เมื่อใดก็ตามที่เรายึดสิ่งต่างๆ ว่าเป็นเรา
เราจะมีความคาดหวังดังกล่าวลึกๆ อยู่ในใจ
เราก็จะมีความคาดหวังว่าร่างกายนี้
จะเจ็บป่วยไม่ได้ จะแก่ไม่ได้
ฉะนั้น เมื่อเกิดเจ็บป่วยขึ้นมา
หรือเห็นผิวเหี่ยวย่นผมหงอก
เราจะทุกข์ทันที เพราะว่ามันสวนทาง
กับความคาดหวังหรือความยึดติดของเรา
.
ความคิดของเรา ความรู้ของเรา
อ่านหนังสือมาก็ยึด
ว่าเรารู้ เราเข้าใจ เราเข้าถึง
อารมณ์ความรู้สึกว่าเป็นเรา
ต้องอย่างนู้นอย่างนั้น
แม้นหลักทฤษฎีที่รู้มา
และ การปฎิบัติที่เคยมีมา
มันเป็นแค่อากาศ
เป็นพลังงานสะสมหรือโปรแกรม
.
พยายามจะเฝ้าทรงรักษา
หรือ หาคำตอบ ทั้งชีวิต
มันไม่สามารถหลุดพ้นหรือผ่านสิ่งเหล่านี้
ก็จะหาคำตอบ ทรงรักษา สืบต่อไป
สู่ชาติต่อไปต่อๆ ไป
.
ไม่เจอนิพพานหรอก ใจไม่หยุดหา
ตัณหาพาไป
ใจเป็นผู้พาไปเกิดตาย
มานับไม่ถ้วนเลย
.
ลองรู้ เฉยๆ แต่ไม่ยึดเอาเนื้อหา
ผ่านมาผ่านไปเหมือนลมหายใจ
ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข มันเป็นเช่นนั้นเอง
.
เราปฎิบัติมา เพื่อ ไม่เป็นทาสสิ่งใดๆ
ในรูปนี้ นามนี้
แต่ลองเช็คดู ตอนนี้เราไปยึดอะไรเป็นเรา
มันย้อนกับธรรมที่เราเข้าใจไหม?
คำว่า
สักแต่ว่า เห็น สักแต่ว่าได้ยิน
สักแต่ว่า รู้ สักแต่ว่าคิด
นั้นไม่มีใครเป็นเจ้าของอะไรเลยนะ
จึง ไม่มียาก และ ง่าย
รู้สึก เป็น เพียงแค่ความรู้สึก
ที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของความรู้สึกนั้น
พระอาจารย์ปกรณ์นันทน์ ฐิตธัมโม
ภาพ orient-express / tumblr.com
ที่มา : เพจมนษิธาร Monsitharn
(บ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา เดิม)
15 ก.ย..68

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น