้อม
ที่มาเป็นอุปสรรคแห่งความดี
เพื่อที่จะรักษา และเพิ่มพูนความดีของตนให้ดียิ่งๆ ขึ้น

 สมเด็จพระญาณสังวร 
 สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

ความดีที่แท้จริง อยู่เหนือดี-ชั่ว




ธรรมะที่พระพุทธเจ้าท่านสอนน่ะ
ชอบก็ไม่ให้เอา ไม่ชอบก็ไม่ให้เอา
ไม่มีชอบ ไม่มีไม่ชอบ ไม่มีรัก ไม่มีเกลียด 
เราเดินตรงเข้าไปหาสัจธรรม
ถ้ารู้จักแต่เรื่องบุญ 
เรื่องบาป ฉันไม่เอา ฉันจะเอาบุญ ...
อันนี้มันเป็นตัวอวิชชาเหมือนกันนะ
เรื่องไม่บาป ไม่บุญ ทำไมไม่เดินเล่า 
เรื่องที่ว่าไม่ดี ไม่ชั่ว ทำไมไม่เดิน 
มันเป็นทางจะให้เราพ้นทุกข์
ความดีที่แท้จริง มันอยู่เหนือดี เหนือชั่ว
มันอยู่เหนือผิด เหนือถูก

หลวงปู่ชา สุภัทโท

คนเห็นวัด...




มาถึงวัดเห็นดินและต้นไม้
ยังไม่ใช่เห็นวัดดังคำขาน 
คนเห็นวัดต้องเห็นธรรมสัมมาญาณ
เพ่งสังขารรู้ชัดเห็นวัดจริง

หลวงพ่อวิชัย เขมิโย

รักษาจิตไปทำไม



          การรักษาจิตนั้น จะรักษาไปทำไม..? คือ รักษาไม่ให้มันยุ่ง มันไปยุ่งเกี่ยวกับอารมณ์ส่วนไหน ก็ใช้สติ และสัมปชัญญะคอยแก้ไข ให้มันละ มันวางอารมณ์สิ่งเหล่านั้นเสียได้ นั่นเรียกว่า..เป็นผู้มีปัญญา

                                                                                          หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป

ความไม่สวยงามในร่างกายนี้ ผู้มีปัญญาเท่านั้นจึงจะรู้



          ความไม่สวยงามในร่างกายนี้ ผู้มีปัญญาเท่านั้นจึงจะรู้ เห็นตามความเป็นจริง ธรรมชาติเดิมของร่างกายแล้ว ไม่มีสิ่งใดเป็นของสวยงาม มีแต่สิ่งสกปรกโสโครก  ความสวยงามนั้นมีอยู่ที่กิเลส สังขาร โมหะ อวิชชา มีความเข้าใจผิด รูปนั้นจึงมีความสวยงาม รูปสวยงามเพราะความรัก รูปสวยงามเพราะความยินดี รูปสวยงามเพราะความใคร่ รูปสวยงามเพราะมีความกำหนัด ถ้าจิตไม่มีความรัก ความใคร่ ความกำหนัดแล้ว รูปนั้นจะไม่มีสิ่งใดเป็นของสวยงามเลย..

                                                                                        หลวงพ่อทูล ขิปปปัญโญ

ความรุ่งเรืองและการล่มสลายเป็นเพียงหยาดน้ำค้าง



          ...จงมองดูปรากฏการณ์แห่งความรุ่งโรจน์และความตกต่ำ ด้วยดวงใจที่สงบไร้กังวล เพราะทั้งความรุ่งเรือง และการล่มสลาย เป็นเพียงหยาดน้ำค้างบนใบหญ้าเท่านั้น

                                                                                                    ปรมาจารย์ตั๊กม้อ

เป็นมนุษย์ เดินทางผิด จิตเศร้าหมอง



เป็นมนุษย์ เดินทางผิด จิตเศร้าหมอง 
เหมือนแมลงป่อง อวดรู้ ชูแต่หาง
สำแดงเดช เดชา แต่ตาฟาง 
ต้องอัปปาง ทับถม จมแผ่นดิน

ตัวทิฏฐิ มานะ สละยาก 
เมื่อรู้มาก เก็บไว้ กลายเป็นหิน
มีอาหาร อยู่มากหลาย แต่ไม่กิน 
มีทรัพย์สิน เงินทอง ยังต้องจน

เรียนรู้ธรรม แต่ไม่นำ มาสอนจิต 
เมื่อไม่เพ่ง พินิจ ก็ไม่ได้ผล
ผู้ไม่ประมาท ตามโอวาท พระทศพล 
เจอของดี ภายในตน ทุกคนเอย

หลวงปู่เปลื้อง ปัญญาวันโต

คนทั้งหลายส่วนมาก ล้วนตายไปกับความมืดบอด



คนทั้งหลาย ที่เกิดขึ้นมาในโลก 
ส่วนมาก ล้วนตายไปกับความมืดบอด
ตอนยังมีชีวิต ก็หลงมัวเมาสนุกสนานเพลิดเพลิน
ในการอยู่การกิน หัวเราะร้องไห้กันไป
ตามแต่จะประสบสุขทุกข์ รักและชัง 
ปล่อยตัวปล่อยใจ ให้ชีวิตเดินไปตามยถากรรม
โดยไม่สนใจที่จะคิดสร้างกรรมดี ขึ้นด้วยจิตใจ
และเรี่ยวแรงตามกำลังสติปัญญาที่มี
ปล่อยให้วันคืนล่วงไป เหมือนสัตว์ตัวหนึ่ง 
ที่เขาเลี้ยงอย่างอ้วนพี แล้วก็นำไปสู่โรงฆ่า
ช่างน่าเวทนาเสียจริงๆ

ท่านพ่อลี ธัมมธโร

ให้กำหนดสติรู้จิต เพียงอย่างเดียว



อย่าไปไขว่คว้าอะไร ให้มันมากมายนัก 
ให้กำหนดสติรู้จิต เพียงอย่างเดียว 
บาปมันเกิดที่จิต บุญมันเกิดที่จิต 
ดีชั่วเกิดที่จิต 
สวรรค์นิพพานเกิดที่จิต 
มันไม่ได้เกิดที่อื่น..

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ

ให้บำเพ็ญจิตจนไม่ติดดี ติดชั่ว



          ทางพระสอนให้ละชั่ว ทำความดี แต่ก็ไม่ให้ติดอยู่ในความดี ให้บำเพ็ญจิตให้ยิ่งขึ้นจนถึงไม่ติดดีติดชั่ว จึงจะพ้นจากโลกนี้ไปได้ เพราะแม้คุณความดีจะส่งผลให้เป็นสุขไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ เป็นเทพ อินทร์ พรหม ก็ตาม แต่เมื่อกำลังของกุศลกรรมความดีนั้นๆ หมดลง ก็ย่อมต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก ทางพระจึงมุ่งสอนให้มุ่งภาวนา ทำจิตให้รวม ระวังตั้งมั่น ทำจิตให้มีปัญญารู้ความเป็นจริงด้วยตนเอง จนถอดถอนอุปทานความยึดมั่นถือมั่นต่างๆ ออกเสียจึงจะเป็นไปเพื่อความสิ้นภพสิ้นชาติ หมดทุกข์หมดยากโดยแท้จริง


                                                                                                หลวงปู่สิม พุทธาจาโร

อย่าเอาแต่นั่งหลับตา ใช้ไม่ได้



          อย่าเอาแต่นั่งหลับตา ใช้ไม่ได้ คนที่หลับตาเก่งนานๆ จะนึกว่าจะได้กรรมฐานดี ฉันไม่เชื่อ เพราะถ้าจะดีจริงๆ มันต้องดีทั้งหลับตา ดีทั้งลืมตา ดีทั้งอยู่ในที่สงัด ดีทั้งที่เวลาร่างกายปกติและก็ดีทั้งที่เวลาร่างกายไม่ปกติ และก็ดีทั้งในขณะที่คนเขาด่าเรา อารมณ์ของเราจะต้องสม่ำเสมอกัน ไม่ขึ้นไม่ลง ใครเขาสรรเสริญก็เฉย ใครเขานินทาว่าร้ายก็เฉย อารมณ์เงียบสงัด เสียงเงียบสงัดเราก็เฉย เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจโวยวาย เราก็เฉย  ลงเฉยเสียหมด มันก็หมดเรื่องกันความจริงการเจริญพระกรรมฐานนี้ เป็นการเจริญเพื่อทรงสติสัมปชัญญะ และก็เป็นการเจริญให้มีหิริและโอตตัปปะ คือมีความละอายต่อความชั่วเกรงกลัวผลของความชั่ว ใช้เวลานั่งสมาธิเสมอไป จิตใจเราจึงจะกำหนดถึงพระกรรมฐานอย่างนี้ใช้ไม่ได้ ต้องใช้อารมณ์ของเรานี้นึกถึงกรรมฐานเป็นปกติตลอดวัน 

                                                                                                      หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
                                       

จะมัวเฝ้าเอาอะไรกับกายนี้..



จะมัวเฝ้าเอาอะไรกับกายนี้
ตรองให้ดีแล้วจะเห็นเป็นสังขาร
คือไม่เที่ยงเป็นทุกข์อันตรธาน
เป็นเพียงสารสื่อนำ "ธรรมดา"

หลวงตาสุริยา วัดป่าโสมพนัส

พุทธะ คือ ผู้รู้



...พุทธะ คือ ผู้รู้ ความรู้นี้ไม่ใช่มืด ไม่ใช่สว่าง
ไม่ใช่แจ้ง ไม่ใช่หลง ความที่มันหลงเราก็รู้อยู่ 
มืดเราก็รู้อยู่ สว่างเราก็รู้อยู่ สุขมันก็รู้ ทุกข์มันก็รู้ ยังงี้...

หลวงปู่ฝั้น อาจาโร

เห็นอนิจจังขณะจิตเดียว ก็เห็นโลกรอบแล้ว



เห็นอนิจจังขณะจิตเดียว ก็เห็นโลกรอบแล้ว เพราะโลกเต็มไปด้วยอนิจจัง
เห็นทุกข์ขณะจิตเดียว ก็เห็นโลกรอบแล้ว เพราะโลกเต็มไปด้วยความทุกข์ 
เห็นสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเราเขา เพียงแต่สักว่า รูปขันธ์ นามขันธ์ เกิดขึ้นแล้ว แปรปรวนดับสลาย 
เป็นสักแต่ว่าสังขาร เพียงแค่ขณะจิตเดียวก็เห็นโลกรอบแล้ว ไม่ต้องสงสัยในโลกทั้งปวง 
ถ้าเห็นชัด ถ้าเห็นไม่ชัดก็ไม่ตัดความสงสัย ถ้าเห็นชัดก็ตัดความสงสัย...

หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต

ต่อสู้โดยการไม่เอา ไม่ยึด ไม่ถือ ต่อสู้ให้ปล่อยวาง



          โลกธรรมมันเป็นอยู่อย่างนั้น นินทา สรรเสริญมันมีอยู่อย่างนั้น เป็นธรรมดาของโลกมันมีอยู่อย่างนั้น แต่ว่าข้อสำคัญนั้น อย่าไปยึดไปถือเอามาเป็นสมบัติของเรา นี่ให้เราเข้าใจอย่างนั้น ปลุกใจของพวกเราให้ต่อสู้ขันธมาร หรือกิเลสมาร แต่ว่าต่อสู้โดยการไม่เอา ไม่ยึด ไม่ถือ ต่อสู้ให้ปล่อยวาง นี่เอาอย่างนี้ จึงจะสมกับว่าเป็นนักปฏิบัติ เพื่อหาความพ้นทุกข์  

                                                                                              หลวงปู่บุญจันทร์ กมโล

ยิ่งคิด ยิ่งต้องรู้สึกตัว



ยิ่งคิด ยิ่งต้องรู้สึกตัว

หลวงตาสุริยา วัดป่าโสมพนัส (ส.มหาปัญโญภิกขุ)

การปฏิบัติไม่ได้มุ่งดับความคิด



          ความคิดนั้น มันเกิดอยู่เสมอ เหมือนลมหายใจนั่นเอง ห้ามไม่ได้ การปฏิบัติก็ไม่ได้มุ่งให้ดับความคิด เอาแค่ว่า พอรู้อารมณ์แล้ว จิตมันคิดนึกปรุงแต่งก็ให้รู้ทัน อย่าให้ฝันทั้งที่ตื่น คือ หลงคิดไปโดยไม่รู้ตัว เท่านี้ก็พอ..

                                                                                                                   หลวงปู่ดูลย์ อตุโล

มีสติรู้ว่ากายนี้ไม่เที่ยง...



มีสติรู้ว่ากายนี้ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ 
ไม่เป็นไปตามบังคับของใคร
เมื่อรู้ก็เบื่อ เมื่อเบื่อก็คลายความยึดความถือ
อาจยังยึดกายแต่ไม่ยึดความโกรธ
ขอให้พากันฝึกฝนอบรมตนไปเรื่อยๆ
กิเลสก็จะเบาบางไปจนหมดไปได้ และนี่เอง 
คือจุดหมายปลายทางของพระพุทธศาสนา

 หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

นักปราชญ์รู้ว่าใจคือธรรม



นักปราชญ์ผู้สร้างประโยชน์แก่มนุษย์
รู้ว่าใจคือธรรม... 
 ...แต่คนโง่ที่ยวแสวงหาธรรม 
ไปในที่ต่างๆ อย่างไร้จุดหมาย

ปรมาจารย์ตั๊กม้อ

มัวเมาในสิ่งที่ตนได้...



มัวเมาในสิ่งที่ตนได้ หลงใหลในสิ่งที่ตนมี คือการสร้างเรือนจำขังตัวเอง

หลวงปู่จันทร์ กุสโล